.
จากรายงานข่าวสั้นและซอยยิก
http://www.siamsport.co.th/football/premierleague/view/105563 จากสื่อที่มีความน่าเชื่อถือต่ำกว่าพื้นดิน ซึ่งถ้าอยากจะได้รับความฟินก็คงต้องขุดรูลงไปอ่านข่าวจาก the sun สื่อที่ปฏิญาณตนเองแล้วว่า “
เรื่องแม่น กรูไม่ชัว แต่ถ้าเรื่องมั่ว กรูถนัด”
เดอะซันโปรยหัวข่าวว่า แมนยูจ่อขยับค่าเหนื่อย เดเคอา ทะยานทะลุเพดานชาจต์ แซงหน้า อเล็คซิส ซานเชส ขึ้นเป็นนักเตะที่รับค่าเหนื่อยมากสุดในทีม ที่ 400000 ปอนด์ ต่อ สัปดาห์ มองตามบริบทของสื่อที่ขาดความน่าเชื่อถือ ก็ไม่มีอะไร แค่เดอะซัน ปั้นข่าวขาย เขียนไปเรื่อยอย่างนั้นเอง
แต่มองตามบริบทของสโมสร สิ่งที่คิดว่า เดอะซันนั่งเทียนเขียน ก็ไม่ได้เพี้ยนจนเป็นไปไม่ได้ เพราะนี้อาจจะเป็นกลยุทธเพื่อทำลายราคาตลาด และหวังผลทำลายความแข็งแกร่งของสโมสรคู่แข่งแย่งแชมป์กับแมนยูก็ได้ เพียงแต่รูปแบบอาจไม่เหมือนเมื่อก่อนเป๊ะๆ
แต่ก่อนตอนที่เซอร์ เฟอร์กี้ เคยเอาเงินฟาดหัว แย่งตัวฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงดีกรีเบอร์หนึ่งของอาเซน่อล และเมื่อทีมปืนโตรั้งดาวยิงคนสำคัญไม่ได้ ก็กลายเป็นขายหอกให้แมนยู เอามาทิ่มแทงจนอาเซน่อลยากจะแข่งแย่งแชมป์กับแมนยู แต่เดี๋ยวนี้มันยากที่จะทำแบบนั้น กับทีมคู่แข่งในลีคเดียวกัน เพราะถ้าวันนี้ แมนนู จะทุ่มซื้อผู้เล่นระดับ คีย์แมนของคู่แข่ง อย่าง อาร์ซา ซาล่าห์ หรือ แฮร์รี่ เคน เงินส่วนแบ่งรางวัลที่ได้จากพรีเมียร์ลีคในแต่ละปี อาจจะหดหายไปจนไม่เหลือก็ได้ (เฉพาะส่วนแบ่งตามอันดับตารางคะแนน แชมป์ได้ประมาณ 200 ล้านปอนด์)
และถึงต่อให้มีเงินถุงเงินถังพอจะซื้อได้ ก็อาจเสี่ยงกับการผิดกฎการเงินของยูฟ่าอีก ดังนั้นการจะไปตัดกำลังคู่แข่งโดยแย่งนักเตะตัวสำคัญ จึงทำได้ยาก หากตัวนักเตะเองก็ไม่ได้สนใจจะย้ายมาแมนยูเช่นกัน
ดังนั้น ลอร์ด เอ็ด บิ๊กเฮด คนปัจจุบันของแมนยู ผู้ที่รู้ซึ้งกลไกตลาดดีที่สุดคนหนึ่ง ในยุทธจักรลูกหลัง เขารู้วิธีที่จะใช้พลังของเงิน ทำให้สโมสรของตัวเอง ได้เปรียบทีมอื่นอย่างไร และเมื่อตอนนี้
ทีมคู่แข่งแย่งแชมป์ก็มีมากมายและเยอะเกินไป แมนยูเลยใช้กลยุทธ ดันราคาค่าเหนื่อยในตลาด เพื่อทำลายความไว้วางใจภักดีต่อสโมสรของดาวเตะระดับคีย์แมนของสโมสรอื่น
