แบบนี้เรียกว่า อกตัญญูมั้ย

เราคิดนานมาก ไม่รู้จะตั้งกระทู้ดีมั้ย เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดราม่านี้ต้องมีแน่ๆล่ะ อยากระบายด้วยก็เลยตัดสินใจตั้งกระทู้ขึ้นมาคะ

คือเราเกลียดแม่ตัวเองคะ คือแรกๆเลยที่พ่อแม่เราแยกทางกัน เราเลือกที่จะมาอยู่กับแม่เพราะเรากลัวพ่อ พ่อเป็นคนโมโหร้ายคะ ตอนแรกที่มาอยู่ก็ดีคะ เราก็พยายามหางานทำ พร้อมกับเรียน กศน.ให้มันจบไปด้วย ตอนแรกเราไม่รู้ไม่คิดด้วยซ้ำว่าแม่จะกล้าพูดกับคนอื่นแบบนี้ คือวันนั้นมีเพื่อนมาหาแม่ที่บ้านคะ เราอยู่หลังบ้าน กำลังจะเข้ามาในบ้านเราแอบได้ยินแม่บ่นกับเพื่อนว่า เรามาเป็นภาระ ลอยไปลอยมา หางานทำไม่ได้สักที เพราะทำอะไรไม่เป็น เราได้ยินแบบนี้ เราจุกคะ น้ำตทไหลเลย คิดโทษตัวเองว่า นี่เราแย่ขนาดนั้นเลยหรอ เรามาเป็นภาระให้แม่หรอ คิดอยากผูกคอตายด้วยซ้ำคะ คิดว่าถ้าเราไม่อยู่ทั้งคนแม่คงสบาย ไม่ต้องมีภาระ เช้าขึ้นมาเราอาบน้ำแต่งตัวขับรถไปหาสมัครงาน ถามทุกที่ถาททุกร้านเดินถามในตลาดก็ทำ แต่ก็ไม่มีใครรับ เรามาได้งานทำที่ร้านขายหนังสือในอำเภอ เจ้ใจดีมากคะ เช่าห้องให้เราอยู่จะได้ใกล้ที่ทำงาน เราขนของมาอยู่ห้อง ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกแล้วเราแฮปปี้มาก เจ้ก็ใจดีเลี้ยงข้าวเช้า/เย็น เงินเดือน9000บาท ทำได้ประมาณ2เดือนจะเข้าเดือนที่สามแม่มาหาเราที่ร้านขายหนังสือ มาขอเงิน8000บาท เราบอกว่า เจ้ไม่ให้เบิกขนาดนั้นนะแม่ เพราะว่ามันเคยมีแบบเบิกเงินไปเยอะๆแล้วเชิดหนีเลย แกเลยไม่ให้เบิก เราก็ไม่กล้าเบิกด้วยเพราะเกรงใจเจ้คะ แต่แม่บอกว่าแม่จะคุยกับเจ้เอง แม่ก็คุยกับเจ้อยู่หน้าร้านแหละคะ เราเห็นเจ้เอาตังให้แม่ เลิกงานเจ้บอกเราว่า เงินเดือนนี้เราเหลือ1000บาทนะเพราะเมื่อเช้าแม่เรามาขอเบิกกับเจ้ไป8000บาท เราก็ท้อนะ ทำงานหนักๆแต่ไม่เห็นตัง เราก็คิดในใจว่าเดือนนี้จะทำงานใช้หนี้เจ้เสร็จแล้วก็จะไปหางานใหม่ เราได้งานร้านหมูกะทะ ค่าแรงได้เป็นรายวัน วันล่ะ320บาทขึ้นไปวันไหนขายดีเจ้ก็เพิ่มให้ ทำได้อยู่ประมาณ2เดือนแม่ก็มาตามให้เราไปช่วยส่งขนม แม่รับขนมมาขายแล้วให้เราช่วยส่ง