.....เรื่องสั้น........ เรื่อง......กำแพง........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา





                                
........( กำแพง )........


       
         ...........”  นั่นไงแม่ พ่อ พ่อ  “ เด็กชายเขย่ามือหญิงสาวด้วยความลิงโลด กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจสุดขีด ใบหน้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตาเป็นประกายแวววาว สี่ปีที่รอคอย ตั้งแต่พูดได้และพูดชัด เขาก็ถามหาพ่อแทบทุกวัน แม่ก็เฝ้าปลอบ กอดไว้แล้วก็ให้สัญญา ว่าวันนึงจะพามาพบพ่อ หนูน้อยกอดแม่แน่นพยักหน้ารับรู้ด้วยน้ำตาที่นอง ซึ่งเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตาม จนพากันหลับไปแทบทุกคืน

        ภาพชายหนุ่มในร้านอาหารขนาดใหญ่ตรงหน้า เดินคล่องแคล่วจากโต๊ะโน้นไปโต๊ะนี้ไม่หยุด ยกจานอาหารมาวาง เสร็จแล้วก็ยกจานเปล่าโต๊ะข้าง ๆ กลับไป เดินกลับมาอีกรอบพร้อมผ้าสะอาดผืนนึง เช็ดโต๊ะจนทั่วและจัดวางรายการอาหาร กระปุกเกลือ เครื่องปรุงอื่น ๆ ให้เรียงเป็นระเบียบ พอดีลูกค้าชุดใหม่เข้ามา เขาก็เชิญให้นั่ง ยื่นเมนูให้ครบคนด้วยความสุภาพ พลางหยิบช้อนและจานบนรถเข็น วางเรียงตรงหน้าทุกคนอย่างเรียบร้อย แล้วหลบไปยืนอยู่ข้าง ๆ ให้ลูกค้าดูรายการอาหารอย่างสบายใจ
       
        ในห้างแห่งนี้ร้านอาหารขนาดใหญ่มีกระจกใสสะอาดตาล้อมรอบ ย่อมดึงดูดสายตามาแต่ไกล กลิ่นหอมของเป็ดย่างสีส้มเข้มตัวโตที่แขวนเรียงอยู่ในตู้กระจก กระจายไปทั่วบริเวณ ผู้คนเดินไปเดินมาอดไม่ได้ที่จะหันมองดู พอมองเห็นรูปตัวอย่างอาหารที่โชว์อยู่ก็ยิ่งทำให้สะดุดตาสะดุดใจเข้าไปอีก

        หม้อเคลือบสีแดงขนาดย่อมวางตรงกลางมีปลาหมึกตัวโตวางเรียงคู่กับหอยแมลงภู่ตัวใหญ่หลายตัว เห็ดเข็มทอง ผักกาดขาว ผักสีเขียวสองสามอย่างทั้งหมดวางเบียดกันอยู่ในหม้อ มีไข่ไก่ตอกอยู่บนนั้นสองใบ ไข่แดงสด กลมโตวาวน่ามอง ข้าง ๆ หม้อเคลือบสีแดงมีจานใส่ของทะเลแน่น
จานเบค่อนจานพูน หมูสไลค์ชิ้นเบ้อเร่อ จานผักประดับประดาเป็นพุ่ม พร้อมจานลูกชิ้นอย่างดี ถ้วยน้ำจิ้มสีสด สองถ้วย วางอยู่ด้วยกัน  

        ผู้คนหลั่งไหลเข้าออกในร้านไม่ขาดสาย ปกติตามห้างคนก็เดินกันมากอยู่แล้ว ยิ่งวันนี้เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือนก็เลยหนาแน่นเข้าไปอีก ลูกค้าในร้านก็เลยคึกคักตามกันไป เด็กชายนั่งคู่กับแม่ที่ม้ายาวของห้างหน้าร้านนั้น ตาของหนูน้อยมองตามพ่อไม่กระพริบทุกย่างก้าว กว่าชั่วโมงแล้วที่ชายหนุ่มยกนู่นหยิบนี่ไม่หยุด เขาเป็นคนตัวไม่โตนัก เลยทำให้การเคลื่อนไหวคล่องตัว การขยับไปมาของเขาทำให้หนูน้อยมองอย่างเพลิดเพลิน แต่ในความดีใจนั้นแววตาก็ยังคงดูเหงา ๆ เพราะว่า ชายหนุ่มไม่เคยหันมองมาทางเด็กชายเลย
       

