INDIA กี่ครั้งก็ไม่พอ ตอน ตะลุยเมือง จัยปูร์ / จอร์ดปูร์ / ชิมลา #1

NAMASTE INDIA

อีกครั้งแล้วกับการไปอินเดีย ไปมันติดๆกันแล้ว  ไม่มีเบื่อ passion ไม่มีหมดเลยจ้า

ก็อย่างที่เขาว่ากันนะแหระ ว่า ถ้าไปแล้วรักก็รักเลย นี้ก็โงหัวแทบจะไม่ขึ้นแล้วจ้า


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ





สำหรับทริป นี้คือ เราไป 3 เมืองก็คือ จัยปูร์ หรือที่คนไทยเรียกว่า จัยเปอร์ หรือ ชัยปุระ หรือเมืองสีชมพูนั้นแหระ
จะใดใด ก็ตาม ถ้าออกเสียงจัยเปอร์ คนอินเดียอาจจะงงๆ แต่เขาก็เข้าใจได้แหระ ว่ามันคือจัยปูร์ ต่อจากจัยปูร์
เราก็ไปเมืองสีฟ้า หรือก็คือจอร์ดปูร์ หรือที่คนอินเดียออกเสียงว่า โจร๊ดปูร์ และอีกเมืองก็คือ ชิมลา หรือสิมล่า
ซึ่งบางคนอาจจะไม่คุ้นชื่อนี้ ไม่ได้ว๊าร์ปไปประเทศอื่นนะ ชิมลา อยู่ใน รัฐหิมาจัล ของอินเดียเนี่ยแหระ
ที่ซึ่งมีรถไฟสายมรดกโลก ตัดผ่านหุบเขาขึ้นไป สวยมากๆ เลยละคะ




โดยการเดินทางของเรา เราไปกับ SpiceJet สายการบินของอินเดีย ต้องบอกก่อนว่า เราไปกับสายการบินอินเดียได้สบายมาก
หลายๆคนกังวลเรื่องกลิ่น ไม่มีนะจ๊ะ หนึ่งคุณต้องเข้าใจก่อนว่า ส่วนใหญ่ เป็นคนที่มาทำงาน หรือไม่ก็ท่องเที่ยว ซึ่งเขาก็ดูภูมิฐานกันอยู่ ไม่ได้ซกมกนะจ้า
เรื่องความวุ่นวายก็ปกติ ตามสไตล์แขกละจ้า โหวกเหวกบ้างไรบ้าง แต่ก็มีคนบอกว่า ยังไม่เท่าคนจีนนะจ๊ะ  การเซอร์วิชดีอยู่จ้า แอร์สวย กัปตันไฟท์ขากลับหล่อมากกก ฮ่าๆๆ

ซิม : ใช้ sim2fly เหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ ขอบ่นอุบอิบน่ะว่า เน็ตไม่ค่อยแรงเลย เล่นกระตุก เล่นช้า จนบ้างครั้งต้องใช้ไวไฟของสถานที่ต่างๆ ซึ่งบางที่มันก็ฟรีไวไฟจริง แต่ดันต้องลงทะเบียนเบอร์ของคนอินเดีย ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะเรามีผู้เป็นคนอินเดีย ก็ใช้เบอร์นางเนี่ยแหระจ้า

ทริปนี้ ไป ญ 2 เรากับเพื่อน แฟนเราไม่ได้ไป อ่าไม่ต้องคิดนะว่า เจอเรื่องดีดีเพราะมีคนอินเดียดูแล ทริปนี้ไม่มี ลุยเองนักเลงพอ ฮ่าๆๆๆ



เรื่องวีซ่า ตอนนี้ e-visa อัพราคาขึ้นแล้วน้า 80ดอร์ลา หรือประมาณเกือบๆ3000 นั้นแหระจ้า เก็บอีกนิดก็ได้วีซ่า 1 ปี แล้ว แล้วแต่สะดวกกันแล้วกันน้าา



