ตอนนี้เราอายุ 36 ย่าง 37 แล้วกำลังตั้งท้องที่ 3 อายุครรภ์ประมาณ 7 สัปดาห์ ตอนนี้เรากังวลค่อนข้างมาก จึงขอมาระบายและบอกเล่าประสบการณ์การตั้งท้อง คลอดลูก
เรากับสามีฐานะปานกลาง ตั้งใจว่าจะมีลูก 2 คนน่าจะพอเลี้ยงไหว ก็ได้วางแผนมีลูก
ท้องแรก
หลังปล่อยได้สามเดือนก็ประจำเดือนขาด ได้ตรวจการตั้งครรภ์เองที่บ้านจากชุดตรวจปัสสาวะที่ซื้อจากร้านขายยา หลังจากนั้นก็ไปฝากท้องที่ รพ. ประกันสังคม ตอนฝากท้องก็มั่นใจประจำเดือนครั้งสุดท้ายมาก เดือนตุลาคม ชัวร์สุดๆ ตอนที่ฝากท้องนับดูก็น่าจะ 8 สัปดาห์ หมอจึงนัดอีก 1 เดือนมาอัลตราซาวนด์ก็จะตรงกับ 12 สัปดาห์
วันอัลตราซาวนด์ พอหมอวางเครื่องมือบนหน้าท้องเท่านั้นแหละ โอ้โห ลูกตัวเบ้อเริ่ม หมอบอกว่าไม่ใช่ 12 สัปดาห์แล้ว นี่มันน่าจะ 16 สัปดาห์...
เราย้อนคิดไป เดือนตุลาคมเรามีเลือดประจำเดือนมาจริงๆ วันใกล้เคียงกับประจำเดือนปกติเลย เพราะเราประจำเดือนมาตรงวัน จำนวนวันก็ใกล้เคียง แต่ก็นะ หลักฐานมันเห็นอยู่ วัดตัว วัดขาก็ 16 สัปดาห์
หลังจากนั้นก็ฝากท้องตามปกติ ก็มาถึงตอนคลอด
อายุครรภ์ 35++ สัปดาห์ ตีห้าวันหนึ่ง (ก็วันคลอดน่ะแหละ) เรารู้สึกเหมือนมีน้ำไหลออกมา ไม่แน่ใจว่าเป็นปัสสาวะ หรือน้ำคร่ำ ก็สังเกต ดมดูก็ไม่ใช่ รู้สึกมันไหลเวลาขยับตัว ปริมาณไม่มาก เหมือนเล็ดๆ ออกมา เราเดินเข้าออกห้องน้ำหลายรอบ สงสัยว่านี่ชั้นเป็นเอามาก ฉี่ราดแบบไม่รู้ตัว แล้วก็รู้สึกปวดตึงๆท้อง ก็นอนต่อแต่จับเวลาการปวด ปรากฏว่าปวดสม่ำเสมอทุกๆ 5 นาที ครั้งละ 1 นาที ปวดไม่มากนัก ตอนนี้ตัดสินใจเปิดไฟห้องน้ำดูให้ชัดๆ โอ๊ะ เป็นเมือกใสๆ ผสมเลือด (mucous bloody show) ชักตกใจ นี่มันจะคลอดลูกนี่หว่า เลยลุกไปสระผม (แม่สอนว่า หลังคลอดอย่าสระผม TT) สระเสร็จก็ปลุกสามี บอกว่าเธอๆ ชั้นจะคลอดลูก สามีนอนอยู่ กระโดดลุกตกใจ บอกว่า ฮ้า...แล้วเราก็เอากระเป๋าเตรียมคลอดที่เตรียมไว้ล่วงหน้าตั้งกะ 8 เดือนออกมา แล้วสามีก็พาไป รพ.ที่ฝากท้อง ระหว่างนั้นเราก็ป้อนขนมปังกับยาคูลท์ให้สามี วันนั้นฤดูฝน ฝนตกหนักแต่เช้า สามีขับฝ่าฝนไปด้วยความเครียด เราก็บอกว่าใจเย็นๆ ยังปวดไม่มาก
พอถึง รพ. ก็เข้าห้องรอคลอด หมอมาตรวจตอน 9 โมงเช้า ตรวจภายในแล้วปากมดลูกไม่เปิด อายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนดคลอด หมอจึงฉีดยาเพื่อระงับอาการปวดและชะลอการคลอด (pethidine) ก็นอนต่อ สามีก็ไปจองห้องพักที่ รพ. หลังฉีดยาเราหลับไปประมาณ 2 ชั่วโมง ตื่นมาด้วยความปวดท้องอย่างมาก ปวดจนกัดผ้าบิดไปมา ปวดทุกๆ 5 นาที แล้วก็อยากปัสสาวะ จึงบอกคุณพยาบาลว่าขอกระโถนปัสสาวะ ปัสสาวะเสร็จก็เห็นเลือดเต็มกระโถน คุณพยาบาลเข้ามาเก็บกระโถนก็บอกเราว่า ขอตรวจปากมดลูกอีก เพราะสงสัยจะคลอด คือเราก็ว่าคลอดแน่ๆ คุณพยาบาลตรวจภายในบอกว่าปากมดลูกเปิดหมดแล้ว ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก จะขอเจาะถุงน้ำคร่ำก่อน
