เอาชีวิตผมนะ
ตอนเด็กก็ตั้งใจเรียน ทั้งอ่านหนังสือเองกับเรียนพิเศษ เอาปฎิทินมากางแล้วเขียนไปว่าวันนั้นจะอ่านบทอะไรบ้าง กี่ชั่วโมง
ระหว่างเรียนก็ทำกิจกรรมด้วยเป็นคณะกรรมการนักเรียน พยายามBalanceชีวิต แต่เอาจริงๆมันไม่Balance เลย
ต้องแบ่งเวลาชั่งโมงนี้ทำอันนี้ชั่วโมงนั้นทำอันนั้นเหมือนสับสวิตช์ แบ่งเวลาเรียน เล่น กิจกรรม นั่งสมาธิ เราคิดว่ามันจะโอเค
แต่จริงๆเรากดความเครียดไว้มากเหมือนข้ามช่วงวัยรุ่นที่จะได้เที่ยวเล่นแล้วไปวัยโตเลย จบมาเกรด3.92
ตอนจะเลือกเรียนมหาลัยใจจริงอยากเรียนโปรแกรมเมอร์เพราะชอบมากเคยทำเวบของห้องชอบGraphics design
พอคุยกับญาติๆก็ถามว่าจะไปแบกคอมขายเหรอ ก็อึ้งไปและกลัวพ่อแม่ลำบากก็เลยต้องสอบหมอให้ผู้ใหญ่สบายใจ
ไปสอบหมอโควต้าภูมิภาครอบแรกก็สอบติดตอนม.6เทอม1 จำได้ว่าดีใจมาก เลิกเรียนมันทุกอย่างโล่งมาก โยนหนังสือทิ้งเลย
แล้วเอาเวลาว่างไปเล่น เข้าเรียนบ่ายโมง วิชาไหนไม่มีการบ้านไม่เข้า ไปเขียนโปรแกรมกับเพื่อนแข่งจนได้รางวัลชนะเลิศระดับประเทศกับเพื่อน
จำได้ว่าเป็นช่วงที่ดีใจสุดๆและมั่นใจสุดๆเพราะทำตามเป้าหมายได้หมด
แต่พอได้ไปเรียนหมอเท่านั้นล่ะ...
3ปีแรกก็พอไหวนะเพราะยังไม่ขึ้นชั้นคลินิค ยังเที่ยวเล่น เจอเพื่อนใหม่ๆ เรียนจบก็ไปร้านเกมส์ร้านเหล้าหลังมอ
ไม่ค่อยเข้าเรียนเพราะมันเบื่อๆไม่ชอบ ไม่ใช่แนวที่ชอบแบบคิดคำนวณ คิดสร้างสรรค์ ต้องนั่งจำนั่นนู่นนี่มากมาย
แต่ก็ผ่านพ้น3ปีแรกมาได้
พอขึ้นคลินิคเท่านั้นล่ะ ต้องอยู่เวรเจออ.แพทย์ดุๆ เราก็ปรับตัวไม่ได้ ไปยืนข้างเตียง5-6ชั่วโมง ย้อมสีอุจจาระ เสมหะ ปัสสาวะ
ถือชาร์ต ตามแลบ เจาะเลือด เรียกได้ว่าเป็นเสมียนวอร์ด พยายามดูแลคนไข้นะ แต่คำว่าดูแลของเรามันไม่ตรงกับรายงานที่เขียนส่ง
คือไปนั่งพูดคุยถามความรู้สึก แต่เอาไปเขียนส่งมันไม่มีความรู้ทางแพทย์ อ่านหนังสือก็ไม่เข้าใจประเด็น คือมันเหมือนไม่ใช่แนว
โดนอ.ด่า พี่ด่า กดดันต้องวิ่งไปราวน์ ตื่นไปวอร์ดให้ทัน7โมงไม่งั้นโดนขีดชื่อสาย
ก็ทนๆเครียดก็ไปกินเหล้า นั่งนินทาพี่กัน5555 เรียนลุ่มๆดอนๆจนจบมาได้
จบมาก็ไปทำงานรพ.จังหวัด ดีว่าได้อ.ดี เพื่อนดีก็พยายามดูแลคนไข้ อยู่เวรเดือนละ20วัน พัก10วัน เวรก็คือถึงสว่างคาตาเป็นเรื่องปกติ
จำได้เวรนึง คนไข้หัวใจวายคาห้องน้ำแล้วล็อกประตูไว้ ได้ทุบประตูแล้วลากคนไข้มาปั๊มหัวใจที่ห้องน้ำ ฯลฯ