การเดินทาง ระหว่างเมือง ไปโดยรถไฟหมดเลย ทำการจองผ่าน เว็ป IRCTC เลยจ้า จองง่าย แต่ก็แอบงงบ้างเล็กน้อย
โดย คร่าวๆในเรื่องราคานะ บอกไว้เป็นแนว เพื่อใครสะดวกเดินทางโดยรถไฟ
- จัยปูร์ ไป โจร๊ดปูร์ เราไป คลาส AC chair car เราไปหน้าหนาวเลยขอคลาสอุ่นๆหน่อย ราคา อยู่ที่ 500 รูปี หรือ ประมา 250 บาท

- โจร๊ดปูร์ ไป ชิมลานี้ 2 ต่อนะ ไม่มีตรง ก็คือ
* นั่งจาก โจร๊ดปูร์ ไป kalka เพื่อไปขึ้นรถไฟสายมรดกโลก หรือ Toy Train จองแบบ AC3 นั่ง นอน ไป 10 กว่าชั่วโมง (รอบนี้ดีเลย์แค่ 30 นาที) ราคา 1185 รูปี หรือประมาณ 592 บาท *AC 3 จะมีความส่วนตัวน้องกว่า AC2

* นั่ง Toy Train  จาก kalka ไป ชิมลา นั่งแบบ ชั้น 3 ปกติ เพราะ มันแค่ 5 ชม. เอง แต่ รอบนี้ไม่ได้จอง เพราะกลัวรถไฟจากโจร๊ดปูร์ดีเลย์ นานเดี๋ยวพลาดเที่ยว เลยรอถึง ราคาชั้น 3 อยู่ที่ 50 รูปี หรือประมาณ 25 บาท

- ขากลับ จาก kalka มา ชิมลา อันนี้จองแบบ waitting list ไป ซึ่งก็ไม่ได้ แต่ทางรถไฟอินเดียแจ้งมาแล้วว่าระบบกำลังทำเรื่องคืนเงินอยู่  เลยไปแบบ  ชั้น 3 เหมือนเดิม  แต่ รอบนี้  25 รูปี หรือประมาณ 12-13 บาท
- จาก kalka มานิวเดลี รถไฟ AC 2 อุ่นหน่อย มีม่าน ส่วนตัว คนไม่พลุกพล่าน เพราะเตียงจะนอนกว่า AC 3 ราคา ประมาณ 750 รูปี เจ็ดร้อยกว่าๆเนี่ยแหระ หรือประมาณ 375 บาท

ก่อนจะพาเที่ยว ขอพูดถึงรถไฟอินเดียก่อน อย่าเพิ่งร้องยี้ ร้องอี้ เพราะ รถไฟเขาดีค่ะ ไม่ได้แย่ ห้องน้ำ ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากห้องน้ำรถไฟไทย โดยรวมก็ล้ำนำไทยด้วยจ้า อันนี้ชมเคยพูดถึงไปแล้ว แต่เดี๋ยวพูดอีกที สิ่งที่ต้องยอมรับว่ารถไฟเขาล้ำหน้าเราไปแล้วคือ ระบบติดตามรถไฟ ผ่านแอฟ เคยมีคนมาแย้งเราว่า มันไม่ได้ทุกระบบได้แค่แอนดรอย อันนี้ไม่จริงนะคะ แฟนเราใช้ไอโฟนก็มีแอฟ นี้ ต้องบอกก่อนว่า เขามีหลายแอฟค่ะ หลักๆจะใช้ IRCTC กับ Where is my Train อันนี้ชื่อแอฟนะคะ เวลาคุณเซิร์ทในเพล์สโตร์มันก็จะขึ้นแอฟประเภทนี้มาอีก ถ้า ไอโฟนหรือ IOS ติดตั้ง 2 แอฟหลักไม่ได้ ก็เลือกแอฟอื่น ประสิทธิภาพได้เหมือนกันค่ะ การันตีโดยเราเพราะเราใช้มาแล้ว

[[ลองเลือกใช้ดูนร้าา]]