เราไม่อยากออกจากงานเลย เราไม่รู้ด้วยว่า ขนมที่แม่เอามาแล้วจะให้เราส่งนี้เป็นแบบไหนยังไง มันเสี่ยงที่จะไปรอดมั้ย สุดท้ายเรายอมออกมาช่วยแม่ พอเราออกมาช่วยแม่คือ แม่ให้เราเอาขนมโดนัทมานั่งขายอยู่ตลาด แล้วแบบว่า ขายไม่ได้เลยไม่คุ้มที่เราออกจากงานมาช่วยเลยคะ ขายได้เท่าใหร่เราไม่เคยเก็บไว้ ให้แม่ทุกบาททุกสตางค์ ทำได้ไม่ถึงเดือนเจ๊งคะ ทุนหายกำไรหด แล้วเราก็ต้องมาหางานทำใหม่ ชวงที่หางานใหม่นี้เราก็เริ่มจริงจังกับเรื่องเรียนมากเพราะจะจบแล้ว ระหว่างนั้นเราก็มีคนมาจีบคะ รู้จักกันทางเฟสบุ๊ค เราคุยกันแบบถูกคอถูกใจกันก็เลยตกลงลองคบกัน เปิดกล้องโทรคุยกันทุกวันประมาณ3เดือนคะ แฟนเราบอกจะมาขอ แม่เรียกสินสอดแพงมั้ย เราคุยเรื่องนี้กับแม่ตอนแรกแม่ก็นึกว่าเราพูดเล่น ทางแฟนเราก็ถามหลายครั้งกะว่าจะมาขอจริงๆ แม่ก็เลยบอกว่าแสนนึง แฟนเราก็บอกว่าขอเวลา1-2ปี แม่เราก็เลยว่างั้นเอา50,000บาท แฟนเราก็บอกว่าขอเวลาถึงสิ้นปี(ตอนนั้นประมาณ3-4เดือนก็จะสิ้นปีแล้ว) แม่เราเลยบอกว่างั้นเอา10,000บาทมาผูกแขนเอาเลยสิ้นเดือนนี้ แฟนเราก็คุยกับทางผู้ใหญ่เค้า เราก็ปล่อยให้ผู้ใหญ่เค้าคุยกัน(ก่อนหน้านี้มีคนมาจีบเราคนนั้นเค้าทำงานโรงงานในอมตะนคร ตอนมาหาเราครั้งแรกใส่ทองในคอ2บาทนิ้วอีก1บาทกับอีกวง2สลึง เาาก็พามาให้แม่รู้จัก มาหาเรา1-2ครั้งแม่เราเรียกค่าสินสอดบอกว่าขอ50,000บาทหมั้นไว้ก่อนพร้อมเมื่อใหร่ค่อยมาแต่งวันแต่งแม่เรียกแสนนึง สุดท้ายเราโดนเค้าเท เค้าคงรับไม่ได้กับนิสัยแม่เราทั้งๆที่คบกับเรา2-3ปี มีอะไรเราบอกเค้าเราเล่าให้เค้าฟังหมด เค้าเลยรู้ว่าคงไม่ไหวเราเลยเลิกกัน)ตัดภาพมาที่แฟนคนปัจจุบันของเรา ทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงค่าสินสอดที่10,000บาท มาขอภายในเดือนหน้า พอถึงวันแต่งแม่เรามาเรียกเพิ่มอีก5,000บาท ทางฝ่ายผู้ชายก็งงว่าไหนตกลงกันแล้วทำไมมาเรียกเพิ่ม แต่ก็ยอมให้เพิ่มคะ5,000บาท ฝ่ายผู้ชายไม่เคยมาบ้านเราเลย พาญาติมาสิบกว่าคน โทรบอกทางกันมา มาถึงบ้านเรา เราได้ยินผู้ใหญ่ทางผู้ชายเค้าคุยกันว่า นึกว่าจะโดนหลอก เพราะสมัยนี้มันไม่มีหลอกสินสอดหมื่นนึง แม่เราว่าให้มาผูกแขนเอา