สวัสดีผู้อ่านทุกคนนะคะ
อย่างแรกต้องขอโทษไว้เลยถ้าหากพิมพ์ผิดค่ะ 5555
เราชื่อแบม ตอนนี้เราอายุ 21 แล้ว อยู่ชั้นปีที่ 4 ค่ะ กำลังจะเรียนจบ (หวังว่านะ)
เราจะมาเล่าเรื่องราวความรักของเราให้เพื่อนๆฟังและอยากอ่านคอมเม้นของเพื่อนๆด้วยค่ะ
ว่าเราควรจะทำยังไงดีกับชีวิตที่แสนมึนงงนี้
เรื่องทั้งหมดเริ่มมาตั้งแต่ตอนเราอยู่ ป.6ค่ะ น่าจะปี 2008
ตอนนั้นเราเป็นเด็กผู้หญิงห้าวๆ เกเรๆคนนึงค่ะ จริงๆเราเปนคนเรียบร้อยนะ ออกไปทางเงียบๆโลกส่วนตัวสูงซะด้วยซ้ำ หน้าจะแบบนิ่งๆเหมือนคนง่วงตลอด
เพื่อนจะชอบเเซวว่า ตื่นรึยัง 555 อาจจะเป็นเพราะตาตี๋ด้วยอารมสาวหมวย + กับมีพ่อเป็นคนญี่ปุ่นด้วย หน้าเราเลยออกไปทางพ่อทั้งตระกลูเหมือนมีเราตาตี๋อยู่คนเดียว ผ่าเหล่ามากกก
เหตุผลหลักๆเลยที่เราเลือกจะทำตัวเกเรเพราะสังคมเพื่อนค่ะ ถ้าทำตัวอ่อนแอจะโดนคนอื่นรังแกได้ซึ่งเป็นเรื่องที่เราโดนมาหนักมากตอนเด็กๆมันเกินกว่าที่เราจะรับไหวจริงๆ เราเลยต้องปรับตัวค่ะสร้างภุมิคุ้มกันให้กับตัวเองเลยต้องหาเพื่อนที่เกเรๆอยู่ด้วยกันค่ะ เราจะเป็นคนที่เวลาโกหกแล้วทุกคนจะเชื่อค่ะ
เพราะเราพูดหน้านิ่งมาก 5555 แต่พอพูดความจริงเพื่อนกลับไม่เชื่อค่ะ เอ๊ะยังไง
เราเลยโกหกเป็นไปเลยค่ะ เราก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องที่ผิดนะตอนนั้น เราคิดว่าเราโกหกเพื่อนที่ให้ตัวเองอยู่รอดในสังคมแบบนี้
ตอนนั้นเราอยู่ ป.6 แต่เราบอกเพื่อนๆว่าเราอ่ะ จริงๆอายุ 14 แล้วน้ะ คือโกหกให้ดุอายุเยอะกว่าเพื่อนๆในรุ่นเดียวกันหรือแม้แต่รุ่นพี่ค่ะ เพราะแบบนี้ เราเลยมีเพื่อน ตั้งแต่ ป.6 ม.1 ม.2 ค่ะ โดยเราจะไม่เรียกใครว่าพี่เลย ทำให้ทุกคนรู้ค่ะว่าเราก็เจ๋งพอตัว พวกเธออย่าได้มาหาเรื่องฉันเชียวว ตอนนั้นก้หนีเที่ยวบ้างค่ะ โดดเรียนบ้าง ไม่กลับบ้านบ้าง พาเพื่อนไปหาผู้ชายบ้าง ( ตอนป.6 แม่ซื้อ มีโอให้ค่ะ เป็นของขวัญวันเกิด เราเลยกลายเป็นมีมอไซขับจะไปไหนก็ได้แว้นให้สุด 555) แต่ไม่หนักถึงขั้นเล่นยานะคะ ก้จะมีแค่กินเหล้า