[CR] หัวใจพองโตที่ “ปางอุ๋ง – บ้านจ่าโบ่” กับความประทับใจไม่รู้ลืม (ไปเองได้ง่ายๆ ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้นะ)

“เรายืมเงินไปเที่ยวได้แต่เรายืมเวลาใครไม่ได้ ไปเที่ยวก่อนแก่กันนะ” เจ้านายญี่ปุ่นสุดใจดีท่านนึงได้กล่าวไว้ แล้วจะรออะไรหละคะ

เมื่อลมหนาวมาเยือนเพื่อนๆคงเริ่มมองหาที่เที่ยวกันแล้วใช่มั้ยคะ วันนี้เรามีทริปที่ไปกับน้องที่ทำงานเมื่อต้นปีมาเล่าสู่กันฟังค่ะ ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้ นอกแพลนบ้าง โดนเทบ้าง ถือเป็นประสบการณ์สนุกๆ แถมครั้งนี้ยังเป็นทริปที่ประทับใจและเกินจินตนาการไว้จริงๆค่ะ (ในช่วงท้ายของรีวิวจะสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆไว้นะคะ เพราะบางอย่างก็ลืมไปแล้วค่ะ)



คืนวันที่ 17 ม.ค. 61 – เดินทางด้วยรถสมบัติทัวร์ กรุงเทพฯ-แม่ฮ่องสอน ฝ่า 1,864 โค้งกันไปยาวๆ
จริงๆเลิกงานหกโมงครึ่งแต่เนื่องจากกลัวไปไม่ทันรถออกตอนหกโมงเลยขอเจ้านายออกก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง (กราบแทบอกเจ้านายอีกครั้ง ฮ่าๆ) ขนาดออกมาก่อนนะยังไปถึงกันแบบฉิวเฉียดเลยทีเดียว รถออกตรงเวลาเป๊ะ แต่เป็นการเดินทางที่ยาวนานมากจริงๆ ฝ่า 1,864 โค้งมา หลับๆตื่นๆตลอดทางเลย

วันที่ 18 ม.ค. 61 – เดินทางเที่ยวรอบแม่ฮ่องสอนด้วยรถตุ๊กตุ๊ก (เหมาทั้งวัน)
ทีแรกกะไว้ว่าจะไปถึงประมาณ 8-9โมงเช้าแต่เหมือนรถจะจอดบ่อยและจอดนานมากๆ (น่าจะรถเสียมั้งนะ) เลยทำให้ไปถึงเกือบ 11 โมงเลย คุณลุงรถตุ๊กๆที่เช่าไว้ก็โทรมาถามเรื่อยๆ ถึงไหนแล้วครับๆ เกรงใจคุณลุงมากๆเลยที่รอตั้งหลายชั่วโมง ลงรถได้ก็รีบไปล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย
    แต่ก่อนอื่น “หิวอ่ะ” เลยให้คุณลุงพาไปหาอะไรกิน ร้านที่คุณลุงพาไปเราจำชื่อไม่ได้แต่เหมือนเป็นร้านที่เปิดในบ้าน อาหารอร่อยแล้วก็ราคาถูกด้วย มาเหนือทั้งทีก็ต้องเมนูนี้ “ข้าวซอยไก่” (อยากกินอีกจังเลย)

    ท้องอิ่มพลังมาแล้วก็พร้อมเที่ยวแล้วค่ะ ไปลุยกันที่แรกต้องที่นี่เลยไม่มาที่นี่เหมือนมาไม่ถึงแม่ฮ่องสอนเลยนะ “วัดพระธาตุดอยกองมู” มาสักการะพระธาตุไหว้พระประจำวันเกิดกันค่ะ เสร็จแล้วอีกด้านของพระธาตุก็สามารถชมวิวเมืองสวยๆได้ด้วยนะคะ (คิดถึงจังเลย)


