เจ้าที่ ที่ทำงาน

กระทู้สนทนา
สวัดดีจ้า เราชื่อซี ซีทำงานผับแห่งหนึ่งในข้าวสาร ( ไม่ขอเอ่ยชื่อผับนะคะ ) จำกันได้ไหมเอ่ย ปีที่น้ำท่วมกรุงเทพ เจ้าของผับใจดีให้พนักงานพักชั้นสี่ของผับได้ เนื่องจากน้ำท่วมหนักจนไม่สามารถเดินทางมาทำงานได้

เราและเพื่อนๆที่ทำงานเลยได้ไปนอนร่วมกันที่ห้องใหญ่ชั้นสี่ ชั้นสี่พอขึ้นบรรไดมาเราจะมองเห็นห้องครัวก่อนเลย แล้วทางซ้ายมือเวลาขึ้นบรรไดมาจะมีห้องน้ำ 4 ห้อง ไว้อาบน้ำสองห้อง แล้วมีห้องกั้นข้างๆครัวเป็นโถงสำหรับเดินไปห้องที่ทุกคนนอนรวมกัน

เริ่มเลยดีกว่า เราค่อนข้างมี six sense ( ซึ่งไม่อยากมีเลย ) มีเพื่อนส่วนหนึ่งมานอนที่ทำงานกันก่อนหน้าเราแล้ว เราและน้องอีกคนพึ่งจะตามมาตอนที่น้ำท่วมทางไปหมดแล้ว พอมาถึงร้าน รุ่นพี่ก็นำทางพาเราขึ้นไปด้านบน ( ห้องนอนรวม ) เรากับรุ่นน้องอีกคนก็เดินตามขึ้นไป พอกำลังจะขึ้นบรรไดชั้นสามซีกลับรู้สึกหนาวสันหลังและขนก็ลุกไล่ขึ้นมายันหัว ( เราไม่เคยขึ้นไปด้านบน ทำแต่งานข้างล่าง กับชั้นลอย ) ซีเลยยกมือไหว้และพูดขึ้นว่าเดี๋ยวทำบุญไปให้ อยากจะกินอะไรขอให้มาบอกดีๆ แต่ถ้ามาน่ากลัวเราจะไม่ให้อะไรเลย!

แล้วเราก็เดินขึ้นไปแบบใจหวิวๆ ถึงห้องด้านบนก็จัดที่หลับที่นอนเอาข้าวของเก็บเข้าที่เข้าทาง ทักทายเพื่อนอีกสองสามคน ( บางส่วนออกไปข้างนอกยังไม่กลับ ) รุ่นพี่ซีเลยหาข้าวหาน้ำให้กิน แล้วเราก็นั่งเม้ามอยกันจนถึงเวลาต้องอาบน้ำลงไปทำงาน

หลังจากเลิกงานเรากับเพื่อนๆที่นอนที่ร้านเริ่มทยอยขึ้นด้านบนกัน แล้วก็มีบางส่วนซื้อของสดมาทำอาหารหรือกับแกล้มกินกับเหล้า ( ทำงานผับก็จะติดลมกันกินเหล้าต่อนิดๆ ) นั่งคุยกันแล้วถามกันว่าใครนอนที่นี่บ้าง ก็ไล่รายชื่อกันไป คืนแรกผ่านไปด้วยดี กินเสร็จเริ่มทยอยกันไปอาบน้ำเข้านอน บางส่วนเม้ามอยเล่นไพ่กันต่อ