สูบบุหรี่บ้างจำได้ว่าเคยสูบแค่ครั้งเดียวในชีวิตเพราะรู้ว่าถ้าสูบต่อไปเรื่อยๆต้องติดแน่นอนเลยเลือกที่จะหยุดค่ะเหมือนเป็นการลองให้รู้มากกว่าแถมไม่ดีต่อปอดตอนแก่ด้วยคือคิดไว้ว่าคงต้องอยู่คนเดียว ไม่มีคนมาดูแลตอนแก่ไรแบบนี้ เศร้าา นอกจากเรื่องเกเรแล้วก็มีเรื่องผู้ชายเข้ามาค่ะ คงปกติเนอะสำหรับสาวๆที่เป็นแบบนี้ แน่นอนค่ะจะหวังหารักจริงคงไม่ได้แน่ๆ เราก็เลยคุยเล่นๆไปค่ะเพื่อเป็นการเพิ่มเกียรติศัพท์ของเราให้รู้ไปทั่ว 7 ย่านน้ำ เอ้ออขนาดนั้นเลย คือเเบบว่าป๊อปมาก คือทำให้คนใน รร รู้จักเราให้มากที่สุดอะค่ะ แต่เราจะไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่ก้ได้แต่ยิ้มๆ เราจะรู้จักแค่เพื่อนๆในกลุ่มหรือในห้องค่ะ และเมื่อชื่อเสียงเรามันไปก่อนตัวแบบนี้ มันเลยทำให้เราได้ที่นั่งแบบ VIP บนรถรับส่งของเรา 5555 รถรับส่งของ รร ที่เรานั่งเป็นเหมือนรถบัสคันสีเหลืองค่ะ ข้างหน้าก้จะเป็นที่นั่งของน้องๆค่ะ หลังๆพวก ม.ต้นจะนั่งกัน แล้วถ้าไม่เก๋าจริงจะโดนเบียดให้ไปนั่งข่างหลังสุดค่ะแบบแออัดมาก เราจะนั่งตรงข้างหลังที่เป็นทางเดินลงรถค่ะ ที่เป็นเบาะติดกัน 2 เบาะ เราก้ให้เพื่อนเรามานั่งด้วยบ้าง น้องบ้าง แล้วแต่อารม เป็นผู้หญิงจิตใจดีที่เเสร้งทำตัวเป็นนางตัวแสบนะคะ
แล้วก็มีวันนึงค่ะ เราเริ่มรู้สึกว่าเราได้เจอกับผู้ชายคนนึง เป็นรุ่นพี่ของเราเองค่ะ อยู่ ม.2 (จากที่ไปสืบมา) แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่เหมือนกับเราบังเอิญเจอเค้าบ่อยมากจากข้างนอก รร นะคะ ร้านเกมบ้าง ข้างทางบ้าง รถสองแถวบ้าง เราก็เริ่มมองเค้าเวลาอยู่ใน รร ด้วย เริ่มสนใจว่างั้นเถอะ เราก้ไปสืบอีกถึงได้รู้ว่าเพื่อนม.2 ที่นั่งอยู่บนรถรับส่งคันเดียวกับเราคือเพื่อนของผู้ชายคนนี้ค่ะ เรียนห้องเดียวกัน เราก็แบบแอบกรี้ดในใจพร้อมกับวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์
เพื่อน ม.2 ขอเรียกว่านายนะคะ
เราก็เลยถามนายเลยว่าเพื่อนนายชื่ออะไร นายก้บอกชื่อ
