Pantip – “50 ปี ที่ ท่าเสด็จ” ร่วมรำลึกรัฐพิธีเปิดสายส่งไฟฟ้าแรงสูง จุดเริ่มต้นมิตรภาพไทย-ลาว

เมื่อพูดถึง ท่าเสด็จ จ.หนองคาย หลายคนก็คงทราบดีอยู่แล้ว ว่าเป็นจุดผ่านแดนระหว่างประเทศไทย และ สปป.ลาว โดยมีสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว เป็นเส้นทางสำคัญ ยึดโยงความสัมพันธ์ของคนสองฝั่งโขงเอาไว้ด้วยกัน  แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้คือ นอกเหนือจากสะพานมิตรภาพที่เป็นเส้นทางให้คนข้ามไปมาหาสู่กันแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสายใยสำคัญ ที่เชื่อมโยงคนสองฝั่งโขงมาอย่างยาวนานนับ 50 ปี ที่อยู่ในรูปของสายส่งไฟฟ้าแรงสูง



ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2511 ณ ท่าเสด็จ จ.หนองคาย ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แห่งราชอาณาจักรไทย กับพระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา แห่ง สปป.ลาว ทรงกดปุ่มการจ่ายกระแสไฟฟ้าบนแพปะรำพิธีกลางแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย ในรัฐพิธีเปิดสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 กิโลโวลต์ จากฝั่งไทยข้ามไปฝั่งลาว นับเป็นสายส่งไฟฟ้าระหว่างประเทศเส้นแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่นำไปสู่ความร่วมมือทางพลังงานอื่น ๆ ตามมาอีกมากมายตลอด 50 ปี



รัฐพิธีเปิดสายส่งครั้งนั้น สืบเนื่องมาจากความร่วมมือกันของไทย กับ สปป. ลาว ที่ต่างฝ่ายต่างมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำในเวลาใกล้เคียงกัน ของไทยคือเขื่อนน้ำพอง (เขื่อนอุบลรัตน์) ส่วนลาวสร้างเขื่อนน้ำงึม 1  โดยฝั่งไทยสร้างเขื่อนน้ำพองเสร็จสมบูรณ์ก่อน และได้ให้ความช่วยเหลือ สปป.ลาว ในการก่อสร้างเขื่อนน้ำงึม 1 โดยปราศจากดอกเบี้ย และให้ใช้คืนในรูปของพลังงานไฟฟ้าในมูลค่าที่เท่ากัน ด้วยเหตุนี้ การก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าที่พาดจากท่าเสด็จข้ามไปถึงท่านาแล้ง ของ สปป.ลาว จึงเป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ทางด้านพลังงานของทั้งสองประเทศนับตั้งแต่นั้น จนถึงปัจจุบัน ที่ระบบไฟฟ้าของทั้งสองประเทศได้ขยายเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ขึ้น มีสายส่งแรงดันสูง 230 กิโลโวลต์ และ 500 กิโลโวลต์ เชื่อมกันถึง 10 จุด เพื่อจ่ายไฟฟ้าจากแหล่งผลิตในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวสู่ผู้ใช้ในประเทศไทย ได้ถึงประมาณ 4,000 เมกะวัตต์ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีการเชื่อมระบบไฟฟ้าระหว่างไทยและลาวเมื่อ 50 ปีที่แล้ว


เขื่อนน้ำงึม 1 - สปป.ลาว




และในโอกาสที่ปีนี้เดินทางมาครบ 50 ปี ของเหตุการณ์ในวันดังกล่าว กระทรวงพลังงาน  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สปป.ลาว และ รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว จึงได้ร่วมกันจัดงาน “50 ปี สายส่ง สานสัมพันธ์ พลังงาน ลาว-ไทย มั่นยืน” เพื่อร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2511 อีกครั้ง โดยมีกิจกรรมสำคัญทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวที่ ซึ่งกิจกรรมทางฝั่งไทยจัดขึ้นที่ ท่าเสด็จ จังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา









ไฮไลต์ของงานในครั้งนี้ คือนิทรรศการ “50 ปี ท่าเสด็จรำลึก ดุจแสงทองสาดส่องสองฝั่งโขงมหานที”  นิทรรศการภาพถ่าย ที่รวมรวมภาพเหตุการณ์สำคัญเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2511 มาไว้อย่างครบถ้วน เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่ละภาพเป็นภาพหาชมยาก ที่พวกเราชาวไทยควรมาชมด้วยสายตาตัวเองสักครั้งในชีวิต   โดยนิทรรศการจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม จนถึงวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2561





ส่วนในวันเปิดงาน วันที่ 13 ธันวาคม ก็มีกิจกรรมที่น่าประทับใจมากมาย เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ที่ชวนพี่น้องชาวชุมชนท่าเสด็จ และผู้ร่วมงานร่วมสวมใส่ชุดไทย หรือชุดประจำชาติ ใส่บาตรร่วมกันในกิจกรรม “นุ่งไทยใส่บาตรริมแม่นํ้าโขง” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ




อีกหนึ่งกิจกรรมสุดพิเศษและหาชมยาก คือการขับลำนำชุด “สดุดีกวีรำลึก” จาก 2 ศิลปินแห่งชาติ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และ อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผ่านทางบทกวี





นอกจากนี้ยังมีบทเพลงพิเศษที่แต่งขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ชื่อเพลง “สัมพันธ์มั่นยืน (Unison Chorus Version)” ขับร้องโดยคณะนักร้องเยาวชนประสานเสียง จังหวัดหนองคาย




งานนิทรรศการภาพถ่ายที่ท่าเสด็จ คงจะเป็นอีกหนึ่งงานที่ช่วยย้ำมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างคนสองฝั่งโขงได้เป็นอย่างดี และเชื่อได้เลยว่า ความร่วมมือต่าง ๆ ทางพลังงานระหว่างไทยและลาว ที่ดำเนินมาตลอด 50 ปี จะยังคงดพเนินต่อไปสู่สิ่งใหม่ๆในอนาคตอีกอย่างไม่หยุดยั้งแน่นอน





แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่