หลังจากนั้นก็ย้ายไปห้องคลอดตอนเที่ยง คุณหมอสูติฝึกหัดก็มา ตอนนั้นเริ่มมีลมเบ่งมาแล้ว ก็เบ่งไป พยาบาลก็เชียร์เบ่ง เราก็คิดอะไรไม่ออก มีแต่เบ่งอย่างเดียว พอหัวลูกมาถึงปากช่องคลอดคุณหมอก็ฉีดยาชาและกรีดปากช่องคลอด แล้วคุณพยาบาลก็บอกว่า ลูกมาติดที่ปากช่องคลอดแล้ว ถ้าติดนานจะตายได้ คุณพยาบาลขอกดท้องช่วย และเราก็เบ่งสุดแรงเกิด จนลูกออกมา เงียบฉี่...คุณหมอเด็กมารออยู่แจ้งว่า ลูกเราไม่หายใจ เราก็ตกใจ แล้วคุณหมอก็ช่วยหายใจลูกสัก 2-3 นาที ลูกก็ตื่นมา ร้องไห้เบาๆ สาเหตุที่ลูกเราออกมาเงียบ ก็เพราะเรามาคลอดตอนหลังฉีดยาระงับอาการปวดไป 2 ชั่วโมง เป็นช่วงปริมาณยาสูงสุดในกระแสเลือดแม่และเข้าสู่ลูก ซึ่งยาจะออกฤทธิ์ต่อเด็กทำให้ง่วงมาก หรืออาจหยุดหายใจได้ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี สุดท้ายลูกก็ตื่นและทำหน้าบู้บี้ ประมาณใครปลุกเราฟระ
หลังจากนั้นลูกเราก็ต้องไปอยู่ห้องสังเกตอาการก่อน ส่วนเราก็ได้รับการทำคลอดรก ได้ยากระตุ้นมดลูกบีบตัวและเย็บฝีเย็บ แล้วจึงย้ายขึ้นห้องพัก ระหว่างนั้นก็จะมี hot pack วางบนท้องน้อย ก็กดนวดๆ ไปให้มดลูกมันหดตัว เลือดจะได้หยุด อันที่จริงแผลฝีเย็บก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ มีแปล๊ปๆบ้างเป็นบางที เวลาเข้าห้องน้ำ และนอกจากนี้ผลจากการเบ่งสุดแรงเกิด เส้นเลือดฝอยที่หน้าเราก็แตกเป็นจุดเลือดออกเล็กๆ ดูสยองดี
ส่วนลูกเราก็หลับต่อ ไม่ยอมกินนม เราก็ยังโง่อยู่ ก็ให้มันหลับ ไป 2 วัน...จนตัวเหลือง..ต้องไปส่องไฟ กินนมไม่พอ เราเสียใจมาก เต้านมก็เริ่มคัดในคืนวันที่สอง ลูกก็ไม่ดูด เราปวดตอนกลางคืน คุณพยาบาลก็เลยมาสอนบีบน้ำนมออกด้วยมือเปล่า น้ำนมไม่เยอะ แต่คัดมาก ทีนี้วันทั้งวันก็บีบๆ แล้วเอาไปป้อนลูกด้วยแก้ว ลูกก็หลับๆ กินบ้างไม่กินบ้าง ต่อมาก็ยืมเครื่องปั้มนมของ รพ. มาใช้ ปั้มได้มากขึ้นก็เอาไปป้อนทุกวัน ทุกวันก็เข้าคลินิกนมแม่สอนลูกดูดนม ระหว่างนี้คุณพยาบาลสังเกตว่าลูกเรามีพังผืดใต้ลิ้นนิดหน่อย แลบลิ้นได้ไม่สุด อาจทำให้ดูดนมได้ไม่ดี เลยต้องไปตัดพังผืดออก
ส่องไฟอยู่ 2 รอบ รอบละ 2 วัน ฝึกดูดนม กับตัดพังผืดใต้ลิ้น สิริรวมอยู่ รพ. 1 สัปดาห์ แม่ลูกก็กลับบ้านในที่สุด
ตอนที่ลูกคลอด รพ.ให้แจ้งเกิดเลย สามีเราก็ไปแจ้ง แล้วใช้สิทธิ์ 30 บาทของ รพ.ที่คลอดเลย สรุปลูกเราก็ไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษา
ส่วนเราใช้สิทธิ์ประกันสังคม ก็เสียค่าห้องส่วนต่างไม่กี่พันบาท และได้ไปทำเรื่องขอค่าชดเชยคลอดบุตร รวมได้เงินมาเพิ่มอีกประมาณ 3 หมื่นบาท
ท้องสอง
หลังจากเราเลี้ยงลูกคนแรกมาได้ 3 ขวบ ก็คิดว่าพร้อมจะมีอีกคน ก็ปล่อยต่อ แล้วก็คิดว่าน่าจะติดจึงได้ตรวจการตั้งครรภ์เองที่บ้านจากชุดตรวจปัสสาวะที่ซื้อจากเซเว่นฯ ก็เป็นบวกจางๆ ก็ตรวจซ้ำหลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ก็บวกเข้มขึ้น แต่ว่าอยู่ๆ ก็มีเลือดออกมาหลังจากวันประจำเดือนขาดได้ 4++ สัปดาห์ เลือดออกมาเป็นสีน้ำตาลเข้ม ปริมาณไม่มาก เปื้อนๆ นิดหน่อย ก็คิดว่าเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก เลือดจากรกฝังตัว ท้องแรกยังออกจนนึกว่าเป็นประจำเดือนทีเดียว แต่ว่า
