ในช่วง 1 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น
มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อ “The Human Side” ซึ่งนักฟิสิกส์รางวัลโนเบลผู้นี้
ได้กล่าวทิ้งท้าย ให้เป็นปริศนาแห่งโลกอนาคตว่า
“ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์
(แบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา (คือพึ่งเทวดาเป็นหลัก) ศาสนานั้น เมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ
จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ ต่อสิ่งทั้งปวงคือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจ อย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย
พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้ ถ้าจะมีศาสนาใด ที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา”
(May 19th, 1939, Albert Einstein’s speech on “Science and Religion” in Princeton, New Jersey, U.S.A.)
ปริศนาคำพูดของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต
มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อ “The Human Side” ซึ่งนักฟิสิกส์รางวัลโนเบลผู้นี้
ได้กล่าวทิ้งท้าย ให้เป็นปริศนาแห่งโลกอนาคตว่า
“ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์
(แบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา (คือพึ่งเทวดาเป็นหลัก) ศาสนานั้น เมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ
จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ ต่อสิ่งทั้งปวงคือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจ อย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย
พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้ ถ้าจะมีศาสนาใด ที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา”
(May 19th, 1939, Albert Einstein’s speech on “Science and Religion” in Princeton, New Jersey, U.S.A.)