    ไปลุยต่อที่ “หมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว” กันค่ะ เดินทางเข้าไปลึกเหมือนกันนะ ที่หมู่บ้านนี้จะมีพวกผ้าทอมือ สินค้าพื้นเมืองจำหน่าย สามารถซื้อไปเป็นของฝากได้ค่ะ สวยๆทั้งนั้นเลย พี่ๆคนขายก็ใจดีค่ะ แล้วบางร้านก็จะมีชุดให้เราใส่ถ่ายรูปด้วยนะคะ อ้อ.. มีน้องช้างตัวนึงยืนเก็บค่าผ่านทางอยู่นะคะ (ฮ่าๆ) เลี้ยงน้องหน่อยนะน้องน่ารักค่ะ
น้องหมาจอมซน น่ารักมากเลยค่ะ ป่านนี้น่าจะโตมากแล้ว
    เสร็จจากเที่ยวรอบเมืองแล้วได้เวลามุ่งหน้าไปปางอุ๋งกันค่ะ นั่งยาวๆกันไปเลย คุณลุงแวะพักเครื่องรถแล้วก็ให้เราเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวกันที่ “น้ำตกผาเสื่อ” ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนน้ำเยอะๆน่าจะสวยกว่านี้นะคะ
    จากตรงนี้คุณลุงพาไปต่อที่ “หมู่บ้านรักไทย” เราแวะไปถ่ายรูปกับทะเลสาบแล้วก็ไร่ชาหน้าที่พักลีไวน์รักไทยรีสอร์ทค่ะแต่อยู่ตรงนี้ไม่นานเพราะต้องทำเวลาขึ้นไปที่ปางอุ๋งก่อนที่จะมืด ถ้าได้มาพักที่นี่น่าจะดีเหมือนกันนะคะ ตอนเช้าๆถ้ามีหมอกลอยเต็มทะเลสาบน่าจะสวยมากทีเดียว
    ถึงแล้ว “ปางอุ๋ง หรือ โครงการพระราชดำริปางตอง” อากาศตอนนี้เริ่มค่อนไปทางหนาวแล้ว คืนนี้เรานอนเต็นท์กันค่ะตอนโทรมาจองนี่เน้นเลยว่าขอริมน้ำ หลังใหญ่จะได้นอนสบายๆ หลังจากได้เต็นท์นี่รีบเลยค่ะ รีบไปอาบน้ำก่อนที่จะหนาวไปมากกว่านี้เพราะอากาศหนาวที่โหยหาได้มาเยือนแล้ว น้ำเย็นมากกกกกกกกกก หน้าชากันไปเลยทีเดียว และที่พลาดไม่ได้สำหรับดินเนอร์คืนนี้นั่นก็คือ “หมูกระทะ”

ฟินมากจริงๆกับหมูกระทะหอมๆ อากาศหนาวๆ และดาวดวงโตๆที่เต็มท้องฟ้าไปหมด สวยมากจริงๆค่ะ อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสกันด้วยตัวเองจริงๆค่ะ
(เครดิตรูปดาวโดยน้องเสื้อเหลืองในรูปค่ะ ขออภัยมือใหม่หัดถ่าย ไม่แจ่มว้าวไม่ว่ากันเนอะ)

