เล่าประสบการณ์ทำงาน และ เหตุผลในการเปลี่ยนงาน

ใกล้จะปีใหม่แล้ว หลายท่านอาจจะอยากเปลี่ยนงาน บางท่านอาจจะลังเลกับงานที่กำลังทำ
หรือ กำลังคิดว่าการอยู่ต่อ กับ การลาออก อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด จึงเป็นที่มาของการตั้งกระทู้ที่มักจะเห็นได้บ่อย ๆ ในพันทิป
วันนี้ไวน์จึงอยากจะมาเล่าประสบการณ์ทำงาน และ เหตุผล ผลลัพธ์หลังจากตัดสินใจให้ฟังค่ะ
ขอเริ่มตั้งแต่เรียนจบ และทำงานจริงจังนะคะ ตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้ ไวน์เปลี่ยนงานมา 3 ครั้งค่ะ
งานที่ 1
งานแรกที่ทำจริงจัง คือหลังจากเรียนจบ ป.ตรี สมัยสิบกว่าปีที่แล้ว ไวน์เรียน กทม และ คิดจะทำงานต่อที่ กทม แต่จังหวะนั้นไวน์เพิ่งเลิกกับแฟนเพราะเค้าติดพนันค่ะ ด้วยความที่แฟนเก่าไม่ยอมเลิก คอยตามวอแวตลอด ไวน์เลยตัดสินใจไปทำงานที่เกาะแห่งหนึ่งทางภาคใต้ เพราะมีเพื่อนสมัยมัธยมทำงานโรงแรมที่นั่น เงินติดตัวที่มีตอนนั้นคือได้จากแม่ 4,000 บาท ทำให้ไวน์ต้องรีบหางานโดยด่วน เพราะค่าครองชีพที่เกาะแพงมาก จากเคยคิดก๋วยเตี๋ยวชามละ 20 บาท กลายเป็นว่าที่นั่นขาย 50 บาท ไวน์ใช้เวลาดูเคเบิ้ลทีวี 1 วัน จดทุกงานที่รับสมัคร โชคดีที่เพื่อนตั้งใจลางานพาไวน์หางานอยู่แล้ว วันรุ่งขึ้นเลยตะเวนหางาน และได้งานในวันนั้นเลย ไวน์ได้งานเป็นพนักงานแคชเชียร์ ร้านวัสดุก่อสร้าง เงินเดือนเริ่มต้น 6,500 บาท ซึ่งน้อยมากค่ะถ้าเทียบกับที่เคยได้ที่ กทม แต่เค้ามีที่พักให้ สามารถเข้าอยู่ได้ทันที ไวน์เลยตกลงรับงานนี้ เพราะตอนนั้นตะเวนสมัครงานโรงแรมที่ไหนก็ไม่รับ ถ้ายังเลือกงานจะอดตายเอาได้ วันรุ่งขึ้นหลังจากนั้น ไวน์ก็เข้าทำงานทันที
    ทำงานได้ 3 เดือน เจ้านายใจดีปรับขึ้นให้เป็น 6,800 บาท หลังจากทำได้ 1 ปี ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพนักงานบัญชีเต็มตัว ไวน์ทำที่นี่ 6 ปี เงินเดือนสุดท้ายคือ 12,000 บาท
    สาเหตุที่ออกจากที่นี่เพราะว่า มีความไม่เข้าใจกันกับญาติของเจ้านายที่เพิ่งมาช่วยงาน และ แม้ว่าเจ้านายจะดีกับไวน์มาก และรู้ดีว่าญาติของเค้าผิด แต่ด้วยวัฒนธรรมของครอบครัวที่ไม่ว่าอย่างไรญาติก็ถูกเสมอ จึงทำให้เจ้านายได้แต่เงียบ ไม่ได้ช่วยเราแก้ปัญหา ไวน์อึดอัดมากจนในที่สุดก็หางานในเว็บหางาน หลังจากส่งเรซูเม่ไปประมาณ 10 นาที มีโทรศัพท์เข้ามาสัมภาษณ์เบื้องต้น และ ไวน์ได้งาน แต่งานนี้ต้องย้ายไปอยู่ กทม เงินเดือน+ค่าเช่าห้อง 18,000 บาท
    วันที่ไวน์ยื่นใบลาออก เจ้านายขอให้อยู่ต่อ โดยยินดีจ่ายเงินเดือนให้มากกว่าที่ใหม่ จากที่ๆวน์เคยได้จากที่นี่ 12,000 เจ้านายจะเพิ่มให้ เป็นเงิน 25,000 บาท แต่ๆวน์ปฏิเสธค่ะ ไวน์ให้เหตุผลไปว่า สาเหตุที่ไวน์ลาออกทุกคนในบริษัทรู้ดี แต่คุณไม่สามารถแก้ปัญหาให้เราได้ ถึงจะได้เงินเดือนเพิ่ม สักวันไวน์ก็จะต้องลาออกอยู่ดี เพราะปัญหาไม่ใช่เรื่องเงิน แกก็เลยไม่ได้รั้งไวน์ไว้อีกต่อไปค่ะ