ระบบติดตาม คือ อะไร คือการที่ เราใส่ PNR รถไฟ ปุ๊ป มันจะแสดง ตำแหน่งรถไฟ รถไฟอยู่ไหน เข้าพาร์ทฟอร์มของเราหรือยัง จะออกตอนกี่โมง ดีเลย์หรือไม่ รอนานแล้วเนี่ยไม่เห็นมา เอ้ามาก็ไม่แน่ใจว่าใช่ขบวนนี้หรือป่าว ก็เปิดแอฟเลยมันจะบอกเลยว่าเข้าพาร์ทฟอร์มแล้ว หรือ ดีเลย์อยู่สถานีอื่น อีกกี่นาทีถึงเรา ต้องลงสถานีไหน ถึงหรือยังบอกไว้หมดจ้า

สถานะ waitting list คืออะไร บางคนจะจองแล้วไม่กล้า เพราะมันรอคอนเฟิร์ม ระบบนี้เปิดเพื่อให้เราได้ลองลุ้น เพราะหลักการจำหน่ายตั๋วของเขาคือมีโควต้าเปิดจองจำนวนหนึ่ง กักไวสำหรับ Walk in จำนวนหนึ่ง แบ่งไว้เป็นโควต้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และพวกกรุ๊ปเหมา บริษัททัวร์อีกกรุ๊ปหนึ่ง เมื่อโควต้าจองเต็ม เราจะยังสำรองที่นั่งได้แล้วรอลำดับคิว แล้วที่นั่งมาจากไหน ก็มาจากส่วนเหลือๆที่เขากั๊กไว้หรืออาจจะมีคนขอยกเลิกนั้นแหระจ้า ของเราจากโจร๊ดปูร์ไปkalka WLที่ 7 ก็ได้รับที่นั่งจ้า แต่ในกรณีไม่ได้หรือได้คลาสอื่นเขาก็จะคืนเงินส่วนต่างจ้า ข้อมูลนี้แฟนเราซึ่งเป็นคนอินเดียเป็นคนอธิบายให้ฟังไม่ได้โมเมเด้อ แหระ สถานะ waitting list  ก็เป็นเรื่องปกติของคนอินเดีย ถ้าลำดับอยู่ใน 1-10 จองไปเลยจ้า เราเคยไปคนเดียวมาแล้ว ไปกับเพื่อน ไปกับแฟน เออเคยมาหมดแล้ว ที่พูดพูดจากใจ จริงๆ

อีกข้อดีหนึ่งของแอฟรถไฟอินเดียเนี่ย คือ บางแอฟอย่างแอฟที่เราใช้เนี่ย ออเดอร์อาหารได้นะจ๊ะ และมีปลั๊กไว้ชาร์จเเบตได้เกือบทุกคลาส ทุกขบวนนะจ๊ะนายจ๋า การปูเตียงปูเอง อยากนอนตอนไหนนอนเลย สำหรับชั่นล่างสุด ถ้าจะนอนก็บอกอีก 2คนที่ลงมานั่งด้วยว่าขอนอนนะ เดี๋ยวเขาจะขึ้นชั้นเขาให้ คนอินเดียใจดี บอกได้เลย เท่าที่เราสัมผัส เขาแลกเตียงกันเอง แลกที่นั่งโดยไม่ตีกันเลย เช่น ลุงคนหนึ่งได้ชั้น 2 ขอนอนข้างล่าง เพราะเขาอ้วน คนข้างล่างก็ให้แต่โดยดี เราเดินทางด้วยรถไฟอินเดียมาทุกคลาสแล้ว ตั้งแต่นั่งชั้น 3 ไป จนถึง AC 2 อ่อยกเว้นเฟิร์สคลาสเราไม่ได้ซีเรียสหรือกลัวอะไรเลยไม่เคยคิดถึง เฟิร์สคลาส ส่วนใหญ่คือหนาวเลยยอมจองแพง (แพงสำหรับเรา) อย่าง AC2และ3 โอเคเน๊อะ นี้แหระจ้า เลิกยึดติดสิ่งที่รู้มาแบบผิดๆแล้วก็มาทำเบ้ปากมองบนร้องยี้รถไฟเขากันได้แล้ว เผลอๆเราเนี่ยแหระล้าหลังกว่าเขา ลองๆฟังคนหลายๆคนที่เขาไปสัมผัสมาจริงๆแล้วบ้าง ก็จะดีนะ ไม่ต้องหวาดระแวงว่า หือขึ้นแบบนี้คนอินเดียมองเต็มอ่ะดิ เขากระแสนิยม เขาชอบชาวต่างชาติ การได้คุยได้ถ่ายรูป ได้จีบได้มาเป็นแฟน มันทำให้เขาดูเจ๋ง เบสิกๆก่อนจะรักจริงจังเลยคือ เออมันเจ๋งว่ะ แค่ได้ถ่ายรูปด้วยนี้ก็เจ๋งแล้ว เอาไปอวดเพื่อนไรงี้ เขาไม่ได้จะทำร้ายเราเน๊อะ ลองเปิดใจฟังเราหน่อยนะ เราคลุกคลีกับเขาเราบอกเลยว่าคนอินเดียใจดี ยกเว้น ไดร์เวอร์ตุ๊กๆแท็กซี่ และพ่อค้าในเดลี ฮ่าๆๆๆ