วันที่ 19 ม.ค. 61 – Super Wonderful ปางอุ๋ง
    เมื่อคืนอากาศค่อนไปทางหนาวมากแต่ผ้าห่มที่ทางเต็นท์ให้มาอุ่นสบายตลอดคืนค่ะ ตอนเช้านี่กะว่าจะอาบน้ำนะแต่แบบ...ไม่ไหวจริงๆล้างหน้าแปรงฟันพอเถอะไว้ไปอาบที่บ้านจ่าโบ่แล้วกันเนอะ (ฮ่าๆ)
    บรรยากาศตอนเช้าๆมันดีมากจริงๆค่ะ ลมหนาวพัดปะทะหน้า มีหมอกลอยเต็มผิวน้ำ แสงแดดกระทบผิวน้ำเป็นประกาย ไหนจะแสงที่ลอดผ่านต้นสนอีก โอ้ยยยยยย ฟินสุดๆไปเลยค่ะ แล้วก็อย่าลืมล่องเรือไม่ไผ่กันนะคะสัมผัสไอหมอกบนผิวน้ำกันแบบใกล้ชิดสุดๆไปเลยค่ะ
    และอีกหนึ่งสิ่งที่เราคิดว่าโชคดีมากๆที่มาเที่ยวช่วงกลางเดือนแบบนี้คือ “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” บานสะพรั่งเต็มต้นไปหมดเลยค่ะ สวยมากๆๆๆๆ
    ประมาณ 11 โมงเราเก็บสัมภาระมารอรถสองแถว เราจะขึ้นรถสองแถวเข้าเมืองแล้วค่อยไปต่อรถสองแถวที่จะไปปางมะผ้ากันค่ะ วิ่งไปสักพักก่อนจะถึงตัวเมืองป้าเก็บเงินบอกเราจะไปปางมะผ้ากันใช่มั้ยป้าจองให้ได้นะเราก็โอเคจองสองที่ พอถึงจุดนัดขึ้นรถกลายเป็นคนล้นรถกันมาตั้งแต่ต้นทางแล้ว จะไม่ไปก็ไม่ได้เขาบอกไม่มีรถแล้วก็เลยเอาวะ!! นั่งที่นั่งเสริมสุดพิเศษนี้ก็ได้  พิเศษที่ว่านี้ก็คือเก้าอี้ตัวเตี้ยๆนั่งตรงกลางกอดกันไปใกล้ชิดกันสุดๆไปเลย (ฮ่าๆ) รถตีโค้งไปหลายตลบทำเอาเพื่อนร่วมทางคนนึงถึงกับอ้วกเลยทีเดียว
        วิ่งมาได้สักพักรถเบรกเอี๊ยดดดด!!! ที่สามแยกพี่คนขับรถ (ที่ดูเหมือนจะกรึ่มๆจากฤทธิ์แอล) ลงมาจากรถบอก “น้อง!!!ที่ไปบ้านจ่าโบ่อ่ะถึงแล้วโบกรถเข้าไปได้เลย” เรานี่แบบห้ะ!!! ตรงนี้เลยเหรอเพราะทีแรกกะว่าจะเช่ามอเตอร์ไซด์แล้วแว๊นมาบ้านจ่าโบ่เองแต่พอดีตอนนั้นมีเพื่อนร่วมทางที่จะไปที่เดียวกันอีกสองคนลงรถมาก็เลย...  เอาวะ!โบกรถเข้าไปก็ได้ เดินไปโบกไปกัน 4-5 คันก็ได้รถชาวบ้านที่เพิ่งกลับมาจากไปช้อปปิ้งกันที่ตัวอำเภอจอดรับพวกเรา ชาวบ้านในพื้นที่ใจดีมากๆค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

    อะโบดายา “บ้านจ่าโบ่” เป็นหมู่บ้านเล็กๆของชาวลาหู่ ที่พักของที่นี่เป็นแบบโฮมสเตย์เราติดต่อห้องพักไว้กับหัวหน้าชุมชน โฮมสเตย์ที่จะได้พักก็จะเป็นบ้านของชาวบ้านหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ รอบนี้น้องสองคนที่ลงรถมาพร้อมกันพักที่เดียวกันพอดีเลยได้เพื่อนใหม่เลย เราเลือกพักในตัวบ้านส่วนน้องอีกสองคนพักนอกบ้าน หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นรอบหมู่บ้าน แวะกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขาเจ้าดัง ร้านกาแฟสุดฮิป (ที่เจ้าของก็โคตรจะฮิปเลยค่ะ ฮ่าๆ)
บรรยากาศดีจริงๆค่ะ ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้อาบน้ำ (ฮ่าๆ) รีบกลับไปอาบน้ำรอกินมื้อเย็นสุดพิเศษดีกว่าเนอะ ปล. น้ำเย็นโคตรๆเลย บรื๋อออออ...
    ตกเย็นพี่เจ้าของโฮมสเตย์ทำอาหารให้เรากินค่ะ
โดยเฉพาะน้ำพริกมูเซอ รสชาติไม่เหมือนที่ไหนแต่อร่อยดีค่ะกินกับไข่เจียวนี่ได้เลยแถมบรรยากาศตอนเย็นก็ดีไปอีก กินข้าวเสร็จก็นั่งดูวิวกันต่อ
        คืนนี้พี่เจ้าของบ้านบอกต้องไปนอนเฝ้าบ้านอีกที่นึงเลยทิ้งบ้านไว้ให้เราทั้งหลังเลยค่ะ นอนเร็วมันไม่ใช่วิถีเราเนอะ ดึกๆเลยออกไปถ่ายดาวกัน(แต่ที่นี่แสงไฟฟ้าเยอะเลยทำให้รูปออกมาไม่สวยเหมือนที่ตาเห็นเท่าไหร่ค่ะ) ฟ้าโปร่งดาวเต็มท้องฟ้าเลยค่ะ สวยมากกกกก (อีกแล้ว) ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งหนาวแต่ได้ผ้าห่มที่พี่เจ้าของบ้านเตรียมให้(อย่างเหลือเฟือ) หลับฝันดีไปเลยค่ะ Good night Ban Ja Bo Zzzzz....