ตอน 6++ สัปดาห์ เลือดออกเยอะขึ้น เราตกใจจึงไปหาหมอสูติที่ รพ.เอกชนใกล้บ้าน หมอให้ตรวจภายในแล้วพบว่ามีติ่งเนื้อที่ปากมดลูกเลยดึงออก และนัดอัลตราซาวนด์หน้าท้องกับหมอรังสี เราก็สงสัยว่าอายุครรภ์เราอ่อนมาก จะไปซาวนด์หน้าท้องไม่น่าจะเห็นอะไรชัด ซ้ำทำไมหมอสูติไม่ตรวจเอง ก็เริ่มไม่สบายใจมากขึ้นอีก หมอรังสีตรวจแล้วบอกว่าไม่เห็นหัวใจเด็ก สุดท้ายหมอสูติบอกว่าเด็กไม่อยู่แล้ว จะต้องขูดมดลูก แต่เรายังสงสัย หมอจึงนัดอีก 1 สัปดาห์มาตรวจอัลตราซาวนด์ซ้ำ แต่วันนัดเราไม่ไป
เราไปตรวจกับหมอสูติอีกท่านที่มีคลินิกหน้าปากซอยบ้านเรา ตอนนั้นตั้งท้องได้ 8 สัปดาห์ พอวางเครื่องมืออัลตราซาวนด์บนหน้าท้องก็เห็นหัวใจเด็กเต้นอยู่ เราก็สบายใจขึ้น แต่หมอบอกว่าหมอสงสัยถุงเด็กอยู่ชิดขอบมดลูกใกล้ทางออกท่อนำไข่ ให้ระวังท้องนอกมดลูก หรือมดลูกแตกได้ถ้าเด็กโตขึ้น ควรตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ที่มีความละเอียดกว่าเครื่องที่หมอใช้เพื่อยืนยันผลอีกที
เราก็กลับไปที่ รพ.ประกันสังคม ที่เดิม และได้อัลตราซาวนด์ที่ 9++ สัปดาห์ หมอบอกว่าเป็นทารกแฝดแท้ แต่...
ทารกตัวหนึ่งบวมน้ำ หัวใจเต้นช้าและเห็นหัวไม่ชัด ตัวนี้น่าจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทารกอีกตัว หัวใจเต้นเร็ว แต่อวัยวะปกติ
หมอนัด อัลตราซาวนด์อีก 2 สัปดาห์ เราก็กังวลใจมาก ไม่อยากเสียลูก แต่ก็กลัวว่าลูกจะพิการ กังวลร้อยแปดประการ
2 สัปดาห์ต่อมา มาอัลตราซาวนด์ซ้ำ
ลูกไม่อยู่ทั้งคู่ หัวใจไม่เต้นแล้ว...หมอบอกว่าต้องเอาออก ถ้าปล่อยก็จะแท้งออกมาเอง แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ ก็จะเป็นอันตรายได้ เรากล้ำกลืนน้ำตาและบอกหมอว่า เอาออกพรุ่งนี้เลย แล้วก็กลับบ้านไปหอบลูก 3 ขวบที่ติดแม่มา รพ.
เช้าวันรุ่งขึ้นก็งดน้ำ งดอาหาร อมยากระตุ้นปากมดลูกไว้ใต้ลิ้น (cytotec) หลังอมยาได้สัก 15 นาที ก็เริ่มปวดมดลูกเหมือนเวลาจะคลอด แต่ปวดไม่รุนแรง และที่สำคัญมีอาการตัวสั่นไม่หยุด เราก็ตกใจ เกิดอะไรขึ้น สั่นจนฟันกระทบกันหงึกๆ พอหมอมาก็ถามว่าปวดท้องหรือยัง ก็บอกไปว่าปวดแล้ว แต่ตัวสั่นมาก หมอก็ยิ้มๆ และบอกว่าเป็นผลของยา หลังจากนั้นก็เข้าห้องผ่าตัด ดมยาสลบแบบใช้หน้ากาก ไม่ต้องสอดท่อช่วยหายใจ และเอาทารกออกด้วยวิธีการใช้เครื่องสูญญากาศดูด คือไม่ได้ใช้เครื่องมือขูดมดลูกเหมือนเมื่อก่อน
พอตื่นมาก็กลับมาที่ห้องพัก เลือดก็ไหลปู๊ดๆ ออกมาเรื่อยๆ แล้วเราก็เวียนหัวมากกกก ลุกก็จะอาเจียน สามีก็มาอยู่เป็นเพื่อน เราก็ร้องไห้อย่างรุนแรง
ผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง อาการเวียนหัวก็ดีขึ้น เป็นผลจากยาสลบ พอยาหมดฤทธิ์ก็เดินได้ แต่เลือดยังออกเยอะอยู่และเราก็ปวดบีบๆท้องน้อย แต่ด้วยความเป็นห่วงลูก เลยว่าจะขอกลับบ้านเลยในวันนั้น (ความจริงควรอยู่สังเกตอาการ 1 คืน) ระหว่างนั้นก็มีก้อนเนื้ออกมาจากมดลูกอีกขนาดประมาณ 4 เซนติเมตร ทีนี้เห็นเป็นสายสะดือจิ๋วๆ สองอันชัดเจน สรุปว่ารกบางส่วนยังออกมาไม่หมด ด้วยความที่มันเป็นเด็กแผด รกเลยใหญ่กว่าปกติ ดูดแล้วหลุดจากผนังมดลูก แต่ยังไม่ออกมาจากโพรงมดลูก คือเราคิดเอาว่าประมาณนี้อะนะ เพราะก้อนมันใหญ่มาก ที่ดูดคงไม่ใหญ่เท่านะ เพราะถ้าที่ดูด 4 เซนติเมตรก็ไม่น่าใส่เข้าไปที่ปากมดลูกได้นะ คิดเองไปเรื่อย แล้วก็บอกหมอไปว่า เนี่ยมันหลุดออกมาอีก หมอก็ตกใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้เลือดเราก็หยุดแล้ว ก็กลับบ้านค่ะ กินธาตุเหล็กบำรุงไป
