สะ
หวัด
ดี
คร๊าบบบ
หลายๆคนคงว่างๆไม่มีที่จะไป อยู่บ้านก็เบื่อ เล่นเกมก็เทพเกิน กีตาร์ก็สายขาด เพื่อนก็ติด แฟนก็ไม่มี งานก็ไม่ต้องทำเพราะรวยแล้ว แถมยังปิดเทอมอยู่อีกต่างหาก ชีวิตนี่มันลำบากไปซะทุกอย่างจริงๆ (หยอกๆนะครับ) สุดท้ายหลังจากนั่งคิดนอนคิดตีลังกากะละมัง 3 ใบได้แล้วก็คิดไม่ออกซะที แต่ทันใดนั้นอาจารย์ก็ไลน์มาบอกในกลุ่มว่า จะพาไปเที่ยวหัวหินนะครับ อะอ้าววววว แบบนี้ก็มันส์สิครับ พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอวันรอคืนให้วันนั้นมาถึง และแล้วมันก็มาถึงแล้ว บ่นมากซะขนาดนี้เราไปเริ่มกันดีกว่า
.
.
เรามาถึงเวลาที่อาจารย์นัดประมาณ 6.00 ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อที่จะให้รอรอบรถไฟที่ออกตอน 6.30 ที่ชานชะลา 11 และนี่คือหน้าตายานพาหนะที่จะนำพาพวกเราทั้ง 50 กว่าคนทั้งเอกไปที่จุดหมายในเช้าวันนี้
.
.

และนี่คือหน้าตายานพาหนะที่จะพาพวกเราไปยังจุดหมายในเช้าวันนี้ครับ
.
.
.

ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย
.
.
ขึ้นมาบนรถไฟแล้วก็จะมีรายการของฝาก/ของกินให้เราเลือกสั่งและจะรับได้ในช่วงขากลับครับ ราคาก็ไม่แพงด้วยนะครับ


.
.
.
พอนั่งไปสักพักนึงเราก็ลงมาพักที่สถานีนครปฐมก่อน ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่หน้าพระปฐมเจดีย์ หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดนครปฐม ซึ่งอาจารย์ก็ปล่อยฟรีนะจังหวะนี้ เราเลยใช้โอกาสชักภาพกลุ่มภาพแรกของเราหน่อย ซึ่งวันนี้ theme การแต่งตัวของเราคือนักฟุตบอล ซึ่งแต่ละคนก็จัดหนักจัดเต็มต่างกันไป ถือว่าพร้อมลงสนามกันเลยทีเดียว ส่วนคนทางซ้ายเป็นพ่อเลี้ยงจากกลุ่มอื่นครับ เห็นสีหน้าและน้ำเสียงแบบเข้มขรึมแบบนี้ แต่เขาหล่อที่สุดเลยนะครับ

.
.
ระหว่างเดินเล่นอยู่รอบๆนี้ ก็พึ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้กินอะไรรองท้องตอนเช้าเลยนี่หน่า หาอะไรประทังก่อนละกัน
จังหวะนั้นไม่นานผมก็โดนเตะจมูก ปึ๊บ! กลิ่นเนยจากที่ไหนก็ไม่รู้ลอยมาแต่ไกล เลยใช้จมูกสุนัขนำพาทางไปยังกะ gps จนมาเจอร้านนี้ที่เป็นต้นทางของกลิ่น ซึ่งมันก็คือขนมปังปิ้งเนยนั่นเอง
ซึ่งมีทั้งเนยนม เนยน้ำตาล เนยแยมสตรอเบอรี่ เนยส้ม เหมือนกับร้านอื่นที่ขายทั่วไป แต่ที่เด็ดคือขายเพียงแผ่นละ 5 บาทเท่านั้น!! ถูกมากจริงๆ ขนมปังก็แผ่นใหญ่ และที่เด็ดไปกว่านั้นคือมีหน้าเนยนูเทลล่าด้วย ซึ่งก็ขายในราคาแผ่นละ 10 บาทซึ่งถือว่าก็ยังถูกอยู่ดี ถ้าไปเจ้าอื่นคงมี 15-20 บาทเป็นอย่างน้อย
อร่อยเกินราคามากๆครับ ปาดเนยทีนี่ เส้นเลือดอุดตันกันเลยทีเดียว