แล้วให้เราสองคนเลี้ยงดูแลกันเอาเอง จบพิธีไป แม่มาขอเงินที่ผู้ใหญ่ผูกแขนให้เราอีก5,000บาท เราก็ให้ เราได้เงินผํกแขนประมาณหมื่นห้าคะ เราก็อยู่ด้วยกันแฟนก็ทำงานไป ภายใน1ปีเค้าออกรถเก๋งป้ายแดงได้แล้วคะ เค้าบอกอยากให้เราสบาย อยู่กันไปมาได้3-4ปี บ้านที่เราเช่าเค้าอยู่ เค้าเรียกคืนเราเลยได้กลับมาอยู่บ้านแม่ แล้วเราก็ท้องด้วยตอนนั้นเลยมาอยู่บ้านแม่เพื่อที่มันจะได้ใกล้โรงบาล อ๋อลืมเล่าคะ
เมื่อก่อนแม่มีมรดกที่ยายให้เป็นบ้านคะ และมีที่ดินที่น้าบอกว่าให้ใช้หนี้ ธกส.ให้จะโอนที่ดินนี้เป็นชื่อแม่ แม่ก็ใช้ให้ที่ดินตรงนี้แม่ก็ทำเป็นโรงงานทำขนมไทยส่งขาย ล่าสุดเจ๊งไปนานแล้ว เจ๊งก่อนที่เราจะมาอยู่กับแม่ แล้วก็มีบ้านยายหลังเล็กเป็นที่ สปก.ยายยกให้แม่ แล้วก่อนหน้าที่มรดกทั้งหมด รวมทั้งที่นาของยาย30ไร่ แม่เอาเช้าธนาคาร จำนองขายฝากกับนายทุนบ้าง นานหลายปีก็ยังไม่ใช้หนี้ไม่จ่ายดอก ไม่มีไม่หนีไม่หายไม่จ่ายจนบ้านหลังใหญ่ที่แม่เอาไปจำนองกับนายทุนโดนยึดคะ แม่ก็ไปหาเช่าบ้านอยู่ ค่าเช่าบ้านหลังแรกแม่โกหกแฟนแม่ว่า เดือนล่ะ800บาท พอขนขอฃขนอะไรมาอยู่ถึงเวลาจ่ายค่าเช่า แม่บอกแฟนแม่ว่าค่าเช่าบ้าน2,800บาทต่อเดือน เงินเดือนแฟนแม่20,000บาทขึ้นไปยังไม่พอใช้เลยคะ เราก็ไม่ได้เป็นภาระให้แม่แล้วนะ อยู่บ้านกับแม่เราช่วยค่าน้ำค่าไฟ บางทีแฟนแม่เอาเงินให้แต่แม่ก็ไม่เอาไปจ่ายค่าเช่าบ้านก็ไม่รู้เอาไปใช้อะไร ก็ค้างค่าเช่าบ้านเค้า2-3เดือนแม่ก็หาบ้านเช่าหลังอื่นอยู่เรากับแฟนเราก็ช่วยกันขนย้ายของช่วยไปต่อน้ำต่อไฟช่วย หลังที่สองนี้ค่าเช่า30,000บาทต่อปี เลดีเหมาขายของ แต่บ้านเน่าในมาก หนูเยอะ เวลาฝนตกนี่รั่วหนักมาก บอกเจ้าของล้านมาซ่อมให้เค้าบอกว่าเราอยู่เราต้องเป็นคนซ่อมคนดูแลเอง อยู่บ้านหลังที่2แรกๆก็ดีเราก็ช่วยค่าน้ำค่าไฟค่ากินค่าอยู่ แม่ก็เริ่มกู้นอกระบบดอกร้อยล่ะ10ต่อเดือน กู้มายอดรวมๆแล้วแสนกว่า ไม่มีปัญญาใช้หนี้ ก็หนีคะหนีเจ้าหนี้ปล่อยเรารับหน้าเจ้าหนี้แทน แต่เจ้านี้คนนี้ใจดีคะ เราเปิดอกคุยกับเค้าบอกเค้าทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหนี้เค้าก็บอกกับเราว่าแม่เราแสบมาก