งานที่ 2
    งานนี้ไวน์มาทำในตำแหน่งเลขาผู้บริหารค่ะ เงินเดือน+ค่าเช่าห้องเริ่มต้น 18,000 บาท หลังจากทำงานได้ 6 เดือน เจ้านายปรับให้เป็น 21,000 บาท เงินเดือนสุดท้ายคือ 25,000 บาท ในเวลา 4 ปี
    งานใหม่นี้มีความยุ่งวุ่นวายแตกต่างกับงานแรก เพราะเป็นงานที่ต้องทำทุกอย่างตามที่เจ้านายสั่ง เจ้านายคนนี้รวยมาก ถ้าบอกนามสกุลเชื่อว่าหลายคนจะรู้จัก ธุรกิจที่ทำคืออสังหาริมทรัพย์ แต่เจ้านายคนนี้มีความเกรี้ยวกราดขั้นสูงสุด สามารถด่าทุกคนอย่างหยาบคายได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องกระดาษเบี้ยว เก้าอี้ขยับ หรืออะไรทุกสิ่ง ไวน์ไม่ค่อยโดนนะคะ แต่คนขับรถ พนักงานบัญชี ธุรการ แม่บ้าน จะโดนหมด และทุกครั้งที่พนักงานทุกคนเข้าห้องเย็น ไวน์ก็ต้องไปยืนร่วมรับรู้ด้วย
    การที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้เป็นระยะเวลาถึง 4 ปี ทำให้ไวน์อยากเปลี่ยนงาน ประกอบกับตอนนั้นไวน์ซื้อบ้านแล้ว และบ้านอยู่ไกลจากที่ทำงานพอสมควร ไวน์จึงเริ่มหางานใกล้บ้าน แต่งานที่เงินไม่น้อยกว่าที่เคยได้แถวบ้านหายากมาก เพราะบ้านที่ซื้อไม่ใช่แหล่งธุรกิจ ไวน์เลยพักการหางานไว้ก่อน และอดทนทำที่นี่ต่อไป
    จนกระทั่งวันหนึ่ง ไวน์ได้สมัครงานที่นึงแถวบ้าน ใกล้ชนิดที่ว่าขับรถ 15 นาทีถึง งานใหม่ให้เงินเดือน 30,000 บาท + รถใหม่ป้ายแดง 1 คัน ไวน์จึงตัดสินใจลาออกค่ะ
    เช่นเดิม วันที่ลาออก เจ้านายถามทุกอย่างว่าที่ใหม่ได้เงินเดือนเท่าไหร่ ไวน์ก็ตอบความจริงทุกอย่าง เจ้านายเลิกบอกว่าแค่นี้ฉันก็ให้ได้ ทำไมเธอไม่พูด ฉันให้เธอ 50,000 + รถ แล้วฉันจะไถ่ถอนบ้านเธอจากธนาคารให้ด้วย
    ข้อเสนอนี้น่าสนใจค่ะ เจ้านายให้เวลากลับไปคิด ไวน์ก็เอากลับไปปรึกษาสามีว่ารับดีไหม แต่สามีก็บอกว่าอันนี้ให้ไวน์ตัดสินใจเลย ว่าจะทนอยู่ที่เดิมได้ไหม เพราะถ้าถึงขนาดไถ่ถอนบ้านให้ จากนิสัยของเจ้านายแล้ว ไวน์ไม่ได้ลาออกง่าย ๆ แน่ ไวน์เลยตัดสินใจปฏิเสธค่ะ ด้วยเหตุผลว่าปรึกษาที่บ้านแล้ว คนที่บ้านอยากให้มีเวลาอยู่กับลูกมากกว่านี้ เพราะทุกวันนี้กว่าจะถึงบ้านก็ไม่ต่ำกว่าสามทุ่ม เจ้านายก็ไม่ได้ยอมง่าย ๆ นะคะ แต่ไวน์หนักแน่นพอ เลยติดสินใจลาออก
    ทุกวันนี้ไวน์ทำงานที่ใหม่ได้ 2 ปีแล้วค่ะ ทุกอย่างยังดีอยู่ ยังคงอยู่ในวงการอสังหาเช่นเดิม แต่อนาคตจะยังดีแบบนี้หรือเปล่ายังตอบไม่ได้นะคะ
    สิ่งที่อยากจะฝากถึงทุกคนที่จะเปลี่ยนงานคือ ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีความสุขกับงานที่ทำแล้ว ก็ขอให้คุณกล้าที่จะออกไปหาที่ใหม่ ๆ นะคะ แต่ก่อนออกก็ขอให้มีแผนรองรับสำหรับเรื่องการเงินไว้ด้วย อย่าออกจากงานถ้าไม่มีงานใหม่รองรับเลยค่ะ

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ จริงๆรายละเอียดการทำงานมีมากกว่านี้ แต่กลัวจะเบื่อกันซะก่อนเลยขอเล่าคร่าว ๆ เนอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่