เห็นโปสเตอร์มานานแล้วครับ ตั้งแต่โปสเตอร์โล้นๆ จนเริ่มมีหน้าตัวละคร (นักแสดงนำทั้ง 4 ท่าน)
ตัวอย่างแรกที่น่าดูมากๆ กับตัวอย่างที่สองที่หลายๆคนเห็นว่าพัง
แต่ผมก็ตั้งเป้าอยู่แล้ว ว่าจะไปดูวันแรกเลย ยังไม่ดูอควาแมนครับ เพราะเรื่องนี้มีแปลนจะดูกับเพื่อนกลุ่มใหญ่วีคหน้าแล้ว (ฮา)
คนในโรงมีประปราย ไม่ถึงครึ่งโรง แม้ว่าจะเป็นรอบแรก ของวันแรก (13/12/2561) เดาว่าไปหนักทางอควาแมนหมดแล้ว
สำหรับผม ผมไม่คิดว่าตัวอย่างที่สอง (ตัวอย่างยาวสุด) ไม่ได้พังขนาดนั้นนะ สามารถอธิบายเรื่องได้อยู่ ว่าเรื่องเป็นมาเป็นไปอย่างไร
เรื่องย่อ
(ตามแบบของผมเอง...)
คนของสำนักหมอผี 6 คนไปรวมตัวกันที่สำนัก อันเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่ห่างไกลบ้านช่อง ตามคำสั่งนายแม่ เฮดใหญ่ของสำนัก เมื่อไปถึง พบว่านายแม่อยู่กับศพลึกลับไม่ทราบเพศหรือวัยในห่อผ้าสีขาวเหมือนอับดุลเอ๊ยกลางโต๊ะกินข้าว นายแม่ต้องการให้ทุกคนช่วยกันสวดให้วิญญาณเจ้าของร่างกลับคืนเข้าร่าง ทุกคนจำยอมต้องทำตาม เพราะเกรงในบารมีของนายแม่ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยสักคนว่าร่างในผ้าขาวกลางโต๊ะกินข้าวนั่นคือใคร พิธีเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่มันดันเป็นจุดเริ่มต้นของความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นในสำนักโดดเดี่ยวห่างไกลผู้คน
ความคิดเห็นส่วนตัวต่อหนัง
ผมอ่านสัมพาษณ์ของผู้กำกับแล้ว อ่านก่อนไปดูซะอีก ผมเกิดรู้สึกสนใจขึ้นมา ผู้กำกับบอกว่าโปรเจ็กต์หนังของค่ายหนังค่ายนี้ยังไม่เสร็จสักที ผู้ใหญ่อยากให้ค่ายคลอดหนังออกมาสักเรื่อง ไม่งั้นปีนี้ค่ายจะไม่มีหนังเลย หนังเรื่องนี้เลยถือกำเนิดขึ้นมา ใช้เวลาเตรียมการไม่นาน ไม่มีซีจี เน้นการเมคอัพและการแสดงของนักแสดงในเรื่องล้วนๆ งบไม่มาก เน้นเสร็จเร็ว แต่ต้องไม่ให้ความรู้สึกของการเผา โห...จะเป็นยังไงกันนะ ไหนๆก็ยังดูอควาแมนไม่ได้ ก็ขอไปดูเลยก็แล้วกัน เดิมทีก็ตั้งใจอยู่แล้วนี่นา เมื่อดูจบ รู้สึกว่าผู้กำกับประสบความสำเร็จนะ ไม่รู้สึกถึงความเผาเลย ดูเป็นหนังจริงจังเรื่องหนึ่ง
คุณสามารถไปดูหนังเรื่องนี้ได้เลย ไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องย่ออะไรมากมาย เพราะหนังไม่ได้บอกอะไรเอาไว้ ไม่ได้ปูอะไรมากมายในตอนแรกจริงๆ เราต้องทำความเข้าใจกันเอาเอง แม้กระทั่งความสัมพันธ์ของตัวละคร ชื่อของตัวละคร ปูมหลังและความเป็นมา เราไม่รู้อะไรเลย แต่เราต้องตามเก็บจากบทสนทนา และการย้อนอดีตภายในเรื่อง เพราะหนังเปิดมาด้วยการทำพิธีเรียกวิญญาณคืนสู่ร่างของเหล่าศิษย์สำนักและนางแม่แล้ว
บรรยากาศของเรื่อง ชวนให้นึกถึงหนังผีฝรั่ง และหนังญี่ปุ่นแนวสถานที่ปิดตาย ฆาตกรรมในสถานที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอก คนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันในสถานที่ที่ห่างไกลผู้คน และไม่สามารถออกไปไหนได้ ด้วยเหตุผลบางประการ ความรู้สึกอึดอัดมีไม่มาก แต่คิดว่าหนังก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้รู้สึกเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะสำนักเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ หนังให้ความรู้สึกสงสัย และหวาดระแวง เป็นความรู้สึกหลัก มีน่ากลัวและผวาบ้างเป็นช่วงๆ ตามสถานการณ์ บทไม่เยอะจนเกินไป แต่อาจน้อยไปในบางส่วน เดิมทีเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรมากอยู่แล้ว ส่วนที่ควรมี แต่กลับไม่มี จึงให้ความรู้สึกว่าขาดตกไปอยู่ (ที่น้อย ในที่นี้หมายถึงเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร และตัวละครบางตัว ที่ตอนจบคลายและเฉลยแบบดาษๆ ไม่มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยก่อนหน้าปูเอาไว้ให้อย่างซึมลึก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อนันดากับนายหญิงเป็นแม่ลูกกัน ภาพย้อนหลังตอนยังไม่เฉลยสำหรับผม ดูเป็นแค่ศิษย์ใกล้ชิดอาจารย์คนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีคำพูดหรืออาการใดที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นครอบครัวเดียวกันสักเท่าไหร่ แต่จากคาแร็คเตอร์ของนายหญิง เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอ หากแต่สำหรับผม อยากให้มีการบอกใบ้มากกว่านี้ ตอนเฉลยมันจะลงตัวมาก ตอนหนังเฉลยว่าอนันดากับนายหญิงเป็นแม่ลูกกัน ผมยังรู้สึกเฉยๆเลย ตอนเฉลย ความอ๋อหรือเหวออาจยังไม่แรงเท่าไหร่) บทพูดใช้ได้หลายส่วนปัจจุบัน แต่บทพูดในส่วนอดีตบางบท รู้สึกมันลิเกไปหน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อย่างที่จ๋าบอก คุณหมดรักฉันแล้วใช่ไหม คุณไปนอนกับนังเด็กสร้อยใช่ไหม ผมคิดว่าเป็นคำที่ฟังดูง่าย แต่ให้ความรู้สึกละครไปหน่อย น่าจะเกลาคำพูดให้ได้ดีกว่านี้ กลายเป็นพาร์ทอดีตที่ไม่มีเรื่องผีมาเอี่ยว ดูเป็นฉากที่เห็นได้ดาษดื่น แอบกร่อย
นักแสดงทุกคนเล่นได้ตามบทของตนเอง สามารถประคอง ไม่สิ ผมว่าค้ำจนเป็นเสาหลักอันแข็งแกร่งของหนังได้จนจบ ถือว่าคุณภาพใช้ได้ จะไม่ใช้คำว่าแบกก็แล้วกันนะครับ เพราะหนังที่ไม่มีซีจีให้ตระการตาสำหรับผม สิ่งที่ต้องจับตาก็คือบรรยากาศของเรื่องกับการแสดงของนักแสดงอยู่แล้ว ซึ่งการแสดงของทุกๆคนตอบโจทย์ในสิ่งที่ควรดูของหนังเรื่องนี้ จะมีก็แต่ความโดดเด่นมากน้อยแตกต่างกันไปตามบทเท่านั้น อนันดา จ๋า แม่ทาริกา การันตีฝีมือได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะแม่ทาริกาเล่นตอนผีเข้าได้สุดจนลืมอายุไปเลยจริงๆว่าจะ 70 แล้ว ที่เป็นม้ามืดเลยนี่ยกให้น้องพลอย ศรนรินทร์ ในบทน้องสร้อย ไม่ได้ปล่อยของในซีนธรรมดา แต่ปล่อยของในซีนผีเข้าได้สุดที่สุดในนักแสดงทั้งเรื่อง
สำหรับผมให้คะแนนเรื่อง
สิงสู่ 8/10
ขออนุญาติหักเรื่องบทที่บางอย่างไม่โปรย แล้วบทจะเฉลย เลยรู้สึกห้วน กับคำพูดในฉากย้อนอดีตที่ไม่ประดิษฐ์ประดอยให้ดี บางคนอาจคิดว่าแค่ฉากย้อนอดีต จะอะไรให้มากความ แต่ผมคิดว่า ฉากย้อนอดีตที่จะมีผลต่อเนื้อเรื่องในปัจจุบันและเนื้อเรื่องที่กำลังจะเกิดในเวลาข้างหน้า ก็ควรให้อรรถรสแก่คนดูเหมือนกัน
คนที่ดูอควาแมนแล้ว จะไม่ดูอควาแมน หรือหาอะไรดูนอกจากอควาแมน เรื่อง
สิงสู่ เป็นเรื่องที่คุณน่าจะไปดูแล้วไม่เสียดายตังค์เรื่องหนึ่งเลย ไปดูได้นะครับ
คนที่ดูมาแล้ว คุยกันได้นะครับ หรือยังไม่ได้ดูจะมาพูดคุยกันได้เหมือนกัน
ความรู้สึกหลังจากไปดูเรื่อง "สิงสู่" มาสดๆร้อนๆ...