การวางหมากเช่นนี้ของแมนยู ย่อมมีผลต่อสโมสรอื่นอย่างแน่นอน แม้แต่ทีมที่มีการบริหารจัดการเรื่องเงินๆทองๆได้ดี อย่างลิเวอร์พูล ที่คล้อปและ PSG เป็นนกรู้ รีบจัดการขยายสัญญาอัพราคาค่าเหนื่อยนักเตะคนสำคัญหลายๆคนของทีมตัวเองไว้ก่อน ซึ่งน่าจะเป็นการเตรียมการที่ค่อนข้างปลอดภัย....แต่ก็ไม่เพราะเพดานราคาค่าเหนื่อยที่แมนยูขยับขึ้นไปนั้น มันสูงขึ้นไปกว่าระดับสูงสุดของทีมอื่นเป็นเท่าตัว แล้ว ซาล่าห์ มาเน่ เฟอร์มิโน่ จะคิดอย่างไร ที่ฝีเท้าระดับตัวเอง ได้เงินน้อยกว่าสตาร์ดังทีมอื่นในลีคเดียวกันครึ่งต่อครึ่ง สิ่งเหล่านี้ อาจเป็นเอฟเฟ็คที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากที่แมนยูดันเพดานราคาค่าเหนื่อยขึ้นไปทะลุเพดาน
แน่นอนว่า การจะหวังให้สตาร์ดังทีมอื่นหวั่นไหว แล้วจะย้ายไปอยู่แมนยูเป็นเรื่องยาก เพราะคงติดปัญหาเรื่อง ค่าตัว ที่คงมหาศาลและทำได้ยากอย่างที่บอกไปตอนแรก ซึ่งถึงจะทำได้ ก็คงไม่ได้ผลแบบที่บั่นทอนกำลังคู่แข่งได้มากเท่าไรนัก เพราะหากแย่งได้ ก็คงได้แค่ตัวเดียวจากทีมคู่แข่งทีมเดียว ซึ่งคงไม่ได้สร้างความแตกต่างของการแข่งขันแย่งแชมป์ในภาพรวมของทีมคู่แข่งทุกทีมนัก
แต่สิ่งที่หวังได้มาก คือ ปั่นป่วนสภาพจิตใจ นักเตะสตาร์ดังของทีมอื่น ให้อยากได้ค่าเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม เติมความละโมบให้กับเอเย่นต์ของนักเตะสตาร์เหล่านั้น ให้ขยันงุ่นง่าน หาทางให้นักเตะในดูแลของตนเอง ย้ายไปกอบโกยเงินทองให้มากขึ้นจากทีมในลีคอื่น ที่พร้อมจะจ่ายได้
แมนยู อาจไม่ได้ตัว นักเตะสตาร์ดังของทีมคู่แข่ง แม้แต่คนเดียว แต่ทีมอย่าง เปเอชเช มาริด บาร์ซ่า บาร์เยิน ก็พร้อมอ้าแขนรับเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จากการเดินกลยุทธของแมนยู และหากเป็นเช่นนั้น ทีมคู่แข่งที่ดูว่าจะแข่งแย่งแชมป์กับแมนยูได้ในเวลานี้ ก็อาจมีไม่เยอะถึง 5-6 ทีมเท่าปัจจุบัน อาจเหลือแค่ 1-2 ทีมเท่านั้น ที่มีสายป่านยาวพอจะแข่งกับกลยุทธพลังเงินกับแมนยูได้ ซึ่งไม่ต้องบอกก็คงพอจะเดาได้ว่าเป็นทีมไหนบ้าง
