ผมเป็นลูกชายคนเล็กในครอบครัวชาวจีน (รุ่นอากงเป็นคนจีนที่ย้ายมาอยู่ไทย) ตอนนี้ผมอายุ ยี่สิบกว่า ฐานะของครอบครัวปานกลางค่อนไปทางดี ไม่มีหนี้สิน จริงๆก็คือพึ่งใช้หนี้หมดไม่กี่ปีมานี้ ก่อนหน้านี้ฐานะทางครอบครัวก็กลางๆค่อนไปทางแย่หน่อย ไม่มีบ้านของตัวเองต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติ หลังจากที่ครอบครัวลงหลักปักฐานสร้างบ้านกับการงานอะไรๆก็ดีขึ้น อันนี้ประวัติคร่าวๆของบ้านผม
ประเด็นที่อยากพูดถึงก็คือไม่ว่าจะทำอะไรหรือเริ่มทำอะไร อย่างเช่นไปเที่ยวบ้านเพื่อน สมัยมัธยม ออกไปหางานทำนอกบ้าน ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยอย่างเช่นเรื่อง กวาดบ้าน ถูบ้าน ก็โดนบอกให้ไปนั่งเฉยๆ ไม่เป็นไรเด๋วม๊าทำเอง(ไอ้กวาดบ้านถูบ้านนี่สมัยก่อนนะ) และคำตอบอื่นที่มักจะได้ยินบ่อยเช่น ถ้าไปเที่ยวก็จะมีคำพูดนึงลอยมา ไม่ไปไม่ได้หรอ ม๊าเป็นห่วง ป๊าเป็นห่วง(ปัจจุบันก็ยังเป็น) เป็นคำที่ได้ยินบ่อยมาก ครอบครัวผมม๊ามักจะเป็นคนที่จัดการทุกอย่างเองเสมอไม่ว่าจะเรื่องอะไรในบ้านเรียกว่าเป็นสุดยอดคุณแม่ก็ว่าได้ แต่สิ่งที่ติดมากับความสะดวกสบายที่คุณแม่จัดการให้ทุกอย่างนี้ มันมีผลเสียค่อนข้างมากกับอนาคต ผมซึ่งวันๆแทบจะไม่ต้องทำอะไรก็สามารถอยู่ได้แบบชิลๆ สิ่งนึงเลยคือผมมักจะขาดความมั่นใจเวลาอยู่ข้างนอก(ไม่กล้าตัดสินใจ ตัดสินใจช้า) เป็นคนค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยอะไรก็ได้ และไม่ค่อยมีความภูมิใจกับอะไรซักเท่าไหร่ เพราะจะให้ไปภูมิใจกับอะไรหละแทบไม่ต้องทำอะไรเองเลย เอาจริงๆก็เป็นที่ตัวผมด้วยแหละที่ติดขี้เกียจไปหน่อยเป็นเด็กโดนสปอยล์ มีข้ออ้างให้ขี้เกียจ
เอาจริงๆพอมาคิดดูเล่นๆ อาจจะเป็นความคิดที่แย่นะ ถ้าคิดเล่นๆแบบสุดโต่งไปเลย(ด่าได้) ถ้าทั้งหมดที่เล่ามาข้างบนเป็นแผนการของป๊ากับม๊าหละ มีคำนึงสมัยผมเด็กๆที่ผมมักจะได้สมัยยินป๊ากับม๊าพูดบ่อยๆ เนี่ยพอป๊าม๊าแก่ลงก็รอเรามาเลี้ยงนี่แหละ เลยเป็นที่มาของการเลี้ยงลูกแบบสปอยล์แบบนี้ เพื่อให้ลูกเป็นคนอยู่ติดบ้าน สืบทอดกิจการที่บ้านต่อไปไม่ต้องคิดไรเยอะ ที่บ้านมีให้พร้อมแล้ว ไม่ต้องดิ้นรน เราก็แค่สืบทอดไม่ให้เจ๊งพอ แล้วก็อยู่บ้านเลี้ยงพ่อแม่ ดูคิดมากไปเนอะใครมันจะไปคิดแบบนี้(เข้าขั้นเพ้อเจ้อ) = = เอาจริงๆพอพ่อแม่แก่ใครจะไม่เลี้ยงยังไงก็ต้องเลี้ยงอยู่แล้ว