แบงค์ ใช่ค่ะคนที่เราชอบชื่อเเบงค์ (แต่ขี้เกียดพิมพ์ ค์ เลยขอตัดไปนะคะ ขอพิมพ์ว่า เเบง พอ) เราก็ถามต่อว่าใช้คนเดียวกันรึป่าว ทันใดนั้นแบงก้เดินผ่านมาพอดีค่ะ นายเลยถือโอกาศเรียกเพื่อนมาหาเลยถึงที่ ตอนนั้นคือแบบเขิลมากแต่ด้วยที่ว่าเราต้องคีพลุคไงก้ทำหน้านิ่งๆไป โดนเราก้ทำท่าเออออแบบไม่ให้นายบอกแบงกับเรื่องที่เราถามวันนี้ค่ะ เขาก้คุยกับพักนึงแล้วแบงก็จากไปปป
นับตั้งแต่วันนั้นเราก็ได้นายนี่แหละค่ะ ช่วยเป็นพ่อสื่อให้เรา 5555 ตอนนั้นเหมือน hi5 ยังมีอยู่นะ เราก็เลยขอ hi5แบง มาส่องบ้างไรบ้าง เราก็แอบชอบเค้าแบบแอบๆจนขึ้น ม.1 ค่ะ
พอขึ้นชั้น ม.1 แบงก้อยู่ ม.3 แล้วค่ะ จำได้ว่าเราหนีแม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆโดยเอารถ น้าเราไปซึ่งน้าก็รุ้ค่ะว่าเราจะหนีไปเที่ยว น้าก็เข้าใจและกำชับว่าให้รีบกลับบ้านด้วย โดยรถที่เอาไปเป็นรถน้าค่ะ ก็นั่งซ้อนเพื่อนไปค่ะให้เพื่อนขับ ไปกันเพื่อบ 10 คนค่ะ ผู้ชายบ้าง หญิงบ้าง แต่เพื่อนก้ดันพาเราไปล้มค่ะตรงทราย คือหงุดหงิดมากเราน่าจะช้ำๆแต่ไม่มีแผลถลอกค่ะ เราเลยบอกเพื่อนว่าเราจะขับต่อเอง เราก็ลากยาวเลยค่ะจนถึงที่หมาย ก็ไปขับรถเล่น นั่งชิว กินนู้นนี่บ้าง แต่เหมือนจะต้องไปรับเพื่อนอีกคนที่อยู่แถวนั้นค่ะ ก็เลยเฉลี่ยกิ๊กของเพื่อนเรามาเป็นคนขับแทน ส่วนเรานั่งซ้อนท้ายค่ะ พอรับเพื่อนเสร็จเราก็กะจะไปเที่ยวอีกที่นึงค่ะ พวกเราก็เข้าโค้งค่ะโดนขับนำ แต่มีรถกระบะคันนึงขับเฉี่ยวพวกเราค่ะ รถเลยล้มอีกคราวนี้คือยับเยินมาก รถน้าด้วย ตอนนั้นรู้สึกได้เลยว่าตัวโดนลากไปยาวมากกลิ้งเป็นลูกขนุนเลย พอหลุดกลิ้งก้เริ่มมีสติค่ะ สิ่งแรกที่ลุกขึ้นมาคือเดินหารองเท้าค่ะ 5555 ก็ไม่เข้าใจทำไมต้องหารองเท้าคืออาจจะยังไม่รู้สึกเจบด้วย แต่พอลงนั่งกับที่เท่านั้นแหละก้เหนเลยว่าเปนแผลถลอกตรงไหนบ้าง ฝั่งขวาเราตั้งแต่ข้อเท้า หัวเข่า ข้อศอก หัวใหล่ ถลอกจ้า เลือดไหลแต่แผลที่หนักสุดน่าจะเป็นตรงข้อเท้าเพราะแผลลึกสุดค่ะ เพื่อนเราก็เป็นแผลที่เท้าลึกมาก กับกิ๊กเพื่อน ก็ดูเหมือนจะหนักสุด เพื่อนบางส่วนตอนเห็นเราล้มก็พยายามกันรถข้างหลังให้ค่ะ แล้วก็ขับตามรถกระบะที่เฉี่ยวชนเราด้วยแต่หาไม่เจอ ส่วนสภาพรถก็หนักเอาการค่ะ เกือบขับกลับไม่ได้เพราะล้อรถซี่หลุดเกือบหมดเลยค่ะ เราก็เลยต้องนั่งแยกคนละคัน