แต่ทุกๆอย่าง มีด้านดีและร้ายเสมอ กลยุทธนี้ก็เช่นกัน การหวังจะยั่วให้คีย์แมนทีมอื่นหวั่นไหว จะประสบผลสำเร็จหรือไม่..? ยังไม่รู้ ที่ที่รู้ๆคือ ผู้เล่นคีย์แมนของแมนยูเอง ทั้งๆที่เก่งเอง หรือ อุปโลกเอาเองว่าเก่งนั้น หวั่นไหวและมีปัญหาก่อนนักเตะสโมสรไหนๆก่อนแน่ๆ ลองไล่ชื่อดูได้ นักเตะอย่าง แรชฟอร์ด มาร์กซิยาล หรือตัวปัญหาอย่าง ปอล ป็อกบา
จะยอมอยู่กันเฉยๆเหรอ แน่นอนว่า ถ้า แมนยูพร้อมเปย์ให้ ย่อมไม่มีปัญหาสำหรับนักเตะเก่า แต่กับนักเตะใหม่ล่ะ แมนยูจะจ่ายหนักได้อีกสักกี่คน
ที่สำคัญก่อน จะเปย์เพิ่มให้คนเก่าคนอื่น หรือจ่ายให้กับคนใหม่ ก็ต้องใช้เวลาและการต่อรอง ยังไม่ได้เกิดขึ้นตอนนี้แน่ๆ
แต่ปัญหาความหวั่นไหว อยากได้ ชิงดีชิงเด่น ภายในทีมแมนยูนั้น เกิดขึ้นแล้ว และอาจส่งผลให้ฟอร์มการเล่นที่แกว่งๆเป๋ๆ อาจจะเซจนล้มและลุกขึ้นไม่ทันในฤดูกาลนี้ก็เป็นได้
ซึ่งในฐานะที่ ผู้เขียนไม่ได้ปลื้มทีมแมนยู อยู่แล้ว ก็ภาวนาให้ข่าวนี้ ของ เดอะซันเป็นเรื่องจริง แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่หวังนั้น มันเป็นไปได้ยากก็ตาม
หุ...หุ...หุ แล้วเจอกาน สุดสัปดาห์นี้
หมากที่วางอย่างสูงส่งของแมนยู หรือกลยุทธที่จะถีบตัวเองลงก้นเหว
จากรายงานข่าวสั้นและซอยยิก http://www.siamsport.co.th/football/premierleague/view/105563 จากสื่อที่มีความน่าเชื่อถือต่ำกว่าพื้นดิน ซึ่งถ้าอยากจะได้รับความฟินก็คงต้องขุดรูลงไปอ่านข่าวจาก the sun สื่อที่ปฏิญาณตนเองแล้วว่า “เรื่องแม่น กรูไม่ชัว แต่ถ้าเรื่องมั่ว กรูถนัด”
เดอะซันโปรยหัวข่าวว่า แมนยูจ่อขยับค่าเหนื่อย เดเคอา ทะยานทะลุเพดานชาจต์ แซงหน้า อเล็คซิส ซานเชส ขึ้นเป็นนักเตะที่รับค่าเหนื่อยมากสุดในทีม ที่ 400000 ปอนด์ ต่อ สัปดาห์ มองตามบริบทของสื่อที่ขาดความน่าเชื่อถือ ก็ไม่มีอะไร แค่เดอะซัน ปั้นข่าวขาย เขียนไปเรื่อยอย่างนั้นเอง
แต่มองตามบริบทของสโมสร สิ่งที่คิดว่า เดอะซันนั่งเทียนเขียน ก็ไม่ได้เพี้ยนจนเป็นไปไม่ได้ เพราะนี้อาจจะเป็นกลยุทธเพื่อทำลายราคาตลาด และหวังผลทำลายความแข็งแกร่งของสโมสรคู่แข่งแย่งแชมป์กับแมนยูก็ได้ เพียงแต่รูปแบบอาจไม่เหมือนเมื่อก่อนเป๊ะๆ