และทั้งหมดนี้เพียง 20 บาทเท่านั้น 4 แผ่น อิ่มเกินคนเดียวกิน สามารถแบ่งความอิ่มให้กับเพื่อนๆคนอื่นอีกด้วย
ก่อนจากร้านนี้ไป ขอแวะชักภาพนักกีฬาเต็มชุดของเรากับพี่คนขายด้วย คุยสนุกมากๆครับ อัธยาศัยดีมากๆ แนะนำครับ
ก่อนจะเข้าวัดไปสักการะเจดีย์นครปฐม ตรงสะพานก็มีลุงชาวจีน(จากการสันนิษฐานด้วยตาเนื้อ) คนนึงเต้นแอโรบิคยามสาย บอกเลยเลยว่าลุงแกยิ้มแย้มและก็ปั่นเกิน ถ้าใครไปแล้วอย่าลืมไปจอยกับลุงเค้านะครับ เราเลยส่งทีมงานเราไปจอยกับแกซะหน่อย สนุกมากๆ เรียกได้ว่าแต่ละฝั่งโชว์สเต็ปอย่างไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว เป็นการวอร์มตอนเช้าได้อย่างกระปรี้กระเปร่า

เสียดายตอนไปเมฆเยอะไปหน่อย ฟ้าค่อนข้างปิด รูปที่ได้เลยจะสลัวๆหน่อย แต่ยังไงถ้าแวะสถานีนี้แล้วอย่าลืมมาสักการะพระประถมเจดีย์กันนะครับ แต่ยังไงก็อย่าให้ตกรถนะครับ เวลามีจำกัดมากๆ แปปๆเราก็ต้องรีบติดเกียร์หมาวิ่งกลับไปขึ้นรถไฟต่อที่สถานีนครปฐมเพื่อที่จะไปให้ทันเลยทีเดียว
.
.
หลังจากที่พวกผมเข้าไปในวัดและออกมา เพราะว่าพระสวดนานไปหน่อยจนทำให้พวกผมเกือบขึ้นรถไฟไม่ทัน และทำให้พวกผมทั้งสามคนเลื่อมใสในพระธรรม ละทิ้งกิเลสและความฝันที่จะเป็นนักบอลอาชีพมาเป็นนักบุญแทน

.
.
หลับไป 1 ตื่น ประมาณ 11.00 น. ก็ถึงหัวหินซะทีครับ เรียกได้ว่านั่งรถไฟกันจนแก้มก้นยุบเลยทีเดียว รวมเวลาจากกรุงเทพเป็นเวลารวมทั้งสิ้น 4 ชม. อาจจะมีอาการเหนื่อยล้า นิดหน่อย อย่างว่าแหละครับ มันไม่มีที่นอน ยิ่งพวกเรามากับมหาลัย เหมากันมาทั้งโบกี้ มันก็จะsuffer นิดๆครับ แหะๆ แต่ยังไงก็ผ่านมาได้แล้ว ชิว

อะแวะชักภาพเป็นที่ระลึกอีกสักรูปครับ ขอตั้งชื่อรูปนี่ว่า นักบุญทั้ง 3 กับจอมมารทั้ง 4
.
.
ตอนนี้ก็11 โมงกว่าๆแล้วก็ถึงเวลาอันสมควรสำหรับอาหารมื้อใหญ่มื้อแรกนะครับ วันนี้อาจารย์ก็พาเราเดินไปยังร้านที่ชื่อว่า ครัวกรรณิการ์

ซึ่งอาหารในร้านที่เราไปทานในวันนั้นก็ทำมาจากไก่ล้วนๆนะครับ ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายและกิมมิคของร้านเลยทีเดียว
และเซ็ตที่ทางร้านจัดมาให้ก็มีทั้งลาบไก่ แกงเขียวหวานไก่ ขนมจีนน้ำยา ไก่ทอดน้ำปลา ไก่สามรส ต้มยำไก่ ขี้เกียจไล่ละครับ(ชิ่วๆ) คือมันเยอะจัด เขียนได้ทั้งวันครับไปดูรูปเอาดีกว่า และก็ไม่รู้ว่าข้าวที่นี่ใช้ไก่หุงด้วยหรือเปล่า 555555
ถ้าพร้อมหม่ำกันแล้วก็ไปกินกันเลยดีกว่า เอ๊กอีเอ้กๆๆๆๆ