ส่วนรกที่หลุดออกมาทีหลังก็ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา และเราก็แอบตัดสายสะดือมาประมาณชิ้นละ 1 มิลลิเมตร มาแช่แอลกอฮอล์และตากแห้ง เก็บใส่ผอบเล็กๆ กะว่าเวลาไปทำสังฆทาน ก็จะพกไปด้วย
ปัจจุบัน ท้องที่สาม
หลังจากเสียลูกไปสามเดือน ประจำเดือนมาได้ปกติ คุณหมอเคยบอกไว้ว่า ถ้าประจำเดือนมาปกติ ก็มีอีกได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอ เราก็ปล่อย คราวนี้บำรุงวิตามินโฟเลตเต็มที่ และก็นะ เหมือนเดิม ได้ตรวจการตั้งครรภ์เองที่บ้านจากชุดตรวจปัสสาวะที่ซื้อจากร้านขายยาและเซเว่นฯ (แอบย้ำคิดย้ำทำ) ก็เป็นบวก เราตรวจในวันทีตรงกับวันที่ประจำเดือนรอบถัดไปจะมา ซึ่งก็จะเท่ากับ 14 วันหลังไข่ตก ซึ่งบรรดากล่องใส่ชุดเครื่องมือตรวจการตั้งครรภ์ก็จะบอกไว้ว่าตรวจได้ที่กี่วัน
ตอน 5 สัปดาห์ ก็เหมือนเดิมอีกแล้ว มีเลือดเก่าๆ ออกมาเปื้อนๆ แต่ไม่มีปวดท้องอะไร
ตอน 6++ สัปดาห์ ก็มีวันหนึ่ง เลือดเก่าๆปนกับเมือกๆ ออกมาปริมาณค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ปวดท้อง ไม่มีชิ้นเนื้อออกมา เราก็กังวลมาก แต่เป็นอยู่วันเดียว วันรุ่งขึ้นก็ออกมานิดเดียว เปื้อนๆ เหมือนเดิม
ตอนนี้เกือบ 7 สัปดาห์ เลือดเก่าๆ ออกน้อยๆ เปื้อนๆผิวผ้าอนามัย ไม่ปวดท้อง อาการแพ้ท้องมีปกติ
เราตั้งใจว่า 8 สัปดาห์เมื่อไหร่ ก็จะไปฝากท้องที่ รพ.ประกันสังคม ตามเดิม แต่ตอนนี้เราอายุเกิน 35 ปีแล้ว แถมท้องแรกคลอดก่อนกำหนด ท้องสองก็ไม่รอด ท้องนี้เรากังวลมากว่าจะคลอดก่อนกำหนด หรือไม่รอดอีกหรือไม่ หรือถ้ารอดจะพิการ หรือมีปัญหาอะไรหรือไม่เพราะเราอายุเยอะแล้ว
ตอนนี้ก็ได้แต่กังวลเพราะอายุครรภ์ยังอ่อนเกินกว่าที่จะตรวจอะไรได้ เดี๋ยว 10+ สัปดาห์เราก็จะต้องไปเจาะเลือดตรวจ NIFTY ค่าตรวจก็จะแพง แต่ก็ต้องตรวจ และเราก็กังวลว่าผลจะน่าเชื่อถือหรือเปล่า และท้องที่สองที่มีปัญหาจะส่งผลต่อผลการตรวจครั้งนี้หรือไม่ สุดท้ายก็กังวลว่าจะต้องเจาะน้ำคร่ำหรือเปล่าอีกด้วย เฮ้อ
อีกอย่าง ที่เป็นข้อสังเกตของเราก็คือ
1. ตั้งครรภ์อ่อนๆ เลือดออกได้ ดังนั้นถ้ามีความเสี่ยงจะท้อง ก็ตรวจการตั้งครรภ์ไปเหอะ
2. ก่อนปล่อยท้อง ควรไปตรวจภายในก่อน ท้องสองเรามีติ่งเนื้อทำให้เรากังวลมากอยู่ ถ้าเป็นติ่งเนื้อในโพรงมดลูกก็ทำให้เด็กเสียได้
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
เล่าประสบการณ์ท้องสามครั้ง คลอดลูกเองและลูกเสียในท้อง (ยาวมาก)
เรากับสามีฐานะปานกลาง ตั้งใจว่าจะมีลูก 2 คนน่าจะพอเลี้ยงไหว ก็ได้วางแผนมีลูก
ท้องแรก
หลังปล่อยได้สามเดือนก็ประจำเดือนขาด ได้ตรวจการตั้งครรภ์เองที่บ้านจากชุดตรวจปัสสาวะที่ซื้อจากร้านขายยา หลังจากนั้นก็ไปฝากท้องที่ รพ. ประกันสังคม ตอนฝากท้องก็มั่นใจประจำเดือนครั้งสุดท้ายมาก เดือนตุลาคม ชัวร์สุดๆ ตอนที่ฝากท้องนับดูก็น่าจะ 8 สัปดาห์ หมอจึงนัดอีก 1 เดือนมาอัลตราซาวนด์ก็จะตรงกับ 12 สัปดาห์
วันอัลตราซาวนด์ พอหมอวางเครื่องมือบนหน้าท้องเท่านั้นแหละ โอ้โห ลูกตัวเบ้อเริ่ม หมอบอกว่าไม่ใช่ 12 สัปดาห์แล้ว นี่มันน่าจะ 16 สัปดาห์...