จำได้ว่าเรานั่งซบไหล่กิ๊กอีกคนของเพื่อนเรามาค่ะ (เพื่อนก้จะกิ๊กเยอะไปไหน) คือตอนนั้นร้อนมากแดดนี่ทำให้แสบผิวไปหมด ก็ขับพากันกลับมาที่โรงพยาบาลแถบบ้านค่ะไม่ใกล้แต่ก้ไม่ไกล ก็ทำแผลกันหมอก็อารมณ์ดีมากชวนคุยนู้นนี่ก็ดีค่ะ ทำให้เราไม่ได้สนใจตรงที่เขาทำความสะอาดแผลซักเท่าไหร่ ก็ห่อผ้าผันแผลมาอย่างกับมัมมี่เลยค่ะ เหมือนเราจะดูแผลเยอะสุดแต่แค่ถลอกๆ ส่วนเพื่อนเราหนักกว่าเราตรงที่เเผลมันมึกค่ะ ส่วนกิ๊กมันหลักสุด พอพวกเราทำแผลเสดก็จ่ายค่าทำแผลกันไปค่ะแล้วก็มานั่งคุยกันว่าจะกลับยังไงดีเพราะรถก็ดูเหมือนจะไปไม่รอดแล้ว เราเลยจอดรถไว้ที่โรงพยาบาลค่ะ แล้สเรากับเพื่อนก็นั่งรถสองแถวกลับบ้าน เพราะบ้านอยุ่ใกล้ๆกัน พอไปถึงบ้านแม่ก็ตะลึงเลยจ้า ไม่ไม่ถามไม่คุยไม่ไรเลย ถามแค่ว่าแล้วรถน้าอยู่ไหน ก็บอกไปว่าจอดไว้ที่โรงพยาบาล แม่ก็ให้น้าไปเอาค่ะ ส่วนเราวันนั้นคือปวดแผลมากเหมือนจะติดเชื้อ และมีไข้ขึ้น (โรงพยาบาลที่เราไปทำแผลเป็นของรัฐค่ะ) แม่ก็ให้น้าเอาข้าว เอายา มาให้กิน สรุปคืนนั้นไม่ไหวค่ะ ต้องมาโรงบาลเอกชนเพื่อทำแผลใหม่แม่ก้บ่นตลอดทางที่มาส่งเลย ทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห เราก็ไปตรงห้องฉุกเฉินค่ะ พี่พยาบาลก็ทำแผลให้ คือมือเบามากกกกกเรานี่นั่งชิวไปเลย ช่วงสองสัปดาห์แรกเรามาทำแผลทุกวันค่ะ หลังก็ สอง สาม วัน ล้างแผลครั้ง ตอนไปโรงเรียนทุกคนก็เอาเรื่องของพวกเราที่รถล้มไปโม้ต่างๆนาๆค่ะ เหมือนช่วงสัปดาห์แรกเราจะไม่ไม่ได้ไปเรียนด้วย เพราะเดินไม่ไหว แผลตึงมาก ทำอะไรก็ลำบาก แม่ก็เริ่มไม่อยากให้คบเพื่อนผู้หญิงคนนี้ค่ะเพราะอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่ปัญหา ส่วนแม่เพื่อนเราก็ไม่อยากให้คบเราเพราะเหตุผลเดียวกัน 55555 คือ ตอนนั้นบ้านเรากับเพื่อนก็ถือว่ามีกินมีใช้อะคะ คือจากเด็กดีๆก็เสียไปกับเพื่อน แต่เราก็โนสนโนแคร์ค่ะ เราก้ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ พอมาโรงเรียนก็มีเพื่อนมาเล่าให้ฟังบ้างว่าเรารถล้มหน้าแหกนุ้นนี่ เราก็ฟังค่ะแต่ก็หาได้แคร์ไม่ คือเรื่องมันดังมากจนอาจารย์ห้องปกครองตั้งฉายาให้ว่า เหม่ยหลินห้าวเป้ง 5555 เพราะหมวยด้วยแถมตอนนั้นสาระเนห้าวเป้งกำลังดังพอดี พอผ่านเหตุการ์นี้ไปได้เราเลยตัดสินใจกับตัวเองว่า ควรจะเลิกนิสัยแบบนี้ได้แล้ว เราก็เริ่มไม่ไปเที่ยวแล้วค่ะ แต่ก็ยังคุยกับเพื่อนเหมือนเดิม รอบนี้เราก็ตัดผู้ชายที่เราคุยด้วยทุกคนทิ้งไปเลยค่ะ กลายเป็น 0 เราก็เริ่มมาขอเบอแบงจากนายค่ะ นายก็ให้มา เราก็ถือโอกาศโทรไปคุยกับเเบงเลย อาจจะไม่ได้คุยไรนานมากแบบเป็นชั่วโมงๆก็แค่โทรถามว่าเป็นไง ทำไร กินข้าวรึยังก็คำถามทั่วไปค่ะ เราก็เริ่มสนิทกันขึ้นระดับนึง เหมือนค่อยเป็นค่อยไป ตอน ม.3จำได้ว่าแบงจะไปเต้นบีบอยด้วย จากที่เเบบไม่ค่อยมีคนรู้จัก สาวๆใน รร ก็รู้จักกันมากขึ้น ช่วงเวลานั้นนี่คือเหมือนแบบเขาจะไปคบใครไหมเนี่ย จะได้แฟนไหม เราคิดหนักมากเพราะตอนนั้นที่คุยกับเเบงเหมือนเเบงเองก็แอบชอบใครสักคนอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รุ้ว่าเป็นใคร เราเลยโนสนโนแคร์ต่อไปค่ะ 555 ช่วงนั้นการเรียนเราอยู่ขั้นวิกฤตมาก คืออยู่ห้อง 1 สายวิทย์ คณิต อังกฤษค่ะ คือไม่รุ้ว่าวัดผลแล้วคะแนนมาอยู่ห้องนี้ได้ไง สรุปคือเป็นคนฉลาดค่ะแต่ไม่รุ้ตัว คิคิ วันนึ่งครุก็เริ่มบ่นค่ะ ว่าถ้าเกรดยังตกอยู่แบบนี้จะย้ายให้ไปอยู่ห้อง 4 ค่ะ เราก็แบบเหมือนต้องหึ้บแล้วตั้งใจเรียน แต่เราก็มีหลับในคาบบ้างไรบ้างเป็นธรรมดา ใช่หรอ?

พอเลิกเรียนเราก็กลับบ้านปกติค่ะเดินเข้าซอยมา แต่วันนี้เราเดินตามหลังผู้ชายคนนึงค่ะ เราก็เดินมองตามเขาไปเรื่อยๆ น่าจะเป็นเด็ก รร เอกชนเหมือนกันค่ะ เพราะใส่กางเกงสีฟ้า อยู่ดีๆเขาก็เดินเข้าไปทางโพรงป่าข้างหมู่บ้านค่ะ เราก็แบบเริ่มสงสัยเอ้าทำไมเดินไปทางนั้นละ เราก็หยุดเดินแล้วมองเขาค่ะ เขาก็เดินดรงไปทางกำแพงข้างหมู่บ้านแล้วก็กระโดนปีนข้ามไปเลย เราก็ทำหน้างงๆแล้วเดินเข้าทางหมู่บ้านไปค่ะเพราะบ้านเราอยู่ซอยแรกๆ ช่วงนี้จำไม่ค่อยได้ว่าคุยอะไรกับแบงไปบ้าง ก็คือยังคุยๆกันค่ะ สถาณะก็คงเป็นเพื่อนที่สามารถคุยได้ทุกเรื่องต่อกัน จะว่าสทินก้ไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราก็ไม่หมดหวังค่ะยังคงเตาะต่อไป