ตัวอย่างแรกที่น่าดูมากๆ กับตัวอย่างที่สองที่หลายๆคนเห็นว่าพัง
แต่ผมก็ตั้งเป้าอยู่แล้ว ว่าจะไปดูวันแรกเลย ยังไม่ดูอควาแมนครับ เพราะเรื่องนี้มีแปลนจะดูกับเพื่อนกลุ่มใหญ่วีคหน้าแล้ว (ฮา)
คนในโรงมีประปราย ไม่ถึงครึ่งโรง แม้ว่าจะเป็นรอบแรก ของวันแรก (13/12/2561) เดาว่าไปหนักทางอควาแมนหมดแล้ว
สำหรับผม ผมไม่คิดว่าตัวอย่างที่สอง (ตัวอย่างยาวสุด) ไม่ได้พังขนาดนั้นนะ สามารถอธิบายเรื่องได้อยู่ ว่าเรื่องเป็นมาเป็นไปอย่างไร
เรื่องย่อ
(ตามแบบของผมเอง...)
คนของสำนักหมอผี 6 คนไปรวมตัวกันที่สำนัก อันเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่ห่างไกลบ้านช่อง ตามคำสั่งนายแม่ เฮดใหญ่ของสำนัก เมื่อไปถึง พบว่านายแม่อยู่กับศพลึกลับไม่ทราบเพศหรือวัยในห่อผ้าสีขาวเหมือนอับดุลเอ๊ยกลางโต๊ะกินข้าว นายแม่ต้องการให้ทุกคนช่วยกันสวดให้วิญญาณเจ้าของร่างกลับคืนเข้าร่าง ทุกคนจำยอมต้องทำตาม เพราะเกรงในบารมีของนายแม่ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยสักคนว่าร่างในผ้าขาวกลางโต๊ะกินข้าวนั่นคือใคร พิธีเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่มันดันเป็นจุดเริ่มต้นของความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นในสำนักโดดเดี่ยวห่างไกลผู้คน
ความคิดเห็นส่วนตัวต่อหนัง
ผมอ่านสัมพาษณ์ของผู้กำกับแล้ว อ่านก่อนไปดูซะอีก ผมเกิดรู้สึกสนใจขึ้นมา ผู้กำกับบอกว่าโปรเจ็กต์หนังของค่ายหนังค่ายนี้ยังไม่เสร็จสักที ผู้ใหญ่อยากให้ค่ายคลอดหนังออกมาสักเรื่อง ไม่งั้นปีนี้ค่ายจะไม่มีหนังเลย หนังเรื่องนี้เลยถือกำเนิดขึ้นมา ใช้เวลาเตรียมการไม่นาน ไม่มีซีจี เน้นการเมคอัพและการแสดงของนักแสดงในเรื่องล้วนๆ งบไม่มาก เน้นเสร็จเร็ว แต่ต้องไม่ให้ความรู้สึกของการเผา โห...จะเป็นยังไงกันนะ ไหนๆก็ยังดูอควาแมนไม่ได้ ก็ขอไปดูเลยก็แล้วกัน เดิมทีก็ตั้งใจอยู่แล้วนี่นา เมื่อดูจบ รู้สึกว่าผู้กำกับประสบความสำเร็จนะ ไม่รู้สึกถึงความเผาเลย ดูเป็นหนังจริงจังเรื่องหนึ่ง
คุณสามารถไปดูหนังเรื่องนี้ได้เลย ไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องย่ออะไรมากมาย เพราะหนังไม่ได้บอกอะไรเอาไว้ ไม่ได้ปูอะไรมากมายในตอนแรกจริงๆ เราต้องทำความเข้าใจกันเอาเอง แม้กระทั่งความสัมพันธ์ของตัวละคร ชื่อของตัวละคร ปูมหลังและความเป็นมา เราไม่รู้อะไรเลย แต่เราต้องตามเก็บจากบทสนทนา และการย้อนอดีตภายในเรื่อง เพราะหนังเปิดมาด้วยการทำพิธีเรียกวิญญาณคืนสู่ร่างของเหล่าศิษย์สำนักและนางแม่แล้ว
บรรยากาศของเรื่อง ชวนให้นึกถึงหนังผีฝรั่ง และหนังญี่ปุ่นแนวสถานที่ปิดตาย ฆาตกรรมในสถานที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอก คนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันในสถานที่ที่ห่างไกลผู้คน และไม่สามารถออกไปไหนได้ ด้วยเหตุผลบางประการ ความรู้สึกอึดอัดมีไม่มาก แต่คิดว่าหนังก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้รู้สึกเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะสำนักเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ หนังให้ความรู้สึกสงสัย และหวาดระแวง เป็นความรู้สึกหลัก มีน่ากลัวและผวาบ้างเป็นช่วงๆ ตามสถานการณ์ บทไม่เยอะจนเกินไป แต่อาจน้อยไปในบางส่วน เดิมทีเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรมากอยู่แล้ว ส่วนที่ควรมี แต่กลับไม่มี จึงให้ความรู้สึกว่าขาดตกไปอยู่ (ที่น้อย ในที่นี้หมายถึงเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร และตัวละครบางตัว ที่ตอนจบคลายและเฉลยแบบดาษๆ ไม่มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยก่อนหน้าปูเอาไว้ให้อย่างซึมลึก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ตอนเฉลย ความอ๋อหรือเหวออาจยังไม่แรงเท่าไหร่) บทพูดใช้ได้หลายส่วนปัจจุบัน แต่บทพูดในส่วนอดีตบางบท รู้สึกมันลิเกไปหน่อย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นักแสดงทุกคนเล่นได้ตามบทของตนเอง สามารถประคอง ไม่สิ ผมว่าค้ำจนเป็นเสาหลักอันแข็งแกร่งของหนังได้จนจบ ถือว่าคุณภาพใช้ได้ จะไม่ใช้คำว่าแบกก็แล้วกันนะครับ เพราะหนังที่ไม่มีซีจีให้ตระการตาสำหรับผม สิ่งที่ต้องจับตาก็คือบรรยากาศของเรื่องกับการแสดงของนักแสดงอยู่แล้ว ซึ่งการแสดงของทุกๆคนตอบโจทย์ในสิ่งที่ควรดูของหนังเรื่องนี้ จะมีก็แต่ความโดดเด่นมากน้อยแตกต่างกันไปตามบทเท่านั้น อนันดา จ๋า แม่ทาริกา การันตีฝีมือได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะแม่ทาริกาเล่นตอนผีเข้าได้สุดจนลืมอายุไปเลยจริงๆว่าจะ 70 แล้ว ที่เป็นม้ามืดเลยนี่ยกให้น้องพลอย ศรนรินทร์ ในบทน้องสร้อย ไม่ได้ปล่อยของในซีนธรรมดา แต่ปล่อยของในซีนผีเข้าได้สุดที่สุดในนักแสดงทั้งเรื่อง
สำหรับผมให้คะแนนเรื่องสิงสู่ 8/10
ขออนุญาติหักเรื่องบทที่บางอย่างไม่โปรย แล้วบทจะเฉลย เลยรู้สึกห้วน กับคำพูดในฉากย้อนอดีตที่ไม่ประดิษฐ์ประดอยให้ดี บางคนอาจคิดว่าแค่ฉากย้อนอดีต จะอะไรให้มากความ แต่ผมคิดว่า ฉากย้อนอดีตที่จะมีผลต่อเนื้อเรื่องในปัจจุบันและเนื้อเรื่องที่กำลังจะเกิดในเวลาข้างหน้า ก็ควรให้อรรถรสแก่คนดูเหมือนกัน
คนที่ดูอควาแมนแล้ว จะไม่ดูอควาแมน หรือหาอะไรดูนอกจากอควาแมน เรื่องสิงสู่ เป็นเรื่องที่คุณน่าจะไปดูแล้วไม่เสียดายตังค์เรื่องหนึ่งเลย ไปดูได้นะครับ
คนที่ดูมาแล้ว คุยกันได้นะครับ หรือยังไม่ได้ดูจะมาพูดคุยกันได้เหมือนกัน