รบกวนคุณหมอโรคผิวหนังช่วยด้วยครับ
ผมเป็นแผลโรคผิวหนังที่นิ้วรักษามานานกว่า 1 ปีแล้วครับ ยังไม่หาย
ขอเล่าความเป็นมาดังนี้ครับ
เดือนสิงหาคม 2560 พบว่ามีตุ่มเม็ดขาวๆ แข็ง ขนาดประมาณปลายเม็ดข้าวสารผุดขึ้นตรงบริเวณที่เป็นแผลในรูปด้านล่าง

คัน ผมก็เกา แล้วก็แคะแกะเอาเม็ดแข็งๆ ออก
เป็นรูเล็กๆ มีเลือดซิบๆ
ผมก็คิดว่าร่างกายก็คงรักษาหายได้เหมือนทุกครั้งที่เป็นแผล
ก็เลยใช้มือตามปกติครับ
โดนน้ำ สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน
ผ่านไป 2-3 สัปดาห์ แผลไม่หาย แต่กลับเปื่อยๆ เหมือนจะมีหนอง
ผมจึงเริ่มสนใจรักษา
กลางเดือนตุลาคม 2560
ไปโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
คุณหมอให้ไปล้างแผลทุกวัน ผมไปล้างติดต่อกัน 4 วัน แผลแห้ง
มีการเปลี่ยนหมอ
คุณหมอใหม่ เห็นว่าแผลดีแล้ว บอกว่าไม่ต้องล้างแล้ว ให้ทายาตัวหนึ่ง
(ผมเก็บยาไว้นะครับ แต่อยู่ ตจว.)
ทาไปประมาณสัปดาห์ ปรากฎว่าแผลที่แห้ง กลับมีน้ำเหลืองขึ้นมา
ผมก็กลับไปหาหมอท่านเดิมอีกครั้ง
คุณหมอบอกว่าเป็นอาการแพ้นะ จึงส่งผมขึ้นไปคลีนิคโรคผิวหนังของ รพ. แห่งนั้น
คุณหมอโรคผิวหนัง ก็เลยขูดเอาไปตรวจดูว่ามีเชื้ออะไรหรือเปล่า
ผลออกมาว่าไม่มี
ก็ให้ยามาทาครับ จำได้ว่าเป็นสะเตียรอยด์ ก่อนทาให้ประคบแผล 5 นาทีด้วย saline แล้วก็มียาทานฆ่าเชื้อประมาณ 1 สัปดาห์
หมอนัด 2 สัปดาห์ให้ไปพบอีกครั้ง
แผลแห้งดีแล้ว
หมอบอกว่าหายแล้ว
กลับมาใช้ชีวิตปกติได้เพียงสัปดาห์เดียว
ก็เริ่มคันอีก แล้วแผลเดิมก็พุพองขึ้นอีกครั้ง มีน้ำเหลืองออกมากกว่าเดิม
ต้นเดือนธันวาคม 2560
ผมเปลี่ยนไปสถาบันแห่งหนึ่งที่รักษาโรคผิวหนังโดยตรง
คุณหมอให้ยาทานฆ่าเชื้อ ยาทาเป็นสะเตียรอยด์มาทาอีก (ชื่อคล้ายๆ ตัวเดิมเลย)
หมดนัด 2 สัปดาห์
ผมกลับมาประคบแผล และทายานั้นแค่วันเดียว ก็แห้งครับ
กลับไปพบคุณหมอตามนัด
คุณหมอบอกหายดีแล้ว แต่ถ้าไปสัมผัสอะไรที่แพ้อยู่ ก็คงเป็นอีก
กลับมาใช้ชีวิต โดยระวังไม่ให้นิ้วที่เป็นแผลโดนน้ำ (อาบน้ำ ก็ใส่ถุงมือกันน้ำ ชูมือไม่ให้โดนน้ำ) นิ้วอยู่ปกติเพียงสัปดาห์เดียว ก็เริ่มคันอีกแล้วครับ
เดือนมกราคม 2561
กลับไปสถาบันแห่งนี้อีกครั้ง