คืนที่สอง หลังจากตั้งวงกันในครัวหลังเลิกงานเหมือนคืนแรก ทุกคนก็นั่งคุยกันหยอกล้อกันตามปกติ ก็พากันเริ่มได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบรรได เสียงเหมือนคนใส่รองเท้าแตะเดินขึ้นบรรไดมาทีละก้าว..แต่ไม่ถึงสักที
เพื่อนๆรวมถึงเราก็เริ่มพากันเงียบพร้อมกันหมด แล้วเอียงหูฟัง พร้อมหันไปทางเดียวกันหมดทางบรรได
จนสักพักยังไม่มีที่มาที่ไปของเสียงเดิน เพื่อนอีกคนเลยกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปที่บรรได แล้วคนที่เหลือรวมถึงตัวเราก็วิ่งตามกันไปดู แต่ก็ไม่มีใครเดินขึ้นมา แต่ยังคงได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมาเรื่อย ดังขึ้นเรื่อยๆอยู่ เลยพากันตะโกนถามแบบกล้าๆ กลัวๆ " ใครอ่ะ ใครเดินขึ้นมา " แต่ก็ไม่มีเสียงตอบใดๆ

จนเพื่อนผู้ชายพากันวิ่งลงข้างล่างตามเสียงไป ว่าใครมารึเปล่า ( ตอนนั้นผับปิดล็อกจากด้านในซึ่งไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ แถมตึกเป็นตึกเดี่ยว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เสียงจะมาจากข้างบ้าน )

เพื่อนๆวิ่งลงไป ซึ่งมีเรากับรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนวิ่งตามไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น หรือที่เรียกว่าอยาก ( เผือกดีๆนี่เอง ) แต่ลงไปยันชั้นหนึ่ง เช็คทั่วทั้งร้านก็ไม่เห็นมีใครสักคน เลยพากันขึ้นมานั่งในครัวเหมือนเดิมแล้วก็นั่งคุยกัน ถามกันว่าได้ยินเหมือนกันไหม ทุกคนก็พยักหน้าว่าได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบรรไดมากันหมด

เลยพากันเปลี่ยนเรื่องคุย กินข้าวกันต่อได้สักพัก ก็พากันได้ยินเสียงคนอาบน้ำ เหมือนใช้ขันสาดมาที่ลำตัวเสียงน้ำกระทบกับพื้น สักพักกลิ่นสบู่ลอยมาเตะจมูก ( ห้องน้ำไม่ได้ไกลจากห้องครัวมาก คือหันไปก็เห็นเลย ) จนเพื่อนอีกคนหันมาถามคนอื่นๆ " เห้ยใครหนีไปอาบน้ำก่อนว่ะ "
ต่างคนต่างส่ายหน้าบอกไม่รู้ เพื่อนอีกคนเลยพูดขึ้นว่า " เดี๋ยวกูจะไปแกล้งเคาะประตูมันดูสิว่าใครหนีไปอาบก่อน " พูดเสร็จก็ลุกปรี่ไปที่ห้องน้ำ แล้วสักพักก็เดินกลับมาแบบหน้าซีดๆ แล้วชวนเพื่อนคนอื่นๆไปดู ปรากฎว่า พอมองเข้าไปกลิ่นสบู่ยังโชยเต็มไปหมด แต่ในห้องน้ำกลับว่างเปล่า พื้นแห้ง ไม่มีใครอยู่สักคน ต่างคนต่างวิ่งไปที่ห้องอื่น ผลักเปิดประตูจนสุดแล้วเดินเข้าไปดู เผื่อมีใครแอบอยู่หลังประตู แต่ทุกห้องก็ว่างเปล่า บวกกับพื้นแห้งทุกห้อง

ทีนี้เริ่มมองหน้ากันแล้วเดินกลับมาตั้งหลักกันที่ห้องครัว
รุ่นพี่คนหนึ่งเลยเริ่มนับคนว่ามีกี่คน ใครที่นอนที่ร้านบ้าง ปรากฎว่าพอนับแล้วครบคนพอดี เลยมองหน้ากันแล้วต่างคนต่างยืนยันว่าได้ยินเสียงเดียวกันว่ามีคนอาบน้ำ กับได้กลิ่นสบู่

เท่านั้นและ พากันแย้กย้ายเข้าห้องนอนโดยที่ไม่มีใครยอมอาบน้ำสักคน พอถึงห้องต่างคนต่างพากันลากที่นอนมาไว้ใกล้ๆกัน เปิดไฟทิ้งไว แล้วนอนเรียงกันไม่พูดไม่จา จนเผลอหลับกันไปตอนไหนก็ไม่รู้