ไก่อร่อยสมชื่อจริงๆครับ เรียกได้ว่าอิ่มหมีพีมันกันทั้งโต๊ะทีเดียว ใครที่สายชอบกินไก่ก็แนะนำให้หนักๆเลยครับ

ปิดท้ายด้วยของหวานครับ อร่อยจัด ตัวผมเองซัดของเพื่อนไปเกือบ 3 ถ้วย ขออนุญาตมอบเยี่ยมครับ
.
.
.
หลังจากที่เติมพลังอิ่มหมีพีมันกันเสร็จ เราก็ลุยยามบ่ายกันต่อเลยครับบ พวกเราเหมาสองแถวไปที่หาดสวนสนต่อเลยครับ บอกเลยว่าสนุกมากครับ แต่ก็ร้อนสุโค่ยๆ จากตอนเช้านครปฐมฟ้าปิด แต่หัวหินเปิดจนสว่างเลยจ้า เรียกได้ว่าแนะนำใครที่ขี้ร้อนมากๆควรพกร่มและแว่นกันแดดนะครับ ถ้าคุณไปกับเพื่อนนะครับ แค่ได้นั่งรถสองแถวไปด้วยกัน ได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ แล้วนึกว่าจะได้เล่นน้ำทะเลด้วยกันก็มีความสุขแล้วครับ//ยิ้มมมมมม
มาถึงทะเลก็จัดซัก 1 แชะ บรรยากาศโดยรอบของหาดสวนสนก็สดชื่นและสะอาดมาก เพราะได้รับการดูแลจากพี่ๆทหารที่ดูแลหาด โดยรอบก็มีนักท่องเที่ยวอยู่ให้เห็นไม่ขาดตา แต่ไม่เยอะมาก ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในหาด ที่น่าจะมาพักผ่อน หย่อนใจกันนะครับ พวกผมบอกเลยว่า recommend มากๆเลย