เราย้อนคิดไป เดือนตุลาคมเรามีเลือดประจำเดือนมาจริงๆ วันใกล้เคียงกับประจำเดือนปกติเลย เพราะเราประจำเดือนมาตรงวัน จำนวนวันก็ใกล้เคียง แต่ก็นะ หลักฐานมันเห็นอยู่ วัดตัว วัดขาก็ 16 สัปดาห์
หลังจากนั้นก็ฝากท้องตามปกติ ก็มาถึงตอนคลอด
อายุครรภ์ 35++ สัปดาห์ ตีห้าวันหนึ่ง (ก็วันคลอดน่ะแหละ) เรารู้สึกเหมือนมีน้ำไหลออกมา ไม่แน่ใจว่าเป็นปัสสาวะ หรือน้ำคร่ำ ก็สังเกต ดมดูก็ไม่ใช่ รู้สึกมันไหลเวลาขยับตัว ปริมาณไม่มาก เหมือนเล็ดๆ ออกมา เราเดินเข้าออกห้องน้ำหลายรอบ สงสัยว่านี่ชั้นเป็นเอามาก ฉี่ราดแบบไม่รู้ตัว แล้วก็รู้สึกปวดตึงๆท้อง ก็นอนต่อแต่จับเวลาการปวด ปรากฏว่าปวดสม่ำเสมอทุกๆ 5 นาที ครั้งละ 1 นาที ปวดไม่มากนัก ตอนนี้ตัดสินใจเปิดไฟห้องน้ำดูให้ชัดๆ โอ๊ะ เป็นเมือกใสๆ ผสมเลือด (mucous bloody show) ชักตกใจ นี่มันจะคลอดลูกนี่หว่า เลยลุกไปสระผม (แม่สอนว่า หลังคลอดอย่าสระผม TT) สระเสร็จก็ปลุกสามี บอกว่าเธอๆ ชั้นจะคลอดลูก สามีนอนอยู่ กระโดดลุกตกใจ บอกว่า ฮ้า...แล้วเราก็เอากระเป๋าเตรียมคลอดที่เตรียมไว้ล่วงหน้าตั้งกะ 8 เดือนออกมา แล้วสามีก็พาไป รพ.ที่ฝากท้อง ระหว่างนั้นเราก็ป้อนขนมปังกับยาคูลท์ให้สามี วันนั้นฤดูฝน ฝนตกหนักแต่เช้า สามีขับฝ่าฝนไปด้วยความเครียด เราก็บอกว่าใจเย็นๆ ยังปวดไม่มาก
พอถึง รพ. ก็เข้าห้องรอคลอด หมอมาตรวจตอน 9 โมงเช้า ตรวจภายในแล้วปากมดลูกไม่เปิด อายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนดคลอด หมอจึงฉีดยาเพื่อระงับอาการปวดและชะลอการคลอด (pethidine) ก็นอนต่อ สามีก็ไปจองห้องพักที่ รพ. หลังฉีดยาเราหลับไปประมาณ 2 ชั่วโมง ตื่นมาด้วยความปวดท้องอย่างมาก ปวดจนกัดผ้าบิดไปมา ปวดทุกๆ 5 นาที แล้วก็อยากปัสสาวะ จึงบอกคุณพยาบาลว่าขอกระโถนปัสสาวะ ปัสสาวะเสร็จก็เห็นเลือดเต็มกระโถน คุณพยาบาลเข้ามาเก็บกระโถนก็บอกเราว่า ขอตรวจปากมดลูกอีก เพราะสงสัยจะคลอด คือเราก็ว่าคลอดแน่ๆ คุณพยาบาลตรวจภายในบอกว่าปากมดลูกเปิดหมดแล้ว ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก จะขอเจาะถุงน้ำคร่ำก่อน
หลังจากนั้นก็ย้ายไปห้องคลอดตอนเที่ยง คุณหมอสูติฝึกหัดก็มา ตอนนั้นเริ่มมีลมเบ่งมาแล้ว ก็เบ่งไป พยาบาลก็เชียร์เบ่ง เราก็คิดอะไรไม่ออก มีแต่เบ่งอย่างเดียว พอหัวลูกมาถึงปากช่องคลอดคุณหมอก็ฉีดยาชาและกรีดปากช่องคลอด แล้วคุณพยาบาลก็บอกว่า ลูกมาติดที่ปากช่องคลอดแล้ว ถ้าติดนานจะตายได้ คุณพยาบาลขอกดท้องช่วย และเราก็เบ่งสุดแรงเกิด จนลูกออกมา เงียบฉี่...คุณหมอเด็กมารออยู่แจ้งว่า ลูกเราไม่หายใจ เราก็ตกใจ แล้วคุณหมอก็ช่วยหายใจลูกสัก 2-3 นาที ลูกก็ตื่นมา ร้องไห้เบาๆ สาเหตุที่ลูกเราออกมาเงียบ ก็เพราะเรามาคลอดตอนหลังฉีดยาระงับอาการปวดไป 2 ชั่วโมง เป็นช่วงปริมาณยาสูงสุดในกระแสเลือดแม่และเข้าสู่ลูก ซึ่งยาจะออกฤทธิ์ต่อเด็กทำให้ง่วงมาก หรืออาจหยุดหายใจได้ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี สุดท้ายลูกก็ตื่นและทำหน้าบู้บี้ ประมาณใครปลุกเราฟระ