แต่พบคุณหมอคนใหม่
คุณหมอบอกแปลกที่เป็นเพียงนิ้วเดียว หากแพ้อะไรก็น่าจะเป็นหลายนิ้ว จึงไม่ส่งผมไปทดสอบการแพ้สิ่งสัมผัส
คุณหมอให้ประคบแผลด้วยยาน้ำสำหรับประคบแผล (ไม่ใช่ saline) 15 นาที เป็นยาที่สถาบันนั้นผลิดเอง มีชื่อ BUROW'S SOL ติดอยู่
แล้วก็ทายาอีกตัว (ที่สถาบันน่าจะผลิตเอง) ผมกลับมาทำวันเดียว หายเหมือนเดิม หยุดประคบยา หยุดทาแผล
2 สัปดาห์ต่อมา กลับไปพบคุณหมออีกครั้ง แต่เริ่มคันแล้ว จึงพบว่าผมทำผิดที่หยุดยา คุณหมอต้องการให้ทายาตลอด 2 สัปดาห์
จึงให้กลับมาทำใหม่ครับ (ยาเดิม)
ผมทำต่อเนื่อง 2 สัปดาห์แล้วไปพบคุณหมออีก
คุณหมอบอกว่าน่าจะหายแล้วนะ
กลับมาใช้ชีวิต โดยไม่ให้นิ้วนั้นสัมผัสน้ำ สารละลายใด ๆ
1 สัปดาห์ ก็เริ่มคันอีกครับ
ผมปล่อยให้แผลพุพอง มีน้ำเหลืองอยู่อย่างนั้นเป็นเดือน
แบบว่าอยากลองทดสอบร่างกายดู เผื่อว่าจัดการอะไรได้บ้าง
แต่ไม่ได้ครับ
ต้นเดือนมีนาคม 2561
เปลี่ยนไปโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง ด้วยความหวังว่าอาจะพบอาจารย์แพทย์ที่มีประสบการณ์ หรือเอาผมให้นักเรียนแพทย์จัดการศึกษาว่าเป็นอะไร
ได้พบคุณหมอในคลีนิกโรคผิวหนัง
คุณหมอเห็นแผลแล้ว แค่ถามว่าได้ใส่ผงวิเศษอะไรมาหรือเปล่า
ให้ยาทานฆ่าเชื้อ แล้วก็ยาทา "คลอบิเตท" มาทา 2 สัปดาห์ให้ไปพบใหม่
ก่อนทาให้ประคบแผลด้วย saline 15 นาทีจนกว่าแผลจะแห้งก่อน
ปรากฎว่าแผลแห้งดีครับ
ไปพบคุณหมอตามนัด คุณหมอบอกว่าหายแล้ว
ให้ผมทายาตัวใหม่ หลอดสีเหลือง ('Beta Cream') ในรูปข้างล่างครับ

คุณหมอบอกว่าเป็นยาที่จะปรับผิวหนังให้มาเป็นผิวปกติ
ต้องทานานหน่อยนะ ทาไปเรื่อย ๆ จนกว่าผิวหนังจะปกติ
วันละ 2 ครั้ง
ถ้าแผลเห่อขึ้นอึกก็ให้ประคบแผลให้แห้ง แล้วใช้ "คลอบิเตท" ตัวเดิมจนแผลแห้ง
แล้วจึงใช้ Beta Cream นั้นเหมือนเดิม
คุณหมอไม่นัดอีก
ผมกลับมาทำตามคุณหมอบอก จนถึงต้นเดือนมิถุนายน 2561
โดยระหว่างที่ทายา Beta Cream นั้น ผมก็ไม่ให้นิ้วสัมผัสน้ำ หรือสารละลายใดๆ ครับ
ผลปรากฎว่า ไม่มีแผล สีผิวบริเวณนั้นดีขึ้น จากที่เป็นสีดำ ๆ ค่อยๆ จางลงเกือบเป็นเหมือนสีของผิวหนังบริเวณอื่น