หลายสิ่งอย่างเป็นประสบการณ์ที่มันส์มาก เงินเดือนรวมทุกอย่างจบใหม่ก็แปดหมื่น
ช่วงนั้นตลาดหุ้นกำลังดีมาก ก็เล่นไปแบบมั่วๆได้กำไรมาเยอะก็ได้ใจ เอาเงินไปเล่นหุ้นปั่น วอแรนต์ ก็ได้กำไรอีก
ช่วงนั้นคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าทำอะไรก็ดีก็ถูกหมด ไปไล่ตอบกระทู้ทะเลาะกับคนในพันทิพ ในเฟสบุ๊ค ว่าหุ้นตัวนี้จะขึ้นจะลง
ถ้ามีใครมาดราม่าด่าหมอก็ไป warหมด ด่ากันหน้าดำหน้าแดง สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร
....จนวันหนึ่งความมั่นใจมันมาทำร้ายตัวเอง เล่นหุ้นไปขาดทุนหมด วันนึงเป็นหมื่นเป็นแสน หน้ามืดตามัวไปหมด
จนมาคิดได้ว่าทำอะไรอยู่ เงินที่ได้ที่เสีย กับสุขภาพจิตสุขภาพกาย งานการที่เสียไปมันคุ้มกันมั้ย
จนมาเจอพี่คนหนึ่งก็สอนเรื่องความเสี่ยง Mindsetที่ไปนั่งเถียงกันว่าจะขึ้นจะลง ก็เลิกเล่นเสี่ยง หันมารักษาเงินต้นแล้วกำไรน้อยๆแต่ยั่งยืน
ตอนนี้อายุ30แล้ว เงินเดือนเกินแสนแล้ว ไปอยู่รพ.ที่ไม่ต้องทำงานลุยเหมือนเก่า มีเวลาว่างพอควร
ไปเรียนเขียนโปรแกรมตามที่ชอบ ยิ่งตอนนี้AIมาแรงยิ่งHappyมาก
ไม่ได้อยากมีเงินเดือนสูงมากมายหลักล้าน แต่อยากมีเวลา มีสุขภาพดี มีครอบครัวอบอุ่น
ทำงานราชการไม่กล้าลาออก กลัวว่าถ้ามีวิกฤติจะไม่ไหวเอา
ที่เขียนมายาวๆก็อยากให้เป็นข้อคิด เงินมามาก บางทีมันก็ใช้มากเสียมาก บางอย่างเงินก็ซื้อไม่ได้
ผมเห็นคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย มาเยอะ พอจะเจ็บจะตายมันไม่เลือกหรอกว่าเงินเดือนถึงแสนมั้ย
ทำงานราชการก็มีดีเสีย ทำงานบ.ก็มีดีเสีย ลองคิดแผนเผื่อมันเสียดูบ้าง
ทำงานบ.ใหญ่ๆข้ามชาติเงินเดือนสูงจากค่าเงินเขาแข็งมีPurchasing powerมาจ้างเราได้
บทเขาจะปรับโครงสร้างองค์กร ย้ายฐานผลิตไปประเทศค่าแรงถูกเขาก็ไปเลยไม่ได้ผูกพันธ์อะไรกับเรา
Never forget plan B เสมอ
ผมเคยเจ็บมาจากความมั่นใจ ยิ่งเด็กจบใหม่อายุน้อยความมั่นใจมากต้องระวัง ตามฝันได้ มั่นใจได้
แต่อย่าลืมประเมินความเสี่ยง ทุกวันนี้คนชอบมีหนี้มาก เน้นใช้ชีวิตก่อนผ่อนทีหลัง
บ่นมากไปล่ะครับ รักและหวังดีหรอกเลยมาบอก
ปล.ไม่ได้ขายของ ไม่ชวนลงทุน ไม่ต้องหลังไมค์นะครับ อยากรู้เรื่องความเสี่ยงไปหาค้นหายูทูป mudley channel เอา
