ผมคนหนึ่งที่ประสบปัญหาชีวิตหลัง กู้ กยศ แบบจบไม่สวย ก่อนอื่นต้องเล่าชีวิตก่อนว่า ผมเกิดมายังทันชีวิตไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้า ถนนยังดินแดง ไม่มีทีวี ตักน้ำจากแม่น้ำมาใช้ บ้านก็ไม่ต่างจากห้างนา ฐานะยากจน พ่อแม่ก็เลิกลากันไป ตอนผมอายุ7-8ขวบ ต้องอาศัยอยู่กับตายาย ผมเป็นคนตาดีข้างเดียวหรือตาบอด1ข้าง ตาที่ดีก็สายตาสั้น200กว่า แต่ไม่ใช่คนพิการ จากนั้นก็เรียนจบป.6ก็คิดว่าไม่เรียนต่อแน่นอน เพราะความยากจน แต่ยังมีความโชคดีที่มีคนมาติดต่อไปบวชเรียนฟรี เรียนทางธรรมและทางโลก นี่คือโอกาสเดียวที่ผมจะได้เรียนต่อ ผมก็ไปเรียนต่อ จนจบม.3 ต่อมาก็ลาสิกขาเพื่อกลับบ้าน แต่หาที่เรียน ม.4ต่อ จนลองไปสอบเข้าโรงเรียนรัฐแห่งหนึ่งแต่สอบไม่ผ่าน ยอมรับว่าวิชาทางรู้ไม่ค่อยทำได้เลย อาจจะเพราะเรียนทางธรรมมากกว่าทางโลก ผมคิดว่าไม่เรียนแล้ว พร้อมกลับบ้านช่วยตายายทำนาที่บ้านดีกว่า ต่อมามีเพื่อนบอกว่า ไปเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ค่าเทอม2000กว่าบาท ซึ่งสมัยนั้นค่าเทอมเท่านี้ถือแพงพอสมควร แต่ทางโรงเรียนสามารถกู้ กยศ ได้ ไม่เสียค่าเทอมและมีค่ารายเดือนให้เราใช้จ่ายด้วย ผมเลยตัดสินใจสมัครเรียนจนเรียนจบม.6 หลังจบคิดว่าพอแค่นี้กับการเรียน สมัยนั้นจบม.6ถือว่าหรูมากในหมู่บ้านผม จนผมกลับมาบ้าน หางานทำ จนได้งานจัดเลี้ยงโรงแรมแห่งหนึ่งวันละ100บาท ต่อมาเพื่อนชวนสอบเข้ามหาลัยรัฐแห่งหนึ่ง แต่สอบไม่ติด จนวันหนึ่งเพื่อนคนหนึ่งชวนไปเรียนโรงเรียนช่างเอกชนแห่งหนึ่ง ค่าเทอมหลักหมื่น สมัยนั้นเยอะมาก เลยปฏิเสธเพื่อนไป แต่เพื่อนก็แนะนำว่า เรียนต่อไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมก็กู้ กยศ ต่อเนื่องได้ ผมกลับมาคิดก็อยากเรียนต่ออยู่แล้ว สุดท้ายก็ตัดสินใจไปสมัครเรียนโรงเรียนช่างเอกชนนี้ ผมเลือกช่างอเล็กทรอนิค ซึ่งผมมีใจชอบอยู่แล้ว ผมดีใจมากที่ได้เรียนที่ตนเองชอบ เกรดเฉลี่ยเทอมแรก3กว่าๆ น่าจะ3.44ได้ มากที่สุดที่เคยเรียนมา จนช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม ผมก็ไม่ได้ปิดเทอมเหมือนสาขาอื่น ต้องเรียนซัมเมอร์ เพราะผมเรียนช่างอิเล็กทรอนิค พิเศษ ที่ไม่ได้จบ ปวช มา ผมก็เข้าใจไม่เป็นไร ก็เรียนไปตามปกติ เรียนจนถึงวันสอบเก็บคะแนน ก่อนสอบมีเจ้าหน้าที่มาบอกว่า ต้องไปจ่ายค่าซัมเมอร์ก่อน ใครไม่จ่ายก็ไม่ให้สอบ ผมก็เข้าใจว่า ที่ผม กู้ กยศ ไว้ มันไม่ได้จ่ายค่าซัมเมอร์ด้วยหรือ? แต่ผมก็รับรู้เข้าใจก็หาวิธีหาเงิน จนผมรู้จักเพื่อนกลุ่มหนึ่งเขาทำงานในผับแห่งหนึ่ง เพื่อนเป็นนักร้องในผับก็ชวนผมไปทำงานกลางคืน