แต่ก่อนตอนที่เซอร์ เฟอร์กี้ เคยเอาเงินฟาดหัว แย่งตัวฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงดีกรีเบอร์หนึ่งของอาเซน่อล และเมื่อทีมปืนโตรั้งดาวยิงคนสำคัญไม่ได้ ก็กลายเป็นขายหอกให้แมนยู เอามาทิ่มแทงจนอาเซน่อลยากจะแข่งแย่งแชมป์กับแมนยู แต่เดี๋ยวนี้มันยากที่จะทำแบบนั้น กับทีมคู่แข่งในลีคเดียวกัน เพราะถ้าวันนี้ แมนนู จะทุ่มซื้อผู้เล่นระดับ คีย์แมนของคู่แข่ง อย่าง อาร์ซา ซาล่าห์ หรือ แฮร์รี่ เคน เงินส่วนแบ่งรางวัลที่ได้จากพรีเมียร์ลีคในแต่ละปี อาจจะหดหายไปจนไม่เหลือก็ได้ (เฉพาะส่วนแบ่งตามอันดับตารางคะแนน แชมป์ได้ประมาณ 200 ล้านปอนด์) และถึงต่อให้มีเงินถุงเงินถังพอจะซื้อได้ ก็อาจเสี่ยงกับการผิดกฎการเงินของยูฟ่าอีก ดังนั้นการจะไปตัดกำลังคู่แข่งโดยแย่งนักเตะตัวสำคัญ จึงทำได้ยาก หากตัวนักเตะเองก็ไม่ได้สนใจจะย้ายมาแมนยูเช่นกัน
ดังนั้น ลอร์ด เอ็ด บิ๊กเฮด คนปัจจุบันของแมนยู ผู้ที่รู้ซึ้งกลไกตลาดดีที่สุดคนหนึ่ง ในยุทธจักรลูกหลัง เขารู้วิธีที่จะใช้พลังของเงิน ทำให้สโมสรของตัวเอง ได้เปรียบทีมอื่นอย่างไร และเมื่อตอนนี้ ทีมคู่แข่งแย่งแชมป์ก็มีมากมายและเยอะเกินไป แมนยูเลยใช้กลยุทธ ดันราคาค่าเหนื่อยในตลาด เพื่อทำลายความไว้วางใจภักดีต่อสโมสรของดาวเตะระดับคีย์แมนของสโมสรอื่น
การวางหมากเช่นนี้ของแมนยู ย่อมมีผลต่อสโมสรอื่นอย่างแน่นอน แม้แต่ทีมที่มีการบริหารจัดการเรื่องเงินๆทองๆได้ดี อย่างลิเวอร์พูล ที่คล้อปและ PSG เป็นนกรู้ รีบจัดการขยายสัญญาอัพราคาค่าเหนื่อยนักเตะคนสำคัญหลายๆคนของทีมตัวเองไว้ก่อน ซึ่งน่าจะเป็นการเตรียมการที่ค่อนข้างปลอดภัย....แต่ก็ไม่เพราะเพดานราคาค่าเหนื่อยที่แมนยูขยับขึ้นไปนั้น มันสูงขึ้นไปกว่าระดับสูงสุดของทีมอื่นเป็นเท่าตัว แล้ว ซาล่าห์ มาเน่ เฟอร์มิโน่ จะคิดอย่างไร ที่ฝีเท้าระดับตัวเอง ได้เงินน้อยกว่าสตาร์ดังทีมอื่นในลีคเดียวกันครึ่งต่อครึ่ง สิ่งเหล่านี้ อาจเป็นเอฟเฟ็คที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากที่แมนยูดันเพดานราคาค่าเหนื่อยขึ้นไปทะลุเพดาน
แน่นอนว่า การจะหวังให้สตาร์ดังทีมอื่นหวั่นไหว แล้วจะย้ายไปอยู่แมนยูเป็นเรื่องยาก เพราะคงติดปัญหาเรื่อง ค่าตัว ที่คงมหาศาลและทำได้ยากอย่างที่บอกไปตอนแรก ซึ่งถึงจะทำได้ ก็คงไม่ได้ผลแบบที่บั่นทอนกำลังคู่แข่งได้มากเท่าไรนัก เพราะหากแย่งได้ ก็คงได้แค่ตัวเดียวจากทีมคู่แข่งทีมเดียว ซึ่งคงไม่ได้สร้างความแตกต่างของการแข่งขันแย่งแชมป์ในภาพรวมของทีมคู่แข่งทุกทีมนัก