หลังจากนั้นลูกเราก็ต้องไปอยู่ห้องสังเกตอาการก่อน ส่วนเราก็ได้รับการทำคลอดรก ได้ยากระตุ้นมดลูกบีบตัวและเย็บฝีเย็บ แล้วจึงย้ายขึ้นห้องพัก ระหว่างนั้นก็จะมี hot pack วางบนท้องน้อย ก็กดนวดๆ ไปให้มดลูกมันหดตัว เลือดจะได้หยุด อันที่จริงแผลฝีเย็บก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ มีแปล๊ปๆบ้างเป็นบางที เวลาเข้าห้องน้ำ และนอกจากนี้ผลจากการเบ่งสุดแรงเกิด เส้นเลือดฝอยที่หน้าเราก็แตกเป็นจุดเลือดออกเล็กๆ ดูสยองดี
ส่วนลูกเราก็หลับต่อ ไม่ยอมกินนม เราก็ยังโง่อยู่ ก็ให้มันหลับ ไป 2 วัน...จนตัวเหลือง..ต้องไปส่องไฟ กินนมไม่พอ เราเสียใจมาก เต้านมก็เริ่มคัดในคืนวันที่สอง ลูกก็ไม่ดูด เราปวดตอนกลางคืน คุณพยาบาลก็เลยมาสอนบีบน้ำนมออกด้วยมือเปล่า น้ำนมไม่เยอะ แต่คัดมาก ทีนี้วันทั้งวันก็บีบๆ แล้วเอาไปป้อนลูกด้วยแก้ว ลูกก็หลับๆ กินบ้างไม่กินบ้าง ต่อมาก็ยืมเครื่องปั้มนมของ รพ. มาใช้ ปั้มได้มากขึ้นก็เอาไปป้อนทุกวัน ทุกวันก็เข้าคลินิกนมแม่สอนลูกดูดนม ระหว่างนี้คุณพยาบาลสังเกตว่าลูกเรามีพังผืดใต้ลิ้นนิดหน่อย แลบลิ้นได้ไม่สุด อาจทำให้ดูดนมได้ไม่ดี เลยต้องไปตัดพังผืดออก
ส่องไฟอยู่ 2 รอบ รอบละ 2 วัน ฝึกดูดนม กับตัดพังผืดใต้ลิ้น สิริรวมอยู่ รพ. 1 สัปดาห์ แม่ลูกก็กลับบ้านในที่สุด
ตอนที่ลูกคลอด รพ.ให้แจ้งเกิดเลย สามีเราก็ไปแจ้ง แล้วใช้สิทธิ์ 30 บาทของ รพ.ที่คลอดเลย สรุปลูกเราก็ไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษา
ส่วนเราใช้สิทธิ์ประกันสังคม ก็เสียค่าห้องส่วนต่างไม่กี่พันบาท และได้ไปทำเรื่องขอค่าชดเชยคลอดบุตร รวมได้เงินมาเพิ่มอีกประมาณ 3 หมื่นบาท
ท้องสอง
หลังจากเราเลี้ยงลูกคนแรกมาได้ 3 ขวบ ก็คิดว่าพร้อมจะมีอีกคน ก็ปล่อยต่อ แล้วก็คิดว่าน่าจะติดจึงได้ตรวจการตั้งครรภ์เองที่บ้านจากชุดตรวจปัสสาวะที่ซื้อจากเซเว่นฯ ก็เป็นบวกจางๆ ก็ตรวจซ้ำหลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ก็บวกเข้มขึ้น แต่ว่าอยู่ๆ ก็มีเลือดออกมาหลังจากวันประจำเดือนขาดได้ 4++ สัปดาห์ เลือดออกมาเป็นสีน้ำตาลเข้ม ปริมาณไม่มาก เปื้อนๆ นิดหน่อย ก็คิดว่าเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก เลือดจากรกฝังตัว ท้องแรกยังออกจนนึกว่าเป็นประจำเดือนทีเดียว แต่ว่า
ตอน 6++ สัปดาห์ เลือดออกเยอะขึ้น เราตกใจจึงไปหาหมอสูติที่ รพ.เอกชนใกล้บ้าน หมอให้ตรวจภายในแล้วพบว่ามีติ่งเนื้อที่ปากมดลูกเลยดึงออก และนัดอัลตราซาวนด์หน้าท้องกับหมอรังสี เราก็สงสัยว่าอายุครรภ์เราอ่อนมาก จะไปซาวนด์หน้าท้องไม่น่าจะเห็นอะไรชัด ซ้ำทำไมหมอสูติไม่ตรวจเอง ก็เริ่มไม่สบายใจมากขึ้นอีก หมอรังสีตรวจแล้วบอกว่าไม่เห็นหัวใจเด็ก สุดท้ายหมอสูติบอกว่าเด็กไม่อยู่แล้ว จะต้องขูดมดลูก แต่เรายังสงสัย หมอจึงนัดอีก 1 สัปดาห์มาตรวจอัลตราซาวนด์ซ้ำ แต่วันนัดเราไม่ไป