บรรยากาศเรียกได้ว่าชิว เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจมากจริงๆ และที่สำคัญมาจากกรุงเทพได้ง่าย ไม่ไกล ค่าใช้จ่ายไม่แพง
ประมาณช่วงบ่าย 3 โมงของวันนั้นก็เป็นเวลาที่รถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะออกตัวจากหาดสวนสน ทริปของเราจึงต้องยุติลง ณ เวลานั้น
สุดท้ายแล้วความสุขจริงๆของการมาเที่ยว ไม่ใช่สิ่งที่เราจะได้พบเจอที่ปลายทาง แต่ความสุขมันเกิดขึ้นตั้งแต่เราจัดกระเป๋า จนกระทั่งออกเดินทางแล้วนะ อีกทั้งการที่เรายังได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ กับเพื่อนๆหรือคนที่รู้ใจ แค่นี้คุณก็ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เรียกว่า “การท่องเที่ยว” แล้วครับ
ชายฉกรรจ์บุกทะลวง : หัวลำโพง- นครปฐม - หัวหินถิ่นมีหอย
หวัด
ดี
คร๊าบบบ
หลายๆคนคงว่างๆไม่มีที่จะไป อยู่บ้านก็เบื่อ เล่นเกมก็เทพเกิน กีตาร์ก็สายขาด เพื่อนก็ติด แฟนก็ไม่มี งานก็ไม่ต้องทำเพราะรวยแล้ว แถมยังปิดเทอมอยู่อีกต่างหาก ชีวิตนี่มันลำบากไปซะทุกอย่างจริงๆ (หยอกๆนะครับ) สุดท้ายหลังจากนั่งคิดนอนคิดตีลังกากะละมัง 3 ใบได้แล้วก็คิดไม่ออกซะที แต่ทันใดนั้นอาจารย์ก็ไลน์มาบอกในกลุ่มว่า จะพาไปเที่ยวหัวหินนะครับ อะอ้าววววว แบบนี้ก็มันส์สิครับ พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอวันรอคืนให้วันนั้นมาถึง และแล้วมันก็มาถึงแล้ว บ่นมากซะขนาดนี้เราไปเริ่มกันดีกว่า
.
.
เรามาถึงเวลาที่อาจารย์นัดประมาณ 6.00 ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อที่จะให้รอรอบรถไฟที่ออกตอน 6.30 ที่ชานชะลา 11 และนี่คือหน้าตายานพาหนะที่จะนำพาพวกเราทั้ง 50 กว่าคนทั้งเอกไปที่จุดหมายในเช้าวันนี้
.
.
.
.
.
.
.
ขึ้นมาบนรถไฟแล้วก็จะมีรายการของฝาก/ของกินให้เราเลือกสั่งและจะรับได้ในช่วงขากลับครับ ราคาก็ไม่แพงด้วยนะครับ
.
.
พอนั่งไปสักพักนึงเราก็ลงมาพักที่สถานีนครปฐมก่อน ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่หน้าพระปฐมเจดีย์ หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดนครปฐม ซึ่งอาจารย์ก็ปล่อยฟรีนะจังหวะนี้ เราเลยใช้โอกาสชักภาพกลุ่มภาพแรกของเราหน่อย ซึ่งวันนี้ theme การแต่งตัวของเราคือนักฟุตบอล ซึ่งแต่ละคนก็จัดหนักจัดเต็มต่างกันไป ถือว่าพร้อมลงสนามกันเลยทีเดียว ส่วนคนทางซ้ายเป็นพ่อเลี้ยงจากกลุ่มอื่นครับ เห็นสีหน้าและน้ำเสียงแบบเข้มขรึมแบบนี้ แต่เขาหล่อที่สุดเลยนะครับ
.
ระหว่างเดินเล่นอยู่รอบๆนี้ ก็พึ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้กินอะไรรองท้องตอนเช้าเลยนี่หน่า หาอะไรประทังก่อนละกัน
จังหวะนั้นไม่นานผมก็โดนเตะจมูก ปึ๊บ! กลิ่นเนยจากที่ไหนก็ไม่รู้ลอยมาแต่ไกล เลยใช้จมูกสุนัขนำพาทางไปยังกะ gps จนมาเจอร้านนี้ที่เป็นต้นทางของกลิ่น ซึ่งมันก็คือขนมปังปิ้งเนยนั่นเอง
ซึ่งมีทั้งเนยนม เนยน้ำตาล เนยแยมสตรอเบอรี่ เนยส้ม เหมือนกับร้านอื่นที่ขายทั่วไป แต่ที่เด็ดคือขายเพียงแผ่นละ 5 บาทเท่านั้น!! ถูกมากจริงๆ ขนมปังก็แผ่นใหญ่ และที่เด็ดไปกว่านั้นคือมีหน้าเนยนูเทลล่าด้วย ซึ่งก็ขายในราคาแผ่นละ 10 บาทซึ่งถือว่าก็ยังถูกอยู่ดี ถ้าไปเจ้าอื่นคงมี 15-20 บาทเป็นอย่างน้อย
อร่อยเกินราคามากๆครับ ปาดเนยทีนี่ เส้นเลือดอุดตันกันเลยทีเดียว
ก่อนจากร้านนี้ไป ขอแวะชักภาพนักกีฬาเต็มชุดของเรากับพี่คนขายด้วย คุยสนุกมากๆครับ อัธยาศัยดีมากๆ แนะนำครับ