แต่สิ่งที่หวังได้มาก คือ ปั่นป่วนสภาพจิตใจ นักเตะสตาร์ดังของทีมอื่น ให้อยากได้ค่าเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม เติมความละโมบให้กับเอเย่นต์ของนักเตะสตาร์เหล่านั้น ให้ขยันงุ่นง่าน หาทางให้นักเตะในดูแลของตนเอง ย้ายไปกอบโกยเงินทองให้มากขึ้นจากทีมในลีคอื่น ที่พร้อมจะจ่ายได้
แมนยู อาจไม่ได้ตัว นักเตะสตาร์ดังของทีมคู่แข่ง แม้แต่คนเดียว แต่ทีมอย่าง เปเอชเช มาริด บาร์ซ่า บาร์เยิน ก็พร้อมอ้าแขนรับเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จากการเดินกลยุทธของแมนยู และหากเป็นเช่นนั้น ทีมคู่แข่งที่ดูว่าจะแข่งแย่งแชมป์กับแมนยูได้ในเวลานี้ ก็อาจมีไม่เยอะถึง 5-6 ทีมเท่าปัจจุบัน อาจเหลือแค่ 1-2 ทีมเท่านั้น ที่มีสายป่านยาวพอจะแข่งกับกลยุทธพลังเงินกับแมนยูได้ ซึ่งไม่ต้องบอกก็คงพอจะเดาได้ว่าเป็นทีมไหนบ้าง
แต่ทุกๆอย่าง มีด้านดีและร้ายเสมอ กลยุทธนี้ก็เช่นกัน การหวังจะยั่วให้คีย์แมนทีมอื่นหวั่นไหว จะประสบผลสำเร็จหรือไม่..? ยังไม่รู้ ที่ที่รู้ๆคือ ผู้เล่นคีย์แมนของแมนยูเอง ทั้งๆที่เก่งเอง หรือ อุปโลกเอาเองว่าเก่งนั้น หวั่นไหวและมีปัญหาก่อนนักเตะสโมสรไหนๆก่อนแน่ๆ ลองไล่ชื่อดูได้ นักเตะอย่าง แรชฟอร์ด มาร์กซิยาล หรือตัวปัญหาอย่าง ปอล ป็อกบา จะยอมอยู่กันเฉยๆเหรอ แน่นอนว่า ถ้า แมนยูพร้อมเปย์ให้ ย่อมไม่มีปัญหาสำหรับนักเตะเก่า แต่กับนักเตะใหม่ล่ะ แมนยูจะจ่ายหนักได้อีกสักกี่คน
ที่สำคัญก่อน จะเปย์เพิ่มให้คนเก่าคนอื่น หรือจ่ายให้กับคนใหม่ ก็ต้องใช้เวลาและการต่อรอง ยังไม่ได้เกิดขึ้นตอนนี้แน่ๆ แต่ปัญหาความหวั่นไหว อยากได้ ชิงดีชิงเด่น ภายในทีมแมนยูนั้น เกิดขึ้นแล้ว และอาจส่งผลให้ฟอร์มการเล่นที่แกว่งๆเป๋ๆ อาจจะเซจนล้มและลุกขึ้นไม่ทันในฤดูกาลนี้ก็เป็นได้
ซึ่งในฐานะที่ ผู้เขียนไม่ได้ปลื้มทีมแมนยู อยู่แล้ว ก็ภาวนาให้ข่าวนี้ ของ เดอะซันเป็นเรื่องจริง แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่หวังนั้น มันเป็นไปได้ยากก็ตาม
หุ...หุ...หุ แล้วเจอกาน สุดสัปดาห์นี้