โกหกว่าจะเอามาเป็นทุนเพราะต้องส่งของให้ลูกค้าล็อตใหญ่(ส่งเสื้อผ้ามือสอง)แต่ความจริงคือแม่ไม่ได้เอามาส่งอะไรหรอก แม่เอาเงินมาใช้ แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เอามาใช้จ่ายอะไรบ้าง จะว่าค่าเช่าบ้านก็ไม่ใช่เพราะค่าเช่าบ้านเป็นเงินโบนัทของแฟนแม่เป็นคนเอามาจ่าย ช่วงหลังๆหนักเข้ากู้เจ้านั้นมาปิดเจ้านี้ ดินพอกเป็นหางหมู เล่นแชร์ก็รับแล้วไม่ส่งก็มีเค้าก็ตามด่าตามว่าสาระพัดแฟนแม่ก็ไปหาหยืบยืมมาปิดแชร์ ปิดหมวกกันน็อคให้ แต่ก็ยังมีหนี้จากเจ้าหนี้คนแรกที่ยังไม่ปิดเพราะแกว่าจะไม่ยุ่งกับเงินตัวนี้เพราะแม่เอามาแม่รับผิดชอบเองไม่มีใครรู้เห็นว่าแม่เอาเงินมาทำอะไร แล้วก็มีช่วงที่รองโจ๊คบุกทลายแก๊งนายทุนเงินกู้ได้เค้าให้ไปรับโฉนดที่ดินคืนแม่เป็นหนึ่งในนั้นแต่แม่ยังสู้คดีไม่จบก็ต้องรอไปแต่บ้านก็เข้าอยู่ได้ปกติ เรามาอยู่โรงขนมตั้งแน่ตอนที่แม่เช่าบ้านหลังที่สองแล้ว พอแม่เห็นว่าเรามาอยู่บวกกับจังหวะที่จะได้บ้านหลังใหญ่คืน แม่ก็ขนของจากบ้านเช่ามาอยู่บ้านใหญ่ ยายซึ่งป่วยช่วยเหลือตัวเองได้นิดหน่อยเมื่อก่อนอยู่กับป้า แต่ยังไม่รู้ป้าเอามาให้แม่ดูแลให้ค่าจ้างเดือนล่ะ5,000เพื่อให้แม่ดูแลยาย แต่แม่ก็ไม่อยากดูแลเท่าใหร่ หาเรื่องออกไปข้างนอกตลอด จะออกไปทุกครั้ง ก็จะเรียกเาาให้ไปดูแลยาย เราก็มีลูกน้อยที่ต้องดูแล ไหนจะลูกไหนจะยายอีกยุ่งยากมาก มีวันนึงที่แม่รับงานพาเพื่อนมาจากเชียงใหม่ไปเที่ยวแม่มาปลุกให้เราไปดูแลยายตั้งแต่ตี5แล้ววันนั้นเป็นวันที่หมอนัดไปเอายาที่โรงพยาบาล แล้วเหมือนยายจะรู้ว่าต้องไปหาหมอ แกก็แต่งตัวตั้งท่าจะไปหาหมอเราบอกว่ายายไม่ต้องไปก็ได้ เค้าให้ไปเอายาเฉยๆก็ดื้อรั้นจะไป เดินออกไปเรียกสามล้อให้พาไปโรงพยาบาล แล้วคือลํกเรานอนอยู่เราก็ต้องหอบลูกไปกับยายด้วยคะเพราะแกเป็นอัลไซเมอร์ด้วย นึกภาพเอานะคะ ผู้หญิงคนนึงอุ้มลูกน้อยสะพายกระเป๋าขวดนมเดินพยุงคนแก่และป่วยไม่มีแรงอายุ80กว่ามันเป็นอะไรที่ทุรังทุเรมาก ไหนจะพยุงยายชั่งน้ำหนักแล้วยายเดินเองไม่ไหว ก็ต้องนั่งวีแชร์ เราทั้งอุ้มลูกเข็นวีแชร์พายายไปหาหมอพอถึงหมอยายก็บอกหมอว่าเหนื่อย