เราไปตรวจกับหมอสูติอีกท่านที่มีคลินิกหน้าปากซอยบ้านเรา ตอนนั้นตั้งท้องได้ 8 สัปดาห์ พอวางเครื่องมืออัลตราซาวนด์บนหน้าท้องก็เห็นหัวใจเด็กเต้นอยู่ เราก็สบายใจขึ้น แต่หมอบอกว่าหมอสงสัยถุงเด็กอยู่ชิดขอบมดลูกใกล้ทางออกท่อนำไข่ ให้ระวังท้องนอกมดลูก หรือมดลูกแตกได้ถ้าเด็กโตขึ้น ควรตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ที่มีความละเอียดกว่าเครื่องที่หมอใช้เพื่อยืนยันผลอีกที
เราก็กลับไปที่ รพ.ประกันสังคม ที่เดิม และได้อัลตราซาวนด์ที่ 9++ สัปดาห์ หมอบอกว่าเป็นทารกแฝดแท้ แต่...
ทารกตัวหนึ่งบวมน้ำ หัวใจเต้นช้าและเห็นหัวไม่ชัด ตัวนี้น่าจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทารกอีกตัว หัวใจเต้นเร็ว แต่อวัยวะปกติ
หมอนัด อัลตราซาวนด์อีก 2 สัปดาห์ เราก็กังวลใจมาก ไม่อยากเสียลูก แต่ก็กลัวว่าลูกจะพิการ กังวลร้อยแปดประการ
2 สัปดาห์ต่อมา มาอัลตราซาวนด์ซ้ำ
ลูกไม่อยู่ทั้งคู่ หัวใจไม่เต้นแล้ว...หมอบอกว่าต้องเอาออก ถ้าปล่อยก็จะแท้งออกมาเอง แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ ก็จะเป็นอันตรายได้ เรากล้ำกลืนน้ำตาและบอกหมอว่า เอาออกพรุ่งนี้เลย แล้วก็กลับบ้านไปหอบลูก 3 ขวบที่ติดแม่มา รพ.
เช้าวันรุ่งขึ้นก็งดน้ำ งดอาหาร อมยากระตุ้นปากมดลูกไว้ใต้ลิ้น (cytotec) หลังอมยาได้สัก 15 นาที ก็เริ่มปวดมดลูกเหมือนเวลาจะคลอด แต่ปวดไม่รุนแรง และที่สำคัญมีอาการตัวสั่นไม่หยุด เราก็ตกใจ เกิดอะไรขึ้น สั่นจนฟันกระทบกันหงึกๆ พอหมอมาก็ถามว่าปวดท้องหรือยัง ก็บอกไปว่าปวดแล้ว แต่ตัวสั่นมาก หมอก็ยิ้มๆ และบอกว่าเป็นผลของยา หลังจากนั้นก็เข้าห้องผ่าตัด ดมยาสลบแบบใช้หน้ากาก ไม่ต้องสอดท่อช่วยหายใจ และเอาทารกออกด้วยวิธีการใช้เครื่องสูญญากาศดูด คือไม่ได้ใช้เครื่องมือขูดมดลูกเหมือนเมื่อก่อน
พอตื่นมาก็กลับมาที่ห้องพัก เลือดก็ไหลปู๊ดๆ ออกมาเรื่อยๆ แล้วเราก็เวียนหัวมากกกก ลุกก็จะอาเจียน สามีก็มาอยู่เป็นเพื่อน เราก็ร้องไห้อย่างรุนแรง
ผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง อาการเวียนหัวก็ดีขึ้น เป็นผลจากยาสลบ พอยาหมดฤทธิ์ก็เดินได้ แต่เลือดยังออกเยอะอยู่และเราก็ปวดบีบๆท้องน้อย แต่ด้วยความเป็นห่วงลูก เลยว่าจะขอกลับบ้านเลยในวันนั้น (ความจริงควรอยู่สังเกตอาการ 1 คืน) ระหว่างนั้นก็มีก้อนเนื้ออกมาจากมดลูกอีกขนาดประมาณ 4 เซนติเมตร ทีนี้เห็นเป็นสายสะดือจิ๋วๆ สองอันชัดเจน สรุปว่ารกบางส่วนยังออกมาไม่หมด ด้วยความที่มันเป็นเด็กแผด รกเลยใหญ่กว่าปกติ ดูดแล้วหลุดจากผนังมดลูก แต่ยังไม่ออกมาจากโพรงมดลูก คือเราคิดเอาว่าประมาณนี้อะนะ เพราะก้อนมันใหญ่มาก ที่ดูดคงไม่ใหญ่เท่านะ เพราะถ้าที่ดูด 4 เซนติเมตรก็ไม่น่าใส่เข้าไปที่ปากมดลูกได้นะ คิดเองไปเรื่อย แล้วก็บอกหมอไปว่า เนี่ยมันหลุดออกมาอีก หมอก็ตกใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้เลือดเราก็หยุดแล้ว ก็กลับบ้านค่ะ กินธาตุเหล็กบำรุงไป