ม่ะ พอแล้ว ไปเที่ยวกันเถอะ...........




DAY 1 : วันที่ 3 ธันวาคม 2561
ออกเดินทาง จากที่ทำงาน มุ่งตรงไป สุวรรณภูมิ ......... รอบนี้คือเวลากระชั้นชิดมาก นี้ขนาดขอออกจากที่ทำงานก่อนเวลานะ ด้วยความรถติดใดใดก็ตาม รีบมากรูปสนามบินไม่มีนะ ครั้งนี้ ฮ่าๆ ตัดภาพไปหลังจากเช็คอินแล้วขึ้นเครื่องเลยละกันนะ ความวุ่นวายก็มีแค่คุณพี่แขกเขาค่อนข้างจะเฮฮา พูดคุย เรียกใช้บริการตลอดเวลา ไฟบนเครื่องไม่ต้องดับค่ะ ไม่ต้องนอน พี่เขาเรียกแอร์กันทั้งคืน เออ รอบนี้ต่อเครื่องจ้า เราไปจากสุวรรณภูมิเข้า ไฮเดอราบัด สนามบินต่างจังหวัด ก็จะเงียบๆหน่อย เคาว์เตอร์ตรวจวีซ่า ก็แค่นั่งโต๊ะออฟฟิศธรรมด๊าธรรมดา เจอพี่ตม. หม้อด้วย พี่แกก็ถามว่ามากี่วัน นอนที่ไหน ถามปกติมาตลอดๆจนกระทั้ง  
ต.ม. : ว็อช ยัวเฟสบุ๊ค
เรา  : ห๊ะ
ต.ม. : ยัวร์เฟสบุ๊ค
เรา : เออออ ( คือกำลังงงว่ามันต้องถามด้วยหรอว่ะ)
ต.ม. : เฟสบุ๊คๆ
เรา : อมยิ้ม ( ก็ไม่รู้อ่าว่าพี่แกถามจริงหรือถามเล่นเลยยิ้มไป)
ต.ม. : ยิ้มกลับ

เท่านี้แหระ ก็มารอเครื่องตอนตี ห้า จากไฮเดอราบัดไปจัยปูร์ แม่คุณหนาวมาก เก้าอี้ก็ไม่มี นั่งพื้นปูนเอา ตัดภาพไปถึงจัยปูร์เลยแล้วกันนะ