เจ็บท้อง ขอนอนโรงพยาบาลได้มั้ย ซึ้งหมอตรวจดํทุกอย่างแล้วก็บอกว่า ยายปกติ ที่ยายเหนื่อยเพราะความดันต่ำให้กินน้ำเยอะๆ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าได้เข้าบ้านบ่าย3-4โมงเย็นอ่ะ ขากลับโบกสามล้อกลับ แล้วเมื่อวาน แม่ไม่อยู่ปล่อยยายไว้คนเดียว เราเดินไปบ้านใหญ่ไปดูแลยายทิ้งลูกนอนอยู่โรงขนมคนเดียว เราก็ถามยายกินข้าวกินยารึยัง ยายบอกว่าเรียบร้อยแล้ว เราถามว่าแม่ไปไหน ยายลอกไปขนของ เราก็เลยบ่นกับยายว่า แม่ก็เป็นแบบนี้ล่ะ ใครจะอยู่ด้วยได้ เค้าจ้างมาดูแลยายก็ไม่ดูแต่เอาเงินเค้ามาใช้ฟรีๆ หนูก็ไม่ใช่ว่าไม่ยั่งนะ นี่มาดูยายก็ทิ้งลูกมา เจ้าหนี้ที่แม่หนีเค้ามาก็โทรตามอีก หนูเริ่มเบื่อแล้วนะยาย ถ้าหนูไม่อยู่ ใครจะดูยายล่ะ ยายด่าเราเลยคะ ว่าถ้าเกลียดแม่ก็ไม่ต้องมาใกล้เค้า ไปไหนก็ไป เราก็เลยบอกว่าจะไม่ให้เกลียดได้ไงยาย วันนั้นหนูฝากลูกไว้กับแม่แป๊บนึงไม่ถึงชั่วโมงเลย แม่ตะคอกด่าลูกหนูแล้ว แล้วเด็กแค่7เดือนเค้ารู้เรื่องอะไรด้วยรึป่าวยาย ให้ดูลูกให้น้องสาวก็ดูไม่คุ้ม ลำพังลูกหนํนะเอาไปให้ย่าเค้าเลี้ยงให้ก็ได้ ทางนั้นเค้ายิ่งอยากให้ไปอยู่ด้วย ยายพูดกลับมาว่า เก่งก็ไปสิ รออะไร ไปไหนก็ไปเลย ไปแล้วก็โทรหาแม่กลับมาหาแม่เหมือนเดิม เราเดินปาดน้ำตาออกมาเลยคะ ปล่อยให้ยายอยู่บ้านคนเดียวโทรไปเล่าเรื่องนี้ให้แฟนเราฟัง แฟนเราบอกว่า จะไปเครียงานกับเฒ่าแก่(เตรียมจะลาออก) จะไปคุยกับเฒ่าแก่ว่าหลังปีใหม่จะลาออก แล้วเดี๋ยวพากับไปอยู่บ้าน แม่ย่ารู้ก็ชวนเรากลับไปอยู่ด้วย เราก็ตัดสินใจแล้วเราจะไปหลังปีใหม่เพราะเฒ่าแก่ยังหาคนมาแทนไม่ทันก็ต้องช่วยแกไปก่อน เมื่อเช้าเราเดินไปหาน้องอีกบ้านหลังนึง แฟนแม่นั่งกินข้าวอยู่กับแม่ถามเราว่า เป็นไงบ้างล่ะคุยกับเฒ่าแก่เค้าว่าไง เราเลยตอบไปเสียงดังๆว่าก็จะลาออกหลังปีใหม่ จะไปอยู่ที่อื่น เฒ่าแก่เค้าก็เสียดายอยู่นะที่ขาดคนงานมีฝีมือคนนึงแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพื่อความสบายใจของทุกคน เราตั้งใจว่าเราจะไม่กลับมาที่นี่อีก เปลี่ยนเบอร์เปลี่ยนทุกอย่าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่