ผมสมัครเป็นเด็กเสริฟ คืนละ80บาท สุดท้ายก็ไม่พอจ่ายค่าซัมเมอร์12000บาทต่อซัมเมอร์ ผมท้อมาก ใจหนึ่งก็อยากเรียนต่อ แต่ไปติดต่อโรงเรียนว่า ขอเรียนต่อไปจนจบได้ไหม แล้วจะผ่อนค่าเล่าเรียนจนหมดแล้วจะมาขอวุฒิ ปวส. แต่เจ้าหน้าที่ก็ยอมให้โอกาส1ปี รวมค่าซัมเมอร์4ภาคเรียนประมาณ48000บาท จากนั้นผมก็หางานทำ ได้งานเซรามิค วันละ80บาท เงินไม่พอแน่นอน จึงลาออก หางานใหม่ ได้ห้างแห่งหนึ่งในจังหวัด วันละ140บาท ทำงานจบครบปี เงินยังไม่ได้เก็บ ค่าใช้จ่ายต่อวันละ100บาทอยู่แล้ว ไหนค่าเช่าห้องอีก สุดท้ายผมเรียนไม่จบ ปวส.และพร้อมเงินกู้ กยศ เปล่าประโยชน์ จากนั้นได้ครบเวลาเรียนจบ2ปี ต้องจ่ายงวดแรก ถ้าจำไม่ผิด ยอดเงินกู้ กยศ 11x,xxxบาท ไม่รวมดอกเบี้ย งวดแรก1,xxxบาท สมัยนั้นเงินเดือน4,xxxกว่าบาท มันไม่พอแน่นอน จนผมดิ้นรน ขอย้าย ไปทำงานกรุงเทพฯหวังได้เงินเดือนเยอะขึ้น เผื่อเหลือจ่าย กยศ บ้าง แต่ไม่อย่างที่คิด จากเดิมเงินเดือน4xxxบาท มาอยู่ กทม เงินเดือน6xxxบาท จ่ายค่าต่างๆก็ไม่ต่างจากอยู่ต่างจังหวัด จนผมต้องหารายได้เสริมด้วยการขายของตามถนนทางเดินคนในกทม เช่น อนุสาวรีย์ชัยฯ จตุจักร คลองถมบ้าง แต่ก็ดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็รวมเงินเดือนก็ไม่พอเก็บ เลยตัดสินใจเปลี่ยนงาน ได้งานออฟฟิตแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือน9xxxบาท มันก็แทบไม่เหลือเลย ก็สมัครงานไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้งานใหม่สักที ผมตัดสินใจปล่อยทิ้งเลย ไม่สนใจ เพราะท้อมาก น้อยใจโชคชะตาสมัครงานไหนเขาก็ไม่รับ น้อยใจชีวิตตอนนั้นมาก เครียดมาก เลยหนีปัญหาไปบวชพระ ก่อนบวชก็เจอปัญหา ตาข้างเดียวบวชไม่ได้อีก แต่ผมต้องไปบวชพระภาคฤดูร้อนที่เขาอนุโลม จากนั้นครบกำหนดโครงการบวชฤดูร้อนต้องลาสิกขา แต่ผมต้องมาขอร้องพระพี่เลี้ยงให้ผมบวชต่อ จนพระพี่เลี้ยงยอมให้บวชต่อ อยู่หลายพรรษา จนเวลาผ่านไป จนถึงมีหมายศาล คดีความขั้นยึดทรัพย์ผู้ค้ำคือแม่ผมเอง บ้านต่างจังหวัด ผมต้องลาสิกขา ออกมาหางานทำอีกครั้ง กับ อายุ39 วุฒิ ม.6 ตาข้างเดียว สมัครงานหมดเอกสารทั้งหมด8ชุด 8สถานที่สมัคร ได้สัมภาษณ์งาน1แห่ง แต่ก็เงียบหายไป ผมต้องเจอปัญหาเดิมๆที่ไม่มีงานไหนรับผม ขนาด รปภ.ยังไม่รับผมเลย เขาบอกตาไม่ดี ผมเข้าใจ คนอย่างผมอายุเยอะ วุฒิการศึกษาน้อย ตาดีข้างเดียว นี่คือทำให้ได้งานยากของผม