ด้วยความเพลียเลยพากันตื่นสาย แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนได้ เลยผลัดกันเฝ้าประตูทางเข้าห้องน้ำ เพื่อนๆคนไหนอาบเสร็จก็รออีกคน จนครบคน แต่งตัวเสร็จพากันเดินลงข้างล่างไล่ๆหลังกันลงไป

พอลงไปถึงชั้นหนึ่ง เพื่อนร่วมงานที่บ้านอยู่ใกล้ๆข้าวสาร ต่างก็ทยอยกันมาเข้างานบ้างแล้ว แล้วก็คงสังเกตจากสีหน้าเราๆกัน เลยถามขึ้นว่า " เจอไรกันมาเมื่อคืน " ( เหมือนจะรู้ )

เพื่อนอีกคนเลยค่อยๆเล่าให้ฟัง...

ทีนี้เพื่อนที่ถามเลยเริ่มหัวเราะเสียงดัง ( ณ ตอนนั้นซีคิดในใจ ไอ้นี่บ้าป่ะเนี่ย เจอผีมาไม่ขำนะโว้ย ) แล้วเพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า " พวกพึ่งจะเจอ ใครทำงานที่นี่เจอแท้บจะทุกราย " บางคนถึงกับอยู่ไม่ได้ ลาออก ณ ตอนนั้นเลยก็มี

เเล้วเพื่อนที่หัวเราะก็เริ่มเล่า...

บอกว่าที่นี่มีเจ้าที่ ขอเรียกท่านว่าลุงแล้วกันเนอะ
ลุงเป็นคนที่ตายที่นี่ ตายมานานแต่ไม่ได้ไปผุดไปเกิด แกจะแต่งตัวแบบคนสมัยโบราณ ใส่หมวก หัวหงอกๆผมยาวเกือบๆถึงบ่า  ชอบนั่งห้อยขาลงจากชั้นลอย แล้วจ้องพนักงานใหม่บางคนด้วยสายตาอันแดงก่ำ ( พิมพ์ไปขนก็ลุกไป เที่ยงคืนกว่าแล้วอะนะ ไม่รู้เหมือนกันทำไมอยู่ดีๆนึกอยากเขียนเรื่องนี้ลงพันทิปเวลาแบบนี้ )

ลุงแกมาได้ทุกที่จริงๆ ไม่ว่าจะห้อยขาลงจากชั้นลอย หรือนั่งห้อยขาบนหลังคา พร้อมจ้องพนักงานด้วยสายตาแดงก่ำ ส่วนซีนะเหรอ รู้ได้ยังไง ทำไมลุงถึงแต่งตัวแบบนี้ ผมทรงนี้ ใส่หมวก เพราะแกมาหาซี...แต่เดี๋ยวค่อยเล่าเนอะ ว่ามายังไง

ส่วนพนักงานที่กำลังซ่อมอะไรอยู่คนเดียวนะเหรอ บางทีก็วิ่งหน้าตื่นลงมาบวกกับตะโกนว่าผีหลอกๆ แล้วก็วิ่งหนีไปเลยก็เคยมี แต่ตอนเรื่องมันเกิด ซีคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องจริง อาจจะโดนแกล้ง เพราะใครที่โดนก็บอกว่าโดนแบบเดียวกันหมด เลยยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่


ปล. เรื่องยังไม่จบนะ เดี๋ยวมาต่อ พิมพ์ในมือถือตอนนอนนี่ปวดแขนใช่เล่นเลยนะ
ส่วนภาษากับคำบางคำ หรือเว้นวรรค ถ้าเราใช้ไม่ถูก หรือพิมพ์ผิดอย่าด่าเรานะ ภาษาไทยเราไม่ค่อยแข็งแรง

สัญญาว่าจะมาต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่