ส่วนรกที่หลุดออกมาทีหลังก็ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา และเราก็แอบตัดสายสะดือมาประมาณชิ้นละ 1 มิลลิเมตร มาแช่แอลกอฮอล์และตากแห้ง เก็บใส่ผอบเล็กๆ กะว่าเวลาไปทำสังฆทาน ก็จะพกไปด้วย
ปัจจุบัน ท้องที่สาม
หลังจากเสียลูกไปสามเดือน ประจำเดือนมาได้ปกติ คุณหมอเคยบอกไว้ว่า ถ้าประจำเดือนมาปกติ ก็มีอีกได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอ เราก็ปล่อย คราวนี้บำรุงวิตามินโฟเลตเต็มที่ และก็นะ เหมือนเดิม ได้ตรวจการตั้งครรภ์เองที่บ้านจากชุดตรวจปัสสาวะที่ซื้อจากร้านขายยาและเซเว่นฯ (แอบย้ำคิดย้ำทำ) ก็เป็นบวก เราตรวจในวันทีตรงกับวันที่ประจำเดือนรอบถัดไปจะมา ซึ่งก็จะเท่ากับ 14 วันหลังไข่ตก ซึ่งบรรดากล่องใส่ชุดเครื่องมือตรวจการตั้งครรภ์ก็จะบอกไว้ว่าตรวจได้ที่กี่วัน
ตอน 5 สัปดาห์ ก็เหมือนเดิมอีกแล้ว มีเลือดเก่าๆ ออกมาเปื้อนๆ แต่ไม่มีปวดท้องอะไร
ตอน 6++ สัปดาห์ ก็มีวันหนึ่ง เลือดเก่าๆปนกับเมือกๆ ออกมาปริมาณค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ปวดท้อง ไม่มีชิ้นเนื้อออกมา เราก็กังวลมาก แต่เป็นอยู่วันเดียว วันรุ่งขึ้นก็ออกมานิดเดียว เปื้อนๆ เหมือนเดิม
ตอนนี้เกือบ 7 สัปดาห์ เลือดเก่าๆ ออกน้อยๆ เปื้อนๆผิวผ้าอนามัย ไม่ปวดท้อง อาการแพ้ท้องมีปกติ
เราตั้งใจว่า 8 สัปดาห์เมื่อไหร่ ก็จะไปฝากท้องที่ รพ.ประกันสังคม ตามเดิม แต่ตอนนี้เราอายุเกิน 35 ปีแล้ว แถมท้องแรกคลอดก่อนกำหนด ท้องสองก็ไม่รอด ท้องนี้เรากังวลมากว่าจะคลอดก่อนกำหนด หรือไม่รอดอีกหรือไม่ หรือถ้ารอดจะพิการ หรือมีปัญหาอะไรหรือไม่เพราะเราอายุเยอะแล้ว
ตอนนี้ก็ได้แต่กังวลเพราะอายุครรภ์ยังอ่อนเกินกว่าที่จะตรวจอะไรได้ เดี๋ยว 10+ สัปดาห์เราก็จะต้องไปเจาะเลือดตรวจ NIFTY ค่าตรวจก็จะแพง แต่ก็ต้องตรวจ และเราก็กังวลว่าผลจะน่าเชื่อถือหรือเปล่า และท้องที่สองที่มีปัญหาจะส่งผลต่อผลการตรวจครั้งนี้หรือไม่ สุดท้ายก็กังวลว่าจะต้องเจาะน้ำคร่ำหรือเปล่าอีกด้วย เฮ้อ
อีกอย่าง ที่เป็นข้อสังเกตของเราก็คือ
1. ตั้งครรภ์อ่อนๆ เลือดออกได้ ดังนั้นถ้ามีความเสี่ยงจะท้อง ก็ตรวจการตั้งครรภ์ไปเหอะ
2. ก่อนปล่อยท้อง ควรไปตรวจภายในก่อน ท้องสองเรามีติ่งเนื้อทำให้เรากังวลมากอยู่ ถ้าเป็นติ่งเนื้อในโพรงมดลูกก็ทำให้เด็กเสียได้
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