        เขาและเธอ พบกันเมื่อหกปีก่อน ท่ามกลางแรงต้านของพ่อเธอ เขาเป็นคนไม่มีอนาคต  นั่นคือเหตุผลของคนโต แต่ความรักของหนุ่มสาวยากที่จะมีอะไรมาต้านทานได้ จริง ๆ แล้ว อนาคต มันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาได้ไม่ใช่หรือ และฐานะของเธอก็ไม่ได้ดีมากมายอะไร เพียงแต่หน้าที่การงานและการมีหน้ามีตาทางสังคมของพ่อเธอต่างหาก ที่เป็นกำแพงสูงใหญ่ตั้งขวางไว้
       

        ทั้งคู่แอบพบกันอยู่บ่อย ๆ จนกระทั่งปีต่อมาเธอได้ตั้งท้อง พ่อของเธอโกรธมาก ทำเรื่องขอย้ายไปต่างจังหวัดทั้งพ่อและแม่ และเมื่อเรื่องได้รับการอนุมัติทั้งหมดก็พากันไปอยู่ในจังหวัดที่ไกลออกไปพอประมาณ  เป็นการตัดขาดความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวลงอย่างสิ้นเชิง
       

        เธอร้องไห้ทุกวันจนน้ำตาไม่เคยขาดจากดวงตาทั้งสอง กินไม่เป็นอันกิน นอนไม่เป็นอันนอน หลับตาลงทีไรภาพชายคนรักก็ลอยมาทุกครั้ง จนกระทั่งครบกำหนดคลอด เธอได้ลูกผู้ชาย ความโศกเศร้าค่อย ๆ คลายลงไป แต่ความรักความคิดถึงที่มีต่อเขายังคงมีเช่นเดิม และหลายครั้งเมื่อกอดลูก น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง  

        ตากับยายเข้ามาดูมาจับหลานมั่งเป็นบางครั้ง จนได้ขวบกว่าหลานเดินได้ และเริ่มพูดอ้อแอ้ก็เอาไปครองซะเป็นส่วนใหญ่เลยทีนี้ แต่จะมีท่าทีไม่พอใจเมื่อหนูน้อยถามถึงพ่อ และพยายามหลอกล่อทุกอย่างเพื่อให้ลืมพ่อให้ได้ เรื่องของพ่อ จึงเป็นเรื่องที่คุยกันได้แค่แม่กับลูกเท่านั้น
         

        คนเริ่มบางตา ชายหนุ่มมีจังหวะได้ยืนนิ่ง ๆ เป็นบางครั้ง มีโอกาสมองออกมาที่นอกร้านมองคนเดินผ่านไปมา และแล้วสายตาของพ่อลูกก็ได้มาประสานกัน ด้วยความผูกพันในสายเลือด หนูน้อยมองพ่อนิ่งน้ำตาเอ่อออกมาจนตาพร่าเลือน หันกลับมากอดแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเธอก็กอดตอบแน่นเป็นการกลั้นน้ำตาไว้เช่นกัน

        สักครู่นึงชายหนุ่มก็เดินไปลาพักกับผู้จัดการ  หยิบบัตรตอกยัดใส่เครื่องตอกบัตรเรียบร้อยวางกลับเข้าที่แล้วก็เดินออกมาหาสองแม่ลูก การติดต่อสื่อสารในยุคนี้ทำให้การที่ต้องการจะรู้ว่าใครอยู่ที่ไหนเป็นสิ่งไม่ยาก ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกได้พูดคุยกันอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่การที่จะได้มาพบกันแบบนี้มันยากยิ่งนัก แล้วการที่จะได้อยู่ร่วมกันนั้น มันคงยากยิ่งกว่าหลายเท่า
       

        เด็กชายโผเข้าไปหาพ่อร้องไห้เสียงดังด้วยความที่เก็บไว้ไม่ไหวแล้ว เขานั่งคุกเข่าลงรับตัวหนูน้อย ไว้ในอ้อมอก กอดแน่นไว้อย่างนั้นพูดอะไรไม่ออกกันทั้งสองคน หญิงสาวนั่งมองน้ำตาคลอ แต่แล้วในที่สุดมันก็เอ่อล้นออกมาอย่างสุดกลั้นเช่นกัน คนเดินผ่านไปมาหยุดมองสองพ่อลูกนิดนึง ยิ้มให้กับภาพที่เห็นตรงหน้าก่อนจะเดินต่อไป หลายคนที่ยืนดูของในร้านข้าง ๆ ก็หันมามองอมยิ้ม

      ครอบครัวหลายครอบครัว คู่รัก หลายคู่ หลากหลายวัย พากันเดินไปเดินมาดูของต่าง ๆ  หยุดเดินดูสินค้าที่วางไว้ในตู้กระจกคุยกันเรื่องราคา และความสวยงาม เสียงเพลงเบา ๆ แผ่วมาฟังสบาย ไอเย็นฉ่ำสัมผัสกายทุกคนทำให้จิตใจสดชื่น พากันเดินดูนู่นดูนี่ด้วยความสุขใจ  
       

