▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวไทย
One Day Trip
ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์
มอเตอร์ไซค์
เที่ยวทะเล
[SR]ปลายฝนต้นหนาว ดูดาวนอนอุ่น 7 จุดกางเต็นท์ ไม่ไกลเมืองกรุง EP.6 ขี่ YAMAHA GT125 เที่ยวชมจันทร์บุรี
********* ค่าน้ำมันไปกลับ 330 บาท ค่าเข้าอุทยาน เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ค่ารถมอเตอร์ไซค์เข้าคันละ 20 บาท กางเต็นท์ฟรี *******
การนอนเต็นท์หลายคนคงนึกภาพของภูเขา ท้องฟ้า ลำธาร และป่าสีเขียวเป็นหลัก แต่อันที่จริงการนอนเต็นท์มันจะนอนตรงไหนก็ได้ บรรยากาศในเต็นท์ต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า สำหรับรอบนี้ผมจะขอพาเพื่อนๆขี่รถชมวิวริมทะเลขึ้นชื่อ ที่สายสองล้อเองชอบชวนกันมาท่องเที่ยว เมืองจันทร์บุรี ระยะทางก็ไม่ใกล้ไม่ไกล กำลังพอดี ราวๆ 245 กิโลเมตร ด้วยความที่เส้นทางไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเท่าไหร่นัก จึงทำให้เราสามารถขี่รถกินลมชมวิวชิลๆได้ และด้วยรถที่ผมเลือกพามาเจ้า YAMAHA GT125 นี่มันมีอะไรที่น่าทึ่งพอสมควร คืออัตราเร่งที่เส้นเร้าใจ คือมันเร้าใจจริงๆนะ ด้วยเครื่องยนต์ "บลูคอร์" ที่ผมแอบไปหาข้อมูลมาคือมันเป็นการนำเอาของเหลือตกค้าจากการเผาไหมที่ไม่หมด เอากลับมาเผาไหม้อีกครั้ง ซึ่งอันที่จริงไอ้ระบบนี้มันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ก็ลองคิดเอาแล้วกัน เอาน้ำมันดีๆมาผสมกับเศษน้ำมันที่ตกค้าง มาผสมกันแล้วใช้งานอะ แล้วรถมันจะไปวิ่งออกได้ยังไง ??!! คุณว่าจริงไหม แต่เจ้า YAMAHA GT125 นี่กลับพุ่งทะยานวิ่งฉิวทุกครั้งที่บิดคันเร่ง แถมแรงก็ไม่มีตกแม้จะเจอทางชันก็ตาม แล้วก็อีกเรื่องคือช่วงล่างแบบสปอร์ตตามสไตล์ GT คือมันจะแน่นๆหน่อย โช้คอัพไม่นุ่มนึ่มดึ๋งดังเหมือนกับรถจ่ายตลาดทั่วไป แต่มันก็ไม่ได้กระด้างซะจนตูดชา ขอบอกเลยว่าเวลาเล่นโค้งนี่สนุกสุดๆ ทีนี้ประเด็นมันอยู่ตรงที่การจับเอารถจิ๋ว 125 cc แบบนี้มาออกทริปเที่ยวระยะทางเกิน 200 กิโลเมตร มันจะไม่เหนื่อยไปหน่อยเหรอ !!?? เครื่องมันจะไม่ระเบิดก่อนเหรอ !!?? งั้นตามมาดูกัน
จังหวัดจันทร์บุรี เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสดของอาหารทะเล ที่หากินง่ายและแสนถุกเหมือนเรากินข้าวไข่เจียว การเดินทางก็ไม่ยาก แต่ทว่าทางตรงมันค่อนข้างจะยาวหน่อยเท่านั้น การเดินทางมายังเมืองจันทร์รอบนี้ผมขอพามาทางหลักที่สามารถเข้าใจง่ายแล้วกันครับ จากกรุงเทพมหานครเราวิ่งออกเส้นทาง บางนา-ตราด มุ่งหน้าออกทางชลบุรี ไปทางถนนเลี่ยงเมืองบายพาส เราจะเจอป้าย บ้านบึง ,แกลง , จันทรบุรี หรือทางหลวงหมายเลข 344 เราก็วิ่งตามไปเลย จนถึงแยก ปากน้ำประเส สังเกตป้ายโตๆเอาไว้ เราก็เลี้ยวขวาเข้ามา สู่ถนนบูรพชลทิต แล้วตามป้ายหาดเจ้าหลาวไปอีก 37กิโลเมตร วิ่งเลยหาดเจ้าหลาวไปราวๆ 800 เมตรเป็นทางขึ้นเขา ตรงทางลงเขาที่เป็นโค้งใหญ่ๆ จะมีแยกอยู่กลางโค้ง (ต้องสังเตุให้ดี ไม่งั้นมีเลยแน่นอน )
