เรื่องสั้น "มันมาจากนรก"

เรื่อง   มันมาจากนรก
บทประพันธ์    เกรียงศักดิ์-เจษฏา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

             ผมจำได้ว่าเมื่อคืนผมดื่มไปหนักมากหลังจากนั่งอยู่ในวงเหล้าในงานวันแต่งงานของเพื่อนผม ผมมารู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งก็ตอนมีใครมาเรียกผม นั้นคือความทรงจำทั้งหมดเท่าที่ผมจำได้  ผมมองรอบๆสถานที่ที่ผมไม่คุ้นตาและไม่เคยมามันมืดๆแดงๆ มีเสียงโหยหวนดังอยู่รอบๆ สองข้างมีผู้คุมหน้าตาเหี้ยมยืนอยู่ข้างสมุดหนาเล่มใหญ่ ผมเห็นคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ตัวสูงใหญ่ลักษณะใบหน้าดุดันตัวสีแดงทรงเครื่องอย่างกษัตริย์เพ่งมองด้วยสายพิฆาตสองข้างขนาบไปด้วยเลขาทั้งสอง ผมได้ยินชื่อว่า ท่านสุวรรณและสุวาน   “นายอเนก หมางเมิง อายุยี่สิบห้า เป็นชายโสด  ตอนเป็นมนุษย์ ดื่มเหล่า เล่นพนันติดผู้หญิง เสียการเสียงานไม่ดูแลบุพการี ก่อนตายได้ไปดื่มเหล้าจนขับรถชนตาย”ท่านสุวรรณเอ่ยและปิดสมุดบัญชีหนังหมาเล่นใหญ่

            ภาพทุกภาพตอนที่มีชีวิตอยู่ผุดขึ้นมา  ผมน้ำตาซึมด้วยความสำนึกผิดแม้จะสายไปเสียแล้ว คนตัวใหญ่ที่ถูกเรียกว่าพญายมราช ชี้นิ้วมาทางผม ”ความดีไม่เคยทำ ดื่มแต่เหล้า พ่อแม่ก็ลำบากไม่ส่งเสียเลี้ยงดู เจ้าจงไปชดใช้กรรม ที่มหาโรรุจมหานรก ดินแดนแห่งสุราเมลัยเป็นเวลาหนึ่งหมื่นสองพันปีนรก ให้สาสมกับที่เจ้าได้ทำไว้” สิ้นเสียงของท่านพญายม  ภาพทุกภาพที่ผมเคยทำไม่ดีในตอนมีชีวิตผุดขึ้นมา ความดีไม่ทำ ทำแต่กรรมชั่ว พยายามอ้อนวอนเท่าใดแต่ก็ไม่เป็นผล  ผมถูกลากปีกสองข้างออกมาจากแดนพิพากษา  แม้จะพยายามตะโกนขอความเห็นใจเท่าใดก็ตาม “มนุษย์ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา  ทุกคนย่อมหลีกหนีกรรมที่ตัวเองก่อไม่พ้น กฏแห่งกรรม ยุติธรรมเสมอ” นั้นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินจากท่านพญายมราช      ผมถูกผู้คุมสองคนเดินพาที่ดินแดนนรก  สิ่งที่ผมเห็นคือ การทรมาน ของเหล่าผู้คุม ภาพคนปีนต้นไม้ที่มีหนามแหลมพร้อมกับโดนอีกาจิก  ภาพคนโดนตัดลิ้น  ภาพคนโดนน้ำร้อนกรอกปาก  บางคนกระโดดลงกระทะร้อนๆเพราะโดนหอกแหลมพุ่งแทง  ผมตัวสั่นไปหมด  พยายามคิดหาหนทางหนี แต่นี้มันนรก  ผมจะหนีไปได้ยังไง เกือบที่จะถึงเส้นทางที่ไปแดนโทษ  ผู้คุมหยุดพูดคุยกับเจ้าหน้าที่คุมแดน

           ผมใช้จังหวะเวลานั้นสะบัดหลุดออกจากมือที่พันธนาการเอาไว้แล้ววิ่ง  ผมวิ่งสุดชีวิต  ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนแค่เห็นว่ามีแสงที่ลอดจากอุโมงค์ ผมไม่รอช้า วิ่งเข้าหา แสงสว่างพุ่งกระจายรอบตัวผมและทุกอย่างก็ดับวูบไป    ผู้คุมสองคนตกตะลึง  รีบวิ่งตามผม  ผมไม่รู้ว่าผมมาโผล่ได้ที่คอนโดอย่างไร แต่นั้นนับว่าผมทำสำเร็จแล้ว  ผมร้องดีใจ  แต่ไม่ทันไร ร่างของผู้คุมตัวใหญ่ก็ตามมา ผมพยายามจะเข้าไปในคอนโดแต่ก็เข้าไม่ได้ เหมือนมีกำแพงแก้วใสเป็นเกราะกั้นไม่สามารถเข้าไปได้ ไม่มีเวลาแล้ว ผมพุ่งตรงไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินคู่กันมาคิดแต่ว่า  “เราต้องไปเกิดใหม่”  สีหน้าของผู้คุมละห้อยที่จับผมไม่ได้  

            ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนโลกใบใหม่   เสียงแว่วจากมุมหนึ่ง  “ใครนะใจร้ายแกล้งเอาเหล้าขาวให้หมามันกิน เดี๋ยวมันก็ตายหรอก” สภาพหมาตัวหนึ่งสะลืมสะลือเดินเซไปมา ไม่นานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ข้าบอกเจ้าแล้ว ไม่มีใครหนีกรรมพ้นหรอก  ฮิฮิ” พร้อมกับเสียงหัวเราะสะใจ ผมหลับตา พร้อมกับสาวประเภทสองคนที่ผมจำได้ว่าผมพุ่งไปหาเพื่อจะไปเกิดใหม่ อุ้มผมไปด้วยความสงสาร  นี้แหระครับ จึงเป็นที่มาของคำว่า “เมาเหมือนหมา”
                                                   
                                     จบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่