ทำอย่างไรให้เงินเดือนเกิน100,000 ก่อนอายุเท่าไหร่ก็ช่างมัน
ตอนเด็กก็ตั้งใจเรียน ทั้งอ่านหนังสือเองกับเรียนพิเศษ เอาปฎิทินมากางแล้วเขียนไปว่าวันนั้นจะอ่านบทอะไรบ้าง กี่ชั่วโมง
ระหว่างเรียนก็ทำกิจกรรมด้วยเป็นคณะกรรมการนักเรียน พยายามBalanceชีวิต แต่เอาจริงๆมันไม่Balance เลย
ต้องแบ่งเวลาชั่งโมงนี้ทำอันนี้ชั่วโมงนั้นทำอันนั้นเหมือนสับสวิตช์ แบ่งเวลาเรียน เล่น กิจกรรม นั่งสมาธิ เราคิดว่ามันจะโอเค
แต่จริงๆเรากดความเครียดไว้มากเหมือนข้ามช่วงวัยรุ่นที่จะได้เที่ยวเล่นแล้วไปวัยโตเลย จบมาเกรด3.92
ตอนจะเลือกเรียนมหาลัยใจจริงอยากเรียนโปรแกรมเมอร์เพราะชอบมากเคยทำเวบของห้องชอบGraphics design
พอคุยกับญาติๆก็ถามว่าจะไปแบกคอมขายเหรอ ก็อึ้งไปและกลัวพ่อแม่ลำบากก็เลยต้องสอบหมอให้ผู้ใหญ่สบายใจ
ไปสอบหมอโควต้าภูมิภาครอบแรกก็สอบติดตอนม.6เทอม1 จำได้ว่าดีใจมาก เลิกเรียนมันทุกอย่างโล่งมาก โยนหนังสือทิ้งเลย
แล้วเอาเวลาว่างไปเล่น เข้าเรียนบ่ายโมง วิชาไหนไม่มีการบ้านไม่เข้า ไปเขียนโปรแกรมกับเพื่อนแข่งจนได้รางวัลชนะเลิศระดับประเทศกับเพื่อน
จำได้ว่าเป็นช่วงที่ดีใจสุดๆและมั่นใจสุดๆเพราะทำตามเป้าหมายได้หมด
แต่พอได้ไปเรียนหมอเท่านั้นล่ะ...
3ปีแรกก็พอไหวนะเพราะยังไม่ขึ้นชั้นคลินิค ยังเที่ยวเล่น เจอเพื่อนใหม่ๆ เรียนจบก็ไปร้านเกมส์ร้านเหล้าหลังมอ
ไม่ค่อยเข้าเรียนเพราะมันเบื่อๆไม่ชอบ ไม่ใช่แนวที่ชอบแบบคิดคำนวณ คิดสร้างสรรค์ ต้องนั่งจำนั่นนู่นนี่มากมาย
แต่ก็ผ่านพ้น3ปีแรกมาได้
พอขึ้นคลินิคเท่านั้นล่ะ ต้องอยู่เวรเจออ.แพทย์ดุๆ เราก็ปรับตัวไม่ได้ ไปยืนข้างเตียง5-6ชั่วโมง ย้อมสีอุจจาระ เสมหะ ปัสสาวะ
ถือชาร์ต ตามแลบ เจาะเลือด เรียกได้ว่าเป็นเสมียนวอร์ด พยายามดูแลคนไข้นะ แต่คำว่าดูแลของเรามันไม่ตรงกับรายงานที่เขียนส่ง
คือไปนั่งพูดคุยถามความรู้สึก แต่เอาไปเขียนส่งมันไม่มีความรู้ทางแพทย์ อ่านหนังสือก็ไม่เข้าใจประเด็น คือมันเหมือนไม่ใช่แนว
โดนอ.ด่า พี่ด่า กดดันต้องวิ่งไปราวน์ ตื่นไปวอร์ดให้ทัน7โมงไม่งั้นโดนขีดชื่อสาย
ก็ทนๆเครียดก็ไปกินเหล้า นั่งนินทาพี่กัน5555 เรียนลุ่มๆดอนๆจนจบมาได้
จบมาก็ไปทำงานรพ.จังหวัด ดีว่าได้อ.ดี เพื่อนดีก็พยายามดูแลคนไข้ อยู่เวรเดือนละ20วัน พัก10วัน เวรก็คือถึงสว่างคาตาเป็นเรื่องปกติ