ก่อนจะเข้าวัดไปสักการะเจดีย์นครปฐม ตรงสะพานก็มีลุงชาวจีน(จากการสันนิษฐานด้วยตาเนื้อ) คนนึงเต้นแอโรบิคยามสาย บอกเลยเลยว่าลุงแกยิ้มแย้มและก็ปั่นเกิน ถ้าใครไปแล้วอย่าลืมไปจอยกับลุงเค้านะครับ เราเลยส่งทีมงานเราไปจอยกับแกซะหน่อย สนุกมากๆ เรียกได้ว่าแต่ละฝั่งโชว์สเต็ปอย่างไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว เป็นการวอร์มตอนเช้าได้อย่างกระปรี้กระเปร่า
.
.
หลังจากที่พวกผมเข้าไปในวัดและออกมา เพราะว่าพระสวดนานไปหน่อยจนทำให้พวกผมเกือบขึ้นรถไฟไม่ทัน และทำให้พวกผมทั้งสามคนเลื่อมใสในพระธรรม ละทิ้งกิเลสและความฝันที่จะเป็นนักบอลอาชีพมาเป็นนักบุญแทน
.
หลับไป 1 ตื่น ประมาณ 11.00 น. ก็ถึงหัวหินซะทีครับ เรียกได้ว่านั่งรถไฟกันจนแก้มก้นยุบเลยทีเดียว รวมเวลาจากกรุงเทพเป็นเวลารวมทั้งสิ้น 4 ชม. อาจจะมีอาการเหนื่อยล้า นิดหน่อย อย่างว่าแหละครับ มันไม่มีที่นอน ยิ่งพวกเรามากับมหาลัย เหมากันมาทั้งโบกี้ มันก็จะsuffer นิดๆครับ แหะๆ แต่ยังไงก็ผ่านมาได้แล้ว ชิว
.
.
ตอนนี้ก็11 โมงกว่าๆแล้วก็ถึงเวลาอันสมควรสำหรับอาหารมื้อใหญ่มื้อแรกนะครับ วันนี้อาจารย์ก็พาเราเดินไปยังร้านที่ชื่อว่า ครัวกรรณิการ์
ซึ่งอาหารในร้านที่เราไปทานในวันนั้นก็ทำมาจากไก่ล้วนๆนะครับ ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายและกิมมิคของร้านเลยทีเดียว
และเซ็ตที่ทางร้านจัดมาให้ก็มีทั้งลาบไก่ แกงเขียวหวานไก่ ขนมจีนน้ำยา ไก่ทอดน้ำปลา ไก่สามรส ต้มยำไก่ ขี้เกียจไล่ละครับ(ชิ่วๆ) คือมันเยอะจัด เขียนได้ทั้งวันครับไปดูรูปเอาดีกว่า และก็ไม่รู้ว่าข้าวที่นี่ใช้ไก่หุงด้วยหรือเปล่า 555555
ถ้าพร้อมหม่ำกันแล้วก็ไปกินกันเลยดีกว่า เอ๊กอีเอ้กๆๆๆๆ
ไก่อร่อยสมชื่อจริงๆครับ เรียกได้ว่าอิ่มหมีพีมันกันทั้งโต๊ะทีเดียว ใครที่สายชอบกินไก่ก็แนะนำให้หนักๆเลยครับ
.
.
.
หลังจากที่เติมพลังอิ่มหมีพีมันกันเสร็จ เราก็ลุยยามบ่ายกันต่อเลยครับบ พวกเราเหมาสองแถวไปที่หาดสวนสนต่อเลยครับ บอกเลยว่าสนุกมากครับ แต่ก็ร้อนสุโค่ยๆ จากตอนเช้านครปฐมฟ้าปิด แต่หัวหินเปิดจนสว่างเลยจ้า เรียกได้ว่าแนะนำใครที่ขี้ร้อนมากๆควรพกร่มและแว่นกันแดดนะครับ ถ้าคุณไปกับเพื่อนนะครับ แค่ได้นั่งรถสองแถวไปด้วยกัน ได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ แล้วนึกว่าจะได้เล่นน้ำทะเลด้วยกันก็มีความสุขแล้วครับ//ยิ้มมมมมม
มาถึงทะเลก็จัดซัก 1 แชะ บรรยากาศโดยรอบของหาดสวนสนก็สดชื่นและสะอาดมาก เพราะได้รับการดูแลจากพี่ๆทหารที่ดูแลหาด โดยรอบก็มีนักท่องเที่ยวอยู่ให้เห็นไม่ขาดตา แต่ไม่เยอะมาก ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในหาด ที่น่าจะมาพักผ่อน หย่อนใจกันนะครับ พวกผมบอกเลยว่า recommend มากๆเลย
บรรยากาศเรียกได้ว่าชิว เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจมากจริงๆ และที่สำคัญมาจากกรุงเทพได้ง่าย ไม่ไกล ค่าใช้จ่ายไม่แพง
ประมาณช่วงบ่าย 3 โมงของวันนั้นก็เป็นเวลาที่รถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะออกตัวจากหาดสวนสน ทริปของเราจึงต้องยุติลง ณ เวลานั้น
สุดท้ายแล้วความสุขจริงๆของการมาเที่ยว ไม่ใช่สิ่งที่เราจะได้พบเจอที่ปลายทาง แต่ความสุขมันเกิดขึ้นตั้งแต่เราจัดกระเป๋า จนกระทั่งออกเดินทางแล้วนะ อีกทั้งการที่เรายังได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ กับเพื่อนๆหรือคนที่รู้ใจ แค่นี้คุณก็ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เรียกว่า “การท่องเที่ยว” แล้วครับ