วันที่ 20 ม.ค. 61 – หมอกฟูๆ สุดอลังการ ณ บ้านจ่าโบ่
    เช้านี้นัดกับพี่เจ้าของบ้านไว้ตอนตีห้าว่าจะไปปีน “ภูผาหมอก” ขึ้นไปดูทะเลหมอกจากที่สูงกันค่ะ ล้างหน้าแปรงฟันกับน้ำเย็นเจี๊ยบบบบ...เสร็จก็ไปลุยกันเลย เป็นเขาเล็กๆปีนแค่ 15 นาทีก็ถึงแล้วค่ะแต่หินก็คมหน่อยๆ ระวังกันด้วยนะคะ ขึ้นไปนั่งรอพระอาทิตย์ขึ้น แสงแรกของวันค่อยๆสาดส่องมา สวยอลังการมากจริงๆ ไปดูรูปกันรัวๆเลยค่ะ
        หลังจากเดินวนถ่ายรูปรอบหมู่บ้านก็เริ่มจะหิวแล้ว ที่นี่นอกจากก๋วยเตี๋ยวห้อยขาก็ไม่มีร้านอาหารอื่นแล้วค่ะ เราเลยให้พี่เจ้าของบ้านทำอาหารเช้าให้กิน (มื้อนี้เสียเงินเพิ่มนะ) กินข้าวเสร็จก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวกลับ เวลาแห่งความสุขผ่านไปไวจังเนอะ เราเหมารถพี่เจ้าของบ้านให้ไปส่งที่ตัว อ.ปางมะผ้าเพื่อต่อรถตู้กลับตัวเมืองแม่ฮ่องสอน
    ขากลับเราจองรถของสมบัติทัวร์นั่งตรงกลับกทม.เหมือนเดิม โค้งจะเยอะไปไหนเหรอ เหวี่ยงแล้วเหวี่ยงอีกกว่าจะหลุดจากเขาทำเอามึนไปเลย นอนกันไปยาวๆถึงกทม.เช้าวันที่ 21 ม.ค. 61 ด้วยความปลอดภัย
    ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับทุกคนนะคะ (ปล.ขาดตกบกพร่องประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ) เจอกันใหม่ในทริปหน้าค่ะ

ทริปนี้ใช้กล้อง Fuji XA-2, X-30 และแต่งภาพโดย Polarr



อมยิ้ม31  สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ (ไม่รวมค่าอาหาร)
รถบัสของสมบัติทัวร์ กรุงเทพฯ – แม่ฮ่องสอน ขาไป 675 บาท
รถบัสของสมบัติทัวร์ แม่ฮ่องสอน – กรุงเทพฯ ขากลับ 788 บาท
**แต่เราว่านั่งรถไปลงเชียงใหม่แล้วต่อรถตู้จะไวกว่าค่ะ**
รถตุ๊กตุ๊กแบบเหมาทั้งวัน 1,600 บาท (ลุงจันทร์ 084-370-0554)
เต็นท์ที่ปางอุ๋ง 500 บาท
คุณกิ๊ก
087-990-4281
084-365-0776
เรือไม้ไผ่ 150 บาท
ค่ารถสองแถวจากปางอุ๋งเข้าตัวเมือง 100 - 150 บาท
ค่ารถสองแถวไปลงปากทางเข้าบ้านจ่าโบ่ 50 บาท
ค่าที่พักโฮมสเตย์ (ฟรีอาหารหนึ่งมื้อ) 300 บาท/คน/คืน (คุณศรชัย 080-677-5794)
รถกระบะเหมาไปอ.ปางมะผ้า  500 บาท
รถตู้เข้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอน 100 บาท
ชื่อสินค้า:   ปางอุ๋ง บ้านจ่าโบ่
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่