แต่ช่วงเวลานี้ของชีวิต(ตั้งแต่สมัยมัธยม)น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ควรหาประสบการ์ณต่างๆให้มากๆ เจอผู้คนให้มากๆ ฝึกความเป็นผู้นำ ฝึกความกล้าตัดสินใจ ไม่ใช่มาอยู่ติดบ้านสบายๆแบบนี้ ผมเองก็เริ่มจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะเริ่มหาลู่ทางของตัวเอง ตัดสินใจหลายๆอย่างเอง เพราะบางทีก็เบื่อตัวเองที่อยู่แบบนี้ อยู่สบายบนความลำบากของป๊าม๊า(เอาจริงๆตอนนี้พวกท่านก็สบายแล้วแหละ ไม่มีอะไรต้องเครียด เพราะตอนนี้งานก็ไม่ต้องทำแล้ว อยู่บ้านปลูกต้นไม้ ล้างรถทำงานบ้านได้สบายๆ) เรื่องการสร้างตัวตน บุคลิก แบบนี้มันโทษใครไม่ได้เพราะมันเกิดจากหลายๆอย่างรวมกัน แต่อยากจะบอกว่าการเลี้ยงดูของพ่อแม่มีผลต่อพฤติกรรม และนิสัยของเด็ก
ที่ร่ายมายืดยาวขนาดนี้ไม่ใช่อะไร แค่อยากให้พ่อแม่ที่ผ่านทางเข้ามาแล้วกำลังเลี้ยงลูกแบบนี้ ลองหาคู่มือเลี้ยงลูกตามเน็ตดูน่าจะมีเยอะแยะ ถ้าให้ดีมีตังหน่อยก็หาผู้เชี่ยวชาญปรึกษาเรื่องนี้จริงๆจังๆไปเลย อยากให้ลูกเป็นยังไง อยากให้ลูกโตมาเป็นแบบไหน ก็ค่อยๆปรับกันไป ไม่ใช่สปอยล์อย่างเดียวเด็กมันจะทำอะไรไม่เป็น ของผมสมัยนั้นป๊าม๊าทำงานหนักสร้างครอบครัว แล้วป๊าม๊าก็ถูกปลูกฝังมาแบบคนยุคโบราณ(ทำงานเก็บเงินๆ) ก็ว่าอะไรกันไม่ได้ ครอบครัวเรามาได้ไกลถึงขนาดนี้ป๊าม๊าก็สุดยอดมากแล้ว ขาดแค่วิธีการเลี้ยงดูนิดหน่อยที่เหลือก็เป็น พ่อแม่ในฝันหลายๆคนเลยแหละ ถามว่าเคยคุยเรื่องนี้กันบ้างมั้ย ก็เคยนะแต่ท่านก็จะมีเหตุผลของท่าน แล้วก็มักจะมองเราเป็นเด็กเสมอ ซึ่งคำพูดเราก็ไปไม่ค่อยจะถึงท่านซะเท่าไหร่
มีความเห็นยังไงมาแชร์กันได้ครับ อยากรู้ความเห็นทั้งฝั่งพ่อแม่ และฝั่งเด็กที่ถูกสปอยล์ครับ หรือผู้ผ่านทางมีแนวคิดชี้แนะยังไงเต็มที่ได้เลยครับ
**พวกเด็กที่ถูกสปอยล์รีบๆออกจาก comfort zone ลองเริ่มจากอะไรเล็กๆน้อยๆก็ได้ครับ เสริมความมั่นใจให้ตัวเอง ไม่ต้องฟังที่ผู้ใหญ่เตือนไปซะทุกอย่าง อะไรที่ดีก็ฟัง อะไรที่ไม่ make sense ก็ฟังหูไว้หู พวกท่านก็แค่ห่วงเรามากไป อะไรที่พวกท่านเตือนแล้วเหตุผลฟังไม่ขึ้นก็ลองทำตามที่ตัวเองเห็นสมควรแล้วค่อยมาคุยกับท่านทีหลังดูครับ
ขอบคุณทุกความเห็นของท่านมีประโยชน์กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่กำลังมีปัญหา