ถึงจัยปูร์ในวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ..............
จริงๆเราไม่ได้ตื่นเต้นกับจัยปูร์นะ เพราะคนไทยไปเยอะมากๆ รูปก็มีเยอะมากๆ แล้ว แต่ไฟท์มันถูกไง ฮ่าๆๆ เลยไปลง เราพักที่ Moustache Hostel 2 เตียงห้องรวมหญิง 510 บาท / คืน เราเคยพักในเครื่อ Moustache ที่อักราแล้ว สวย ดีไซน์ ดี ไม่แพง มีร้านอาหาร จัดว่าเลิศ จองผ่านบุ๊คกิ้งเด้อ




เราไปถึงเที่ยง ก็ขึ้นไป หม่ำๆ บนร้านอาหารซึ่งอยู่บนดาดฟ้าก่อนเลย สั่ง Chicken Curry และ โรตี และซอสสีขาวๆนี้จำชื่อไม่ได้แหระ และแน่นอนว่า ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ชาไชนั้นเอง เรานี้เป็นคนที่หลงรักอาหารอินเดียมากๆ กินยับ กินตลอด เงินหมด ก็ยังกิน

หลักจากอิ่มแล้ว เช็คอินได้แล้วเราก็ออกไปฮาวามาฮาล โดยไปกับตุ๊กๆ ตอนแรกบอก 100 รูปี พอขึ้นไป ก็ออกอุบาย หยุดที่เกทเพื่อให้เราได้ถ่ายรูป แต่ปากพี่แขกเขาก็ เสนอโปรแกรมเที่ยวจ้าาา ไม่เอา ก็ไม่ออกรถไปไหนต่อนาจา

จนสุดท้าย ไม่เอามิวเซียมไม่ได้อินกันขนาดนั้น ที่อยากไปมีแค่ ฮาวามาฮาล กับ ชัล มหัล แค่นั้น นางก็เสนอว่า ไป ทั้งสองแล้วส่งที่พัก 500 รูปี ราคาร้อยเดียวไม่มีอยู่จริง เราก็ไปฮามาวาฮาลก่อน ด้วยความใดใดที่ไม่ได้อินมาก และเหนื่อยจากการต่อเครื่องเลยถ่ายแค่ข้างหน้า และเดินช็อปปรากฏว่า ก็ไม่อยากไปไหนแหระ อยากจะเดินแถวนี้ ก็ไปบอก ไดร์เวอร์ว่าไม่ไปแล้วจะเดินช็อปแถวนี้ นางไม่ยอม นางนอยย์ นางตัดพ้อหนักมาก ไม่พอ เร่งตลอดเวลาที่ถ่ายรูปจ้า นางไม่ยอมก็เลยตามแพลนเดิมแต่ให้วกกลับมาที่ฮาวามาฮาลแทนกลับที่พัก ลอยไป 500 รูปี จ้าาา ซึ่งภาพจากฮาวามาฮาล เราได้จากการเข้าไปร้านกาแฟตรงข้ามนะจ๊ะ

ชัล มหัล

พระราชวังกลางน้ำซึ่งตั้งเด่นสง่าอยู่กลางทะเลสาบมันสกา (Man Sagar) ใกล้กับจัยปูร์รัฐราชสถาน พระราชวังแห่งนี้และทิวทัศน์ของทะเลสาบโดยรอบถูกต่อเติมและปรับปรุงโดยมหาราชา สะหวาย จัย สิงห์ที่ 2 ตัวพระราชวังนั้นสร้างได้อย่างสวยงามตามสถาปัตยกรรมราชปุตและโมกุล ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในสิ่งก่อสร้างในรัฐราชสถาน
โดยพระราชวังนี้นั้นมีความสวยงามเนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบและโดยมีเทือกเขานหาร์การห์ตั้งอยู่เบื้องหลัง ตัวอาคารสร้างโดยใช้หินทรายสีแดง ประกอบด้วยทั้งหมด 5 ชั้นซึ่ง 4 ชั้นล่างจะถูกน้ำท่วมเมื่อทะเลสาบมีระดับน้ำสูงสุด โดยเหลือเพียงชั้นบนสุดซึ่งจะเผยขึ้นมาเหนือน้ำ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่