ผมจึงเริ่มให้มือโดนน้ำ โดนสบู่บ้าง แต่ก็จะรีบเช็ดมือให้แห้งนะครับ
พอดีมีเหตุ ผมต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน แล้วลืมยาครับ
เลยไม่ได้ทายา 4-5 วัน
กลับมาก็เลยไม่ได้ทาครับ
แผลเหมือนหายเป็นปกติได้ประมาณ 2 เดือน
จนผมคิดว่าหายแล้ว
จึงใช้มือเหมือนปกติขึ้น สัมผัสทุกอย่าง แต่ก็จะรีบเช็ดให้แห้งทันทีหลังจากใช้เสร็จครับ
มันก็กลับมาคันอีก
แล้วก็พุพองอีก
จึงกลับมาใช้ saline ประคบแผลให้แห้ง ใช้ใช้ "คลอบิเตท" ทา
พอเห็นว่าแผลแห้งดีแล้วก็ใช้ Beta Cream ทาอีกเช่นเคย
แต่หลังจากทำมาหลายเดือน แผลพุพอง ไม่แห้งสนิทเหมือนช่วงก่อนครับ
ต้นเดือนนี้ (ธันวาคม 2561) จนถึงปัจจุบัน
ปรากฎว่ามีแผลขึ้นที่ด้านข้างของนิ้วนี้ (นิ้วเดียวกัน) ตามรูปข้างล่างครับ
ตอนเริ่มเป็น ผิวหนังจะแข็ง ๆ แล้วก็ลอกเป็นแผล มีน้ำเหลือง ไม่ได้เริ่มเป็นตุ่มเหมือนเม็ดข้าวแบบแผลอันแรก

มีน้ำเหลือง แห้ง แล้วก็ไหล แล้วก็แห้ง ผิวหนังลอกอีก น้ำเหลืองออกอีก
ตอนนี้จึงหยุดใช้ยาทุกอย่างแล้ว
คิดว่าจะไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลล่าสุดอีกครั้งครับ
หากคุณหมอท่านใดมีความเห็น หรือข้อแนะนำ ให้ผมรักษาอย่างไร ขอความกรุณาด้วยครับ
ขอบพระคุณครับ
คุณหมอโรคผิวหนังโปรดเมตตาช่วยด้วยครับ
ผมเป็นแผลโรคผิวหนังที่นิ้วรักษามานานกว่า 1 ปีแล้วครับ ยังไม่หาย
ขอเล่าความเป็นมาดังนี้ครับ
เดือนสิงหาคม 2560 พบว่ามีตุ่มเม็ดขาวๆ แข็ง ขนาดประมาณปลายเม็ดข้าวสารผุดขึ้นตรงบริเวณที่เป็นแผลในรูปด้านล่าง
คัน ผมก็เกา แล้วก็แคะแกะเอาเม็ดแข็งๆ ออก
เป็นรูเล็กๆ มีเลือดซิบๆ
ผมก็คิดว่าร่างกายก็คงรักษาหายได้เหมือนทุกครั้งที่เป็นแผล
ก็เลยใช้มือตามปกติครับ
โดนน้ำ สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน
ผ่านไป 2-3 สัปดาห์ แผลไม่หาย แต่กลับเปื่อยๆ เหมือนจะมีหนอง
ผมจึงเริ่มสนใจรักษา
กลางเดือนตุลาคม 2560
ไปโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
คุณหมอให้ไปล้างแผลทุกวัน ผมไปล้างติดต่อกัน 4 วัน แผลแห้ง
มีการเปลี่ยนหมอ
คุณหมอใหม่ เห็นว่าแผลดีแล้ว บอกว่าไม่ต้องล้างแล้ว ให้ทายาตัวหนึ่ง
(ผมเก็บยาไว้นะครับ แต่อยู่ ตจว.)