มีวันนึงค่ะนายกับเพื่อนอีกคนที่เรารู้จักค่ะชื่อบาสก็ดันมาหาเราที่บ้าน ก่อนหน้านี้เราก็เคยบอกนายไปค่ะว่าซอยบ้านเราอยู่ซอยนี้แต่ก็ยังงงๆอยู่ว่ามาหาทำไม เอ้อแม่เราเปิดร้านทำผมนะคะ ตอนนั้นแม่ทำงานหลายอย่างมาก คือเปิดร้านแล้วให้ลูกจ้างไปขายแทนไรแบบนี้ ส่วนแม่ก็เปิดร้านทำผมที่บ้านค่ะ นายก็เลยพูดขำว่าสระผมให้หน่อยได้ไหม เราก็แบบเอิ่มม ได้ๆ

ถือว่าเคยช่วยเรื่องเเบงไง 555 บุญคุณต้องทดแทน วันนั้นหลังบ้านเราคือเปียกมาก เพราะระหวางที่เราสระผมให้นาย บาสก้เอาผักบัวมาฉีดน้ำใส่นายแทนแล้วก็เปียกคนสระผมให้เขาอย่างเราด้วย สระเสร็จปุ๊ป ไม่รุ้ว่าให้มาสระผมให้หรืออาบน้ำกันแน่ เราก็เลยถามนายไปสรุปที่มาหาเนี้ย มาทำไม นายก็บอกว่าพอดีบ้านเเบงอยู่ซอนข้างในนี้ ก็เลยมาแวะรับไปข้างนอกด้วยกัน ในใจเราตอนนี้แบบ

โลกชมพูมาก 555555 อยากจะก้มไปกราบแม่เลยทีเดียว แบบหลายคนอาจสงสัยแบบคือคุยกับแบงมาไม่เคยคิดจะถามบ้านเขาเลยหรอว่าอยู่ไหน คือ แบงจะมีนิสัยคล้ายๆเราอยู่ส่วนนึงค่ะ แล้วเราจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกันถ้าไม่ได้รับอนุญาติจากอีกคน เรื่องที่อยู่ไรแบบนี้เราก็จะไม่ถามค่ะ สุดท้ายเราก็มารุ้ทีหลังว่าผู้ชายที่นานๆครั้งเราจะแอบเดินตามเขาตอนกลับบ้านหรือเขาเดินตามเราบ้าง คือ แบง ค่ะทุกคนนนน

ช่วงนั้นคือมีความสุขมากค่ะ แค่เดินตามหลังก่อนเข้าบ้านก้ฟินแล้ว 5555 มองเหนแค่ด้านหลังจะรู้เลยว่าเป็นแบง เรื่องช่วง ม.1 ก็จบเท่านี้ค่ะ เราก็ยังคงเตาะเค้าต่อไป
ต่อในคอมเม้นนะคะ
เคยชอบใครมากๆจนอยากให้แม่ไปขอไหม 5555
อย่างแรกต้องขอโทษไว้เลยถ้าหากพิมพ์ผิดค่ะ 5555
เราชื่อแบม ตอนนี้เราอายุ 21 แล้ว อยู่ชั้นปีที่ 4 ค่ะ กำลังจะเรียนจบ (หวังว่านะ)
เราจะมาเล่าเรื่องราวความรักของเราให้เพื่อนๆฟังและอยากอ่านคอมเม้นของเพื่อนๆด้วยค่ะ
ว่าเราควรจะทำยังไงดีกับชีวิตที่แสนมึนงงนี้
เรื่องทั้งหมดเริ่มมาตั้งแต่ตอนเราอยู่ ป.6ค่ะ น่าจะปี 2008
ตอนนั้นเราเป็นเด็กผู้หญิงห้าวๆ เกเรๆคนนึงค่ะ จริงๆเราเปนคนเรียบร้อยนะ