ตลอดระยะทางความเร้วที่ใช้ผมก็บิดเกือบหมดปลอกอะนะ ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 100 กม/ชม ข้อเสียก็คือเจ้า GT125 นี้ถ้าบิดสุดแช่ยาวมันก็กินน้ำมันเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ถ่าลดสปีดลงมาอยู่ที่ไม่เกิน 80 กม/ชม นี่เหมือนรถคนละคันเลย มันประหยัดมากจนใจหายอะ ส่วนเรื่องความร้อนหรืออื่นๆของเครื่องยนต์นี่ก็ไม่เจอปัญหานะ ก็ด้วยเสื้อสูบ Diasil ที่ควบคุมอุณห์ภูมิในห้องเผาไหมให้คงที่นี่เหละ มันเหมือนกับติดหม้อน้ำให้รถเลยหละ
พอเลี่ยวเข้ามาก็จอดรถหน้าป้าย เขตห้ามล่าสัตว์อ่าวคุ้งกระเบน เพื่อเข้าไปชำระค่าเข้าเสียก่อน
ขี่รถย้อนกลับมาหน่อยตรงวงเวียนปลาพะยูน มันคือแหล่งรวมอาหารทะเลที่ราคาแสนถูกเหมือนกับเราไปเดินตลาดนัดหลังบ้านไม่ผิด กุ้ง,หอย,ปู,ปลาหมึก มีหมด พอซื้อเสร็จก็ให้เขานึ่งให้เรียบร้อย แถมได้น้ำจิ้มซีฟูดรสเด็ดกลับมาด้วย จัดไปครับเต็มอิ่มราคาหลักร้อย แต่ได้อาหารทะเลสดๆเหมือนนั่งกินบนเรือสำราญกลางทะเลเลยครับ ซื้อของเสร็จเราก็เอากลับมานั่งชมวิวยามเย็นพร้อมกับปาร์ตี้ซีฟูดรสอร่อยกันไป จากฝั่งที่เรากางเต็นท์จะไม่เห็นพระอาทิตย์ตกนะ แต่เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าแทน พอตกดึกเราก็จะได้ดูไฟจากเรือหาปลา ที่ลอยอยู่กลางทะเลพร้อมกับไฟสีเขียวเต็มไปหมด แสงนีออนจากเมืองส่องอยู่ไกลๆ ลมพัดโชยอ่อนกำลังสบาย อากาศดีและที่น่าแปลกคือนั่งริมทะเลตรงนี้กลับไม่รู้สึกเหนียวตัวจากไอน้ำทะเล !!!
ตื่นก่อนไก่โห่ เพื่อมาตั้งกล้อใส่องพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า จากความมืดมิด ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง มองเห็นเงากับแสงตัดคอนทร้านต์กันชัดเจน เรือลำน้อยของชาวบ้านแล่นผ่านไปช้าๆ เสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นเคยดัง แต็กๆๆๆๆๆๆ ค่อยเคลื่อนตัวจากขวาไปซ้ายแบบสโลว์ไลฟ์ ในใจผมคิด "นี่ถ้าพี่ใช้เครื่องบลูคอร์ของ YAMAHA เสียงเครื่องพี่คงเงียบและไปได้เร็วกว่านี่แน่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ" ระหว่างที่นั่งคิดอะไรเพลินๆ เวลาก็ล่วงเลยมาจนพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง เราเลยขยับตัวเข้าไปอาบน้ำ ที่นี้มีห้องน้าแสนสะอาดบริการอย่างดี มีอ่างล้างจานด้วย อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเราก็เดินเข้าไปเที่ยวด้านใน ณ "ลานหินสีชมพู" พื้นโขดหินริมทะเทตรงนี้มันจะเป็นหินสีชมพู เหมือนกับอิธมอญที่เราเห็นในวัดโบราญก้น่าแปลกดีที่มันมาอยู่ริมทะเลแบบนี้ โซนแถบนีสามารถลงเล่นน้ำได้หมดนะ แต่ต้องระวังหน่อยเพราะหินมันเยอะนะใต้น้ำ ย้อนขึ้นมาด้านบนตรงประตูทางเข้าเองก็มีทางเดินศึกษาธรรมชาติ สำหรับสายเดินป่าน่าจะชอบ
หลังจากสำรวจจนครบแล้วก็ถึงเวลากลับบ้านได้ แต่ก่อนจะกลับก็ขอแวะเที่ยวอีกสักจุด "สถานแสดงพันธ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียร์ติ 6 รอบพระชนมพรรณษา" ในนี้มีการจัดแสดงพันธ์ปลาทะเลมากมาย รวมไปถึงปลายเจ้าแห่งนักล่า ปลาฉลามด้วย น้องจากตรงนี้แล้วจันทรบุรีก็ยังมีที่ท่องเที่ยวอีกมากมายโดยเฉพาะโซนนี้มันช่างเหมาะกับการขี่มอเตอร์ไซค์มาจริงๆ เพราะถนนหนทางมันจะแคบ และบรรยากาศรอบตัวก็มีอะไรให้พักชมมากมาย เอาเป็นว่าถ้ารอบหน้าได้มาอีกจะพาเที่ยวให้ไกลกว่านี้แล้วกันครับ ส่วนรอบนี้ขอรีบกลับมาคัดรูปอัพให้เพื่อนๆชมก่อน ส่วนเส้นทางที่ใช้กลับก็เส้นเดิมนี่แหละครับสะดวกที่สุด เอาเป็นว่าเจอกันเมืองกรุงครับทุกท่าน !!!