แผนการของพ่อแม่
ประเด็นที่อยากพูดถึงก็คือไม่ว่าจะทำอะไรหรือเริ่มทำอะไร อย่างเช่นไปเที่ยวบ้านเพื่อน สมัยมัธยม ออกไปหางานทำนอกบ้าน ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยอย่างเช่นเรื่อง กวาดบ้าน ถูบ้าน ก็โดนบอกให้ไปนั่งเฉยๆ ไม่เป็นไรเด๋วม๊าทำเอง(ไอ้กวาดบ้านถูบ้านนี่สมัยก่อนนะ) และคำตอบอื่นที่มักจะได้ยินบ่อยเช่น ถ้าไปเที่ยวก็จะมีคำพูดนึงลอยมา ไม่ไปไม่ได้หรอ ม๊าเป็นห่วง ป๊าเป็นห่วง(ปัจจุบันก็ยังเป็น) เป็นคำที่ได้ยินบ่อยมาก ครอบครัวผมม๊ามักจะเป็นคนที่จัดการทุกอย่างเองเสมอไม่ว่าจะเรื่องอะไรในบ้านเรียกว่าเป็นสุดยอดคุณแม่ก็ว่าได้ แต่สิ่งที่ติดมากับความสะดวกสบายที่คุณแม่จัดการให้ทุกอย่างนี้ มันมีผลเสียค่อนข้างมากกับอนาคต ผมซึ่งวันๆแทบจะไม่ต้องทำอะไรก็สามารถอยู่ได้แบบชิลๆ สิ่งนึงเลยคือผมมักจะขาดความมั่นใจเวลาอยู่ข้างนอก(ไม่กล้าตัดสินใจ ตัดสินใจช้า) เป็นคนค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยอะไรก็ได้ และไม่ค่อยมีความภูมิใจกับอะไรซักเท่าไหร่ เพราะจะให้ไปภูมิใจกับอะไรหละแทบไม่ต้องทำอะไรเองเลย เอาจริงๆก็เป็นที่ตัวผมด้วยแหละที่ติดขี้เกียจไปหน่อยเป็นเด็กโดนสปอยล์ มีข้ออ้างให้ขี้เกียจ
เอาจริงๆพอมาคิดดูเล่นๆ อาจจะเป็นความคิดที่แย่นะ ถ้าคิดเล่นๆแบบสุดโต่งไปเลย(ด่าได้) ถ้าทั้งหมดที่เล่ามาข้างบนเป็นแผนการของป๊ากับม๊าหละ มีคำนึงสมัยผมเด็กๆที่ผมมักจะได้สมัยยินป๊ากับม๊าพูดบ่อยๆ เนี่ยพอป๊าม๊าแก่ลงก็รอเรามาเลี้ยงนี่แหละ เลยเป็นที่มาของการเลี้ยงลูกแบบสปอยล์แบบนี้ เพื่อให้ลูกเป็นคนอยู่ติดบ้าน สืบทอดกิจการที่บ้านต่อไปไม่ต้องคิดไรเยอะ ที่บ้านมีให้พร้อมแล้ว ไม่ต้องดิ้นรน เราก็แค่สืบทอดไม่ให้เจ๊งพอ แล้วก็อยู่บ้านเลี้ยงพ่อแม่ ดูคิดมากไปเนอะใครมันจะไปคิดแบบนี้(เข้าขั้นเพ้อเจ้อ) = = เอาจริงๆพอพ่อแม่แก่ใครจะไม่เลี้ยงยังไงก็ต้องเลี้ยงอยู่แล้ว
