อาเนญชสัปปายปฏิปทา เป็นอย่างไร

พระมีพระภาคตรัสดังนี้ว่า ดูก่อนเธอทั้งหลาย กาม 5 ไม่เที่ยง เป็น
ของว่างเปล่า เลือนหายไปเป็นธรรมดา ลักษณะของกามดังนี้ฯ ได้ทำความล่อลวง
เป็นที่บ่นถึงของคนพาล กามทั้งที่มีในภพนี้ ทั้งที่มีในภพหน้า)(ที่เกิด )และกามสัญญา
ทั้งที่มีในภพนี้ ทั้งที่มีในภพหน้า ทั้ง 2 อย่างนี้ เป็นบ่วงแห่งมาร เป็นแดนแห่ง
มาร เป็นเหยื่อแห่งมาร เป็นที่หากินของมาร ในกามทั้งหลายนี้ ย่อมมีอกุศลลามกเหล่านี้
เกิดขึ้นที่ใจนี้คือ อภิชฌาบ้าง พยาบาทบ้าง สารัมภะบ้าง (ความแข่งดี) ย่อมเป็นไป .,กามนั่นเอง. บาปอกุศลเหล่านั้น ย่อม
เกิดเพื่อเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ตามศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้ ฯ
             [๘๒] ดูก่อนเธอทั้งหลาย อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ในเรื่องกามนั้น
ดังนี้ว่า กามทั้งที่มีในภพนี้ ทั้งที่มีในภพหน้า และกามสัญญาทั้งที่มีในภพนี้ ทั้ง
ที่มีในภพหน้า ทั้ง ๒ อย่างนี้ เป็นบ่วงแห่งมาร เป็นแดนแห่งมาร เป็นเหยื่อ
แห่งมาร เป็นที่หากินของมาร ในกามนี้ ย่อมมีอกุศลลามกเหล่านี้เกิดที่ใจ
คืออภิชฌาบ้าง พยาบาทบ้าง สารัมภะบ้าง เป็นไป กามนั่นเอง ย่อมเกิดเพื่อ
เป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ตามศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้ ไฉนหนอ เราพึงมี
จิตเป็นมหัคคตะอย่างไพบูลย์ อธิษฐานใจครอบโลกอยู่ เพราะเมื่อเรามีจิตเป็น
มหัคคตะอย่างไพบูลย์ อธิษฐานใจครอบโลกอยู่ บาปอกุศลลามกเกิดที่ใจ ได้แก่
อภิชฌาบ้าง พยาบาทบ้าง สารัมภะบ้าง นั้นจักไม่มี เพราะละบาปอกุศลเหล่านั้นได้
จิตของเราที่ไม่เล็กน้อยนั่นแหละ จักกลายเป็นจิตหาประมาณมิได้ อันเราอบรม
ดีแล้ว เมื่ออริยสาวกนั้นปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยปฏิปทานั้นอยู่ จิตย่อม
ผ่องใสในอายตนะ1เมื่อมีความผ่องใส ก็จะเข้าถึงอาเนญชะ()สมาบัติ(ล่วงพ้นกามสัญญา) หรือจะน้อมใจ
ไปในปัญญาได้ ในปัจจุบัน หรือเมื่อตายไป ข้อที่วิญญาณอันจะเป็นไปในภพนั้นๆ
พึงเป็นวิญญาณเข้าถึงสภาพหาความหวั่นไหวมิได้ (ซึ่งภพในระดับอาเนญชะนั่น เป็นฐานะที่มีได้ ดูกรภิก
ทั้งหลาย นี้เราเรียกว่า ปฏิปทามีอาเนญชสมาบัติเป็นที่สบายข้อที่ ๑ ฯ
...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่