จนผมต้องช่วยแม่ทำนาขายข้าวที่บ้าน จนวันหนึ่งมีคนส่งเอกสารจากกรมบังคับคดีว่า บ้านผมโดนยึดแล้ว ให้ไปไกล่เกลี่ย ที่กรมบังคับคดีอีก15วัน ผมก็ไปตามหมายนัด ต่อมาเจ้าหน้าที่ให้ปิดยอด2xx,xxxกว่าบาท ใน15วัน ผมไม่มีให้แน่นอน ผมก็ไปขอไกล่เกลี่ยผ่อนรายเดือนนานที่สุด แต่เจ้าหน้าที่ให้แค่2ปี ผมคิดว่าไม่ไหวแน่ เลยต้องเข้า กทม เพื่อติดต่อ กยศ สำนักงานใหญ่ ขอไกล่เกลี่ยขอผ่อนนานกว่านี้ สรุปคือให้แค่3ปี เดือนละ6,xxxกว่าบาท
กับยอด2xx,xxxกว่าบาท ผมไม่ไหวหรอก มันไม่ทางเลือกแล้ว ต้องยอมจ่าย แต่ก็พอจะหายใจได้บ้างสัก2-3เดือน มีอะไรก็ขายไปก่อนเพื่อมาจ่าย และรีบหางานทำ ภาวนามีงานรับผมทำสักที ผ่านไป2เดือนก็ไม่มีงานไหนรับ และตอนนี้แม่ผมไม่ต้องการให้ผมไปทำงานไกลบ้านแล้ว เพราะผมตาไม่ดีและลูกคนเดียว แม่ผมก็ชราแล้ว แม่จึงประกาศขายที่ดิน3ไร่ แค่จ่ายหนี้ครบก็พอ ผ่านไปจะ3เดือนแล้วก็ยังไม่มีใครซื้อ แม่ก็ไม่อยากเสียบ้านหลังที่อยู่ไป จากนี้ไปชีวิตผมจะเป็นอย่างไรนั้น คงหาเงินใช้หนี้คืนเขาจนครบ.
-กระทู้นี้อยากเป็นกระทู้ตัวอย่างแก่น้องๆ
-แชร์ประสบการณ์ชีวิตอีกมุมผู้กู้กยศ
-ขอระบายเรื่องในใจที่เครียดมาก
-ภาษาผิด เรียบเรียงเรื่องราวไม่ประติดประต่อก็ขออภัยนะครับ
-ใครสนใจซื้อที่ดินติดต่อผมได้ครับ
-ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
ชีวิตหลังกู้ กยศ ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด กับชีวิตจบไม่สวย
จนผมต้องช่วยแม่ทำนาขายข้าวที่บ้าน จนวันหนึ่งมีคนส่งเอกสารจากกรมบังคับคดีว่า บ้านผมโดนยึดแล้ว ให้ไปไกล่เกลี่ย ที่กรมบังคับคดีอีก15วัน ผมก็ไปตามหมายนัด ต่อมาเจ้าหน้าที่ให้ปิดยอด2xx,xxxกว่าบาท ใน15วัน ผมไม่มีให้แน่นอน ผมก็ไปขอไกล่เกลี่ยผ่อนรายเดือนนานที่สุด แต่เจ้าหน้าที่ให้แค่2ปี ผมคิดว่าไม่ไหวแน่ เลยต้องเข้า กทม เพื่อติดต่อ กยศ สำนักงานใหญ่ ขอไกล่เกลี่ยขอผ่อนนานกว่านี้ สรุปคือให้แค่3ปี เดือนละ6,xxxกว่าบาท
กับยอด2xx,xxxกว่าบาท ผมไม่ไหวหรอก มันไม่ทางเลือกแล้ว ต้องยอมจ่าย แต่ก็พอจะหายใจได้บ้างสัก2-3เดือน มีอะไรก็ขายไปก่อนเพื่อมาจ่าย และรีบหางานทำ ภาวนามีงานรับผมทำสักที ผ่านไป2เดือนก็ไม่มีงานไหนรับ และตอนนี้แม่ผมไม่ต้องการให้ผมไปทำงานไกลบ้านแล้ว เพราะผมตาไม่ดีและลูกคนเดียว แม่ผมก็ชราแล้ว แม่จึงประกาศขายที่ดิน3ไร่ แค่จ่ายหนี้ครบก็พอ ผ่านไปจะ3เดือนแล้วก็ยังไม่มีใครซื้อ แม่ก็ไม่อยากเสียบ้านหลังที่อยู่ไป จากนี้ไปชีวิตผมจะเป็นอย่างไรนั้น คงหาเงินใช้หนี้คืนเขาจนครบ.
-กระทู้นี้อยากเป็นกระทู้ตัวอย่างแก่น้องๆ
-แชร์ประสบการณ์ชีวิตอีกมุมผู้กู้กยศ
-ขอระบายเรื่องในใจที่เครียดมาก
-ภาษาผิด เรียบเรียงเรื่องราวไม่ประติดประต่อก็ขออภัยนะครับ
-ใครสนใจซื้อที่ดินติดต่อผมได้ครับ
-ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