แต่ช่วงเวลานี้ของชีวิต(ตั้งแต่สมัยมัธยม)น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ควรหาประสบการ์ณต่างๆให้มากๆ เจอผู้คนให้มากๆ ฝึกความเป็นผู้นำ ฝึกความกล้าตัดสินใจ ไม่ใช่มาอยู่ติดบ้านสบายๆแบบนี้ ผมเองก็เริ่มจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะเริ่มหาลู่ทางของตัวเอง ตัดสินใจหลายๆอย่างเอง เพราะบางทีก็เบื่อตัวเองที่อยู่แบบนี้ อยู่สบายบนความลำบากของป๊าม๊า(เอาจริงๆตอนนี้พวกท่านก็สบายแล้วแหละ ไม่มีอะไรต้องเครียด เพราะตอนนี้งานก็ไม่ต้องทำแล้ว อยู่บ้านปลูกต้นไม้ ล้างรถทำงานบ้านได้สบายๆ) เรื่องการสร้างตัวตน บุคลิก แบบนี้มันโทษใครไม่ได้เพราะมันเกิดจากหลายๆอย่างรวมกัน แต่อยากจะบอกว่าการเลี้ยงดูของพ่อแม่มีผลต่อพฤติกรรม และนิสัยของเด็ก
ที่ร่ายมายืดยาวขนาดนี้ไม่ใช่อะไร แค่อยากให้พ่อแม่ที่ผ่านทางเข้ามาแล้วกำลังเลี้ยงลูกแบบนี้ ลองหาคู่มือเลี้ยงลูกตามเน็ตดูน่าจะมีเยอะแยะ ถ้าให้ดีมีตังหน่อยก็หาผู้เชี่ยวชาญปรึกษาเรื่องนี้จริงๆจังๆไปเลย อยากให้ลูกเป็นยังไง อยากให้ลูกโตมาเป็นแบบไหน ก็ค่อยๆปรับกันไป ไม่ใช่สปอยล์อย่างเดียวเด็กมันจะทำอะไรไม่เป็น ของผมสมัยนั้นป๊าม๊าทำงานหนักสร้างครอบครัว แล้วป๊าม๊าก็ถูกปลูกฝังมาแบบคนยุคโบราณ(ทำงานเก็บเงินๆ) ก็ว่าอะไรกันไม่ได้ ครอบครัวเรามาได้ไกลถึงขนาดนี้ป๊าม๊าก็สุดยอดมากแล้ว ขาดแค่วิธีการเลี้ยงดูนิดหน่อยที่เหลือก็เป็น พ่อแม่ในฝันหลายๆคนเลยแหละ ถามว่าเคยคุยเรื่องนี้กันบ้างมั้ย ก็เคยนะแต่ท่านก็จะมีเหตุผลของท่าน แล้วก็มักจะมองเราเป็นเด็กเสมอ ซึ่งคำพูดเราก็ไปไม่ค่อยจะถึงท่านซะเท่าไหร่
มีความเห็นยังไงมาแชร์กันได้ครับ อยากรู้ความเห็นทั้งฝั่งพ่อแม่ และฝั่งเด็กที่ถูกสปอยล์ครับ หรือผู้ผ่านทางมีแนวคิดชี้แนะยังไงเต็มที่ได้เลยครับ
**พวกเด็กที่ถูกสปอยล์รีบๆออกจาก comfort zone ลองเริ่มจากอะไรเล็กๆน้อยๆก็ได้ครับ เสริมความมั่นใจให้ตัวเอง ไม่ต้องฟังที่ผู้ใหญ่เตือนไปซะทุกอย่าง อะไรที่ดีก็ฟัง อะไรที่ไม่ make sense ก็ฟังหูไว้หู พวกท่านก็แค่ห่วงเรามากไป อะไรที่พวกท่านเตือนแล้วเหตุผลฟังไม่ขึ้นก็ลองทำตามที่ตัวเองเห็นสมควรแล้วค่อยมาคุยกับท่านทีหลังดูครับ
ขอบคุณทุกความเห็นของท่านมีประโยชน์กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่กำลังมีปัญหา