ทาไปประมาณสัปดาห์ ปรากฎว่าแผลที่แห้ง กลับมีน้ำเหลืองขึ้นมา
ผมก็กลับไปหาหมอท่านเดิมอีกครั้ง
คุณหมอบอกว่าเป็นอาการแพ้นะ จึงส่งผมขึ้นไปคลีนิคโรคผิวหนังของ รพ. แห่งนั้น
คุณหมอโรคผิวหนัง ก็เลยขูดเอาไปตรวจดูว่ามีเชื้ออะไรหรือเปล่า
ผลออกมาว่าไม่มี
ก็ให้ยามาทาครับ จำได้ว่าเป็นสะเตียรอยด์ ก่อนทาให้ประคบแผล 5 นาทีด้วย saline แล้วก็มียาทานฆ่าเชื้อประมาณ 1 สัปดาห์
หมอนัด 2 สัปดาห์ให้ไปพบอีกครั้ง
แผลแห้งดีแล้ว
หมอบอกว่าหายแล้ว
กลับมาใช้ชีวิตปกติได้เพียงสัปดาห์เดียว
ก็เริ่มคันอีก แล้วแผลเดิมก็พุพองขึ้นอีกครั้ง มีน้ำเหลืองออกมากกว่าเดิม
ต้นเดือนธันวาคม 2560
ผมเปลี่ยนไปสถาบันแห่งหนึ่งที่รักษาโรคผิวหนังโดยตรง
คุณหมอให้ยาทานฆ่าเชื้อ ยาทาเป็นสะเตียรอยด์มาทาอีก (ชื่อคล้ายๆ ตัวเดิมเลย)
หมดนัด 2 สัปดาห์
ผมกลับมาประคบแผล และทายานั้นแค่วันเดียว ก็แห้งครับ
กลับไปพบคุณหมอตามนัด
คุณหมอบอกหายดีแล้ว แต่ถ้าไปสัมผัสอะไรที่แพ้อยู่ ก็คงเป็นอีก
กลับมาใช้ชีวิต โดยระวังไม่ให้นิ้วที่เป็นแผลโดนน้ำ (อาบน้ำ ก็ใส่ถุงมือกันน้ำ ชูมือไม่ให้โดนน้ำ) นิ้วอยู่ปกติเพียงสัปดาห์เดียว ก็เริ่มคันอีกแล้วครับ
เดือนมกราคม 2561
กลับไปสถาบันแห่งนี้อีกครั้ง
แต่พบคุณหมอคนใหม่
คุณหมอบอกแปลกที่เป็นเพียงนิ้วเดียว หากแพ้อะไรก็น่าจะเป็นหลายนิ้ว จึงไม่ส่งผมไปทดสอบการแพ้สิ่งสัมผัส
คุณหมอให้ประคบแผลด้วยยาน้ำสำหรับประคบแผล (ไม่ใช่ saline) 15 นาที เป็นยาที่สถาบันนั้นผลิดเอง มีชื่อ BUROW'S SOL ติดอยู่
แล้วก็ทายาอีกตัว (ที่สถาบันน่าจะผลิตเอง) ผมกลับมาทำวันเดียว หายเหมือนเดิม หยุดประคบยา หยุดทาแผล
2 สัปดาห์ต่อมา กลับไปพบคุณหมออีกครั้ง แต่เริ่มคันแล้ว จึงพบว่าผมทำผิดที่หยุดยา คุณหมอต้องการให้ทายาตลอด 2 สัปดาห์
จึงให้กลับมาทำใหม่ครับ (ยาเดิม)
ผมทำต่อเนื่อง 2 สัปดาห์แล้วไปพบคุณหมออีก
คุณหมอบอกว่าน่าจะหายแล้วนะ
กลับมาใช้ชีวิต โดยไม่ให้นิ้วนั้นสัมผัสน้ำ สารละลายใด ๆ
1 สัปดาห์ ก็เริ่มคันอีกครับ
ผมปล่อยให้แผลพุพอง มีน้ำเหลืองอยู่อย่างนั้นเป็นเดือน
แบบว่าอยากลองทดสอบร่างกายดู เผื่อว่าจัดการอะไรได้บ้าง
แต่ไม่ได้ครับ
ต้นเดือนมีนาคม 2561
เปลี่ยนไปโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง ด้วยความหวังว่าอาจะพบอาจารย์แพทย์ที่มีประสบการณ์ หรือเอาผมให้นักเรียนแพทย์จัดการศึกษาว่าเป็นอะไร