        แต่สำหรับตอนนี้ของทั้งสามคน โลกทั้งใบอยู่แค่ตรงหน้าเท่านั้น โลกที่หล่อหลอมใจไว้ด้วยกัน ความห่างไกล ความคิดถึง ความกังวล  ทุกอย่างถูกลืมไปหมดสิ้นเมื่อได้รับสัมผัสซึ่งกันและกัน  หนูน้อยหยุดร้องไห้แล้ว คงเหลือแต่เสียงสะอื้น และยังคงกอดพ่อแน่น ชายหนุ่มจับไหล่ลูกรักดึงตัวออกช้า ๆ ให้เห็นหน้าชัด เช็ดน้ำตาที่แก้มหนูน้อยออกเบา ๆ พ่อลูกมองตากันนิ่ง พูดอะไรไม่ออก คำพูดที่เก็บไว้หลายปี มันมากมายจนยากที่จะเอ่ยออกมาให้หมดในเวลาจำกัด

        ชายหนุ่มกอดลูกชายอีกครั้งก่อนลุกขึ้นจูงมือหนูน้อยเดินมานั่งข้าง ๆ แม่ที่ม้ายาว อุ้มลูกชายนั่งตัก ตัวเขานั่งชิดเธอจับมือกันไว้ ทั้งคู่ไม่รับรู้สิ่งรอบตัว ผู้คนที่วนเวียนเดินผ่านไปมาเหมือนไม่มีตัวตน ความห่างไกล ความเหงา ความคิดถึงได้ระบายจากใจส่งต่อไปยังมืออันอบอุ่นที่กุมกันไว้แน่น  ตามองตาเหมือนต้องการหยุดเวลาลงไว้ ณ.ตรงนี้  

        “  หิวมั๊ย  “ เขาถาม เธอส่ายหน้า ไม่อยากกินอะไรแล้วตอนนี้ อยากอยู่อย่างนี้ให้นานที่สุด “ พ่อกับแม่ไปประชุม อีกสองวันก็คงกลับ “ เธอรู้ว่าเขาต้องสงสัยว่าเธอพาลูกมาได้ยังไง เขายิ้มทำท่ารับรู้  

        “  อยู่นี่เลยมั๊ย “ ถามเสร็จมองหน้าเธอนิ่ง  เธอถอนหายใจเบา ๆ ความรู้สึกหลายอย่างรุมเร้าเข้ามาในเวลาเดียวกัน การกีดกันจากครอบครัวจะไม่น่ากลัวถ้าพ่อเธอเป็นแบบคนธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่พ่อเธอไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น ตอนที่รู้ว่าเธอตั้งท้อง พ่อรวมลูกน้องสั่งทุกคนค้นหานำตัวชายหนุ่มมาให้ได้ ถ้าเจอแล้วจะเป็นยังไงเธอก็เดาไม่ออก แต่มันต้องไม่ดีแน่นอน

        แม่ช่วยพูด และเธอร้องไห้อย่างหนัก จนผ่านไปหลายชั่วโมงทุกอย่างจึงล้มเลิกลง เปลี่ยนเป็นย้ายที่อยู่กันแทน พ่อคงคิดหนัก ลูกสาวคนเดียว และศักดิ์ศรีของพ่อ การที่พ่อต้องเลือกทางนี้ก็คงต้องการหนีความอับอายนั่นเอง เธอมองหน้าเขา ยิ้มให้แทนคำตอบ ความกลัว นั่นคือสิ่งที่เธอต้องเลือกทำตามพ่อ คืออยู่ให้ห่างเขาไว้ ใช่แล้ว เธอกลัวเขาตกอยู่ในอันตราย เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขามันจะทำให้เธอต้องสูญเสียทุกอย่างไปตลอดกาล  

        เขาก้มหน้านิ่งกอดลูกบนตักไว้แน่น  สี่ปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยคลายความรักที่มีต่อเธอ และลูกน้อย ยังมีความหวังตลอดเวลาว่าคงมีสักวันที่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า เขาตั้งใจทำงาน ไม่ดื่ม เลิกงานกลับห้อง ไม่เที่ยวเตร่ ไม่ไปไหน พยายามเก็บรวมเงินทองไว้ให้ได้มากที่สุด และที่สำคัญ เขาไม่มีใคร และไม่เคยเผลอไปมองใครเลยแม้แต่คนเดียว  


     ( มีต่อครับ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่