จำได้เวรนึง คนไข้หัวใจวายคาห้องน้ำแล้วล็อกประตูไว้ ได้ทุบประตูแล้วลากคนไข้มาปั๊มหัวใจที่ห้องน้ำ ฯลฯ
หลายสิ่งอย่างเป็นประสบการณ์ที่มันส์มาก เงินเดือนรวมทุกอย่างจบใหม่ก็แปดหมื่น
ช่วงนั้นตลาดหุ้นกำลังดีมาก ก็เล่นไปแบบมั่วๆได้กำไรมาเยอะก็ได้ใจ เอาเงินไปเล่นหุ้นปั่น วอแรนต์ ก็ได้กำไรอีก
ช่วงนั้นคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าทำอะไรก็ดีก็ถูกหมด ไปไล่ตอบกระทู้ทะเลาะกับคนในพันทิพ ในเฟสบุ๊ค ว่าหุ้นตัวนี้จะขึ้นจะลง
ถ้ามีใครมาดราม่าด่าหมอก็ไป warหมด ด่ากันหน้าดำหน้าแดง สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร
....จนวันหนึ่งความมั่นใจมันมาทำร้ายตัวเอง เล่นหุ้นไปขาดทุนหมด วันนึงเป็นหมื่นเป็นแสน หน้ามืดตามัวไปหมด
จนมาคิดได้ว่าทำอะไรอยู่ เงินที่ได้ที่เสีย กับสุขภาพจิตสุขภาพกาย งานการที่เสียไปมันคุ้มกันมั้ย
จนมาเจอพี่คนหนึ่งก็สอนเรื่องความเสี่ยง Mindsetที่ไปนั่งเถียงกันว่าจะขึ้นจะลง ก็เลิกเล่นเสี่ยง หันมารักษาเงินต้นแล้วกำไรน้อยๆแต่ยั่งยืน
ตอนนี้อายุ30แล้ว เงินเดือนเกินแสนแล้ว ไปอยู่รพ.ที่ไม่ต้องทำงานลุยเหมือนเก่า มีเวลาว่างพอควร
ไปเรียนเขียนโปรแกรมตามที่ชอบ ยิ่งตอนนี้AIมาแรงยิ่งHappyมาก
ไม่ได้อยากมีเงินเดือนสูงมากมายหลักล้าน แต่อยากมีเวลา มีสุขภาพดี มีครอบครัวอบอุ่น
ทำงานราชการไม่กล้าลาออก กลัวว่าถ้ามีวิกฤติจะไม่ไหวเอา
ที่เขียนมายาวๆก็อยากให้เป็นข้อคิด เงินมามาก บางทีมันก็ใช้มากเสียมาก บางอย่างเงินก็ซื้อไม่ได้
ผมเห็นคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย มาเยอะ พอจะเจ็บจะตายมันไม่เลือกหรอกว่าเงินเดือนถึงแสนมั้ย
ทำงานราชการก็มีดีเสีย ทำงานบ.ก็มีดีเสีย ลองคิดแผนเผื่อมันเสียดูบ้าง
ทำงานบ.ใหญ่ๆข้ามชาติเงินเดือนสูงจากค่าเงินเขาแข็งมีPurchasing powerมาจ้างเราได้
บทเขาจะปรับโครงสร้างองค์กร ย้ายฐานผลิตไปประเทศค่าแรงถูกเขาก็ไปเลยไม่ได้ผูกพันธ์อะไรกับเรา
Never forget plan B เสมอ
ผมเคยเจ็บมาจากความมั่นใจ ยิ่งเด็กจบใหม่อายุน้อยความมั่นใจมากต้องระวัง ตามฝันได้ มั่นใจได้
แต่อย่าลืมประเมินความเสี่ยง ทุกวันนี้คนชอบมีหนี้มาก เน้นใช้ชีวิตก่อนผ่อนทีหลัง
บ่นมากไปล่ะครับ รักและหวังดีหรอกเลยมาบอก
ปล.ไม่ได้ขายของ ไม่ชวนลงทุน ไม่ต้องหลังไมค์นะครับ อยากรู้เรื่องความเสี่ยงไปหาค้นหายูทูป mudley channel เอา