ได้พบคุณหมอในคลีนิกโรคผิวหนัง
คุณหมอเห็นแผลแล้ว แค่ถามว่าได้ใส่ผงวิเศษอะไรมาหรือเปล่า
ให้ยาทานฆ่าเชื้อ แล้วก็ยาทา "คลอบิเตท" มาทา 2 สัปดาห์ให้ไปพบใหม่
ก่อนทาให้ประคบแผลด้วย saline 15 นาทีจนกว่าแผลจะแห้งก่อน
ปรากฎว่าแผลแห้งดีครับ
ไปพบคุณหมอตามนัด คุณหมอบอกว่าหายแล้ว
ให้ผมทายาตัวใหม่ หลอดสีเหลือง ('Beta Cream') ในรูปข้างล่างครับ
คุณหมอบอกว่าเป็นยาที่จะปรับผิวหนังให้มาเป็นผิวปกติ
ต้องทานานหน่อยนะ ทาไปเรื่อย ๆ จนกว่าผิวหนังจะปกติ
วันละ 2 ครั้ง
ถ้าแผลเห่อขึ้นอึกก็ให้ประคบแผลให้แห้ง แล้วใช้ "คลอบิเตท" ตัวเดิมจนแผลแห้ง
แล้วจึงใช้ Beta Cream นั้นเหมือนเดิม
คุณหมอไม่นัดอีก
ผมกลับมาทำตามคุณหมอบอก จนถึงต้นเดือนมิถุนายน 2561
โดยระหว่างที่ทายา Beta Cream นั้น ผมก็ไม่ให้นิ้วสัมผัสน้ำ หรือสารละลายใดๆ ครับ
ผลปรากฎว่า ไม่มีแผล สีผิวบริเวณนั้นดีขึ้น จากที่เป็นสีดำ ๆ ค่อยๆ จางลงเกือบเป็นเหมือนสีของผิวหนังบริเวณอื่น
ผมจึงเริ่มให้มือโดนน้ำ โดนสบู่บ้าง แต่ก็จะรีบเช็ดมือให้แห้งนะครับ
พอดีมีเหตุ ผมต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน แล้วลืมยาครับ
เลยไม่ได้ทายา 4-5 วัน
กลับมาก็เลยไม่ได้ทาครับ
แผลเหมือนหายเป็นปกติได้ประมาณ 2 เดือน
จนผมคิดว่าหายแล้ว
จึงใช้มือเหมือนปกติขึ้น สัมผัสทุกอย่าง แต่ก็จะรีบเช็ดให้แห้งทันทีหลังจากใช้เสร็จครับ
มันก็กลับมาคันอีก
แล้วก็พุพองอีก
จึงกลับมาใช้ saline ประคบแผลให้แห้ง ใช้ใช้ "คลอบิเตท" ทา
พอเห็นว่าแผลแห้งดีแล้วก็ใช้ Beta Cream ทาอีกเช่นเคย
แต่หลังจากทำมาหลายเดือน แผลพุพอง ไม่แห้งสนิทเหมือนช่วงก่อนครับ
ต้นเดือนนี้ (ธันวาคม 2561) จนถึงปัจจุบัน
ปรากฎว่ามีแผลขึ้นที่ด้านข้างของนิ้วนี้ (นิ้วเดียวกัน) ตามรูปข้างล่างครับ
ตอนเริ่มเป็น ผิวหนังจะแข็ง ๆ แล้วก็ลอกเป็นแผล มีน้ำเหลือง ไม่ได้เริ่มเป็นตุ่มเหมือนเม็ดข้าวแบบแผลอันแรก
มีน้ำเหลือง แห้ง แล้วก็ไหล แล้วก็แห้ง ผิวหนังลอกอีก น้ำเหลืองออกอีก
ตอนนี้จึงหยุดใช้ยาทุกอย่างแล้ว
คิดว่าจะไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลล่าสุดอีกครั้งครับ
หากคุณหมอท่านใดมีความเห็น หรือข้อแนะนำ ให้ผมรักษาอย่างไร ขอความกรุณาด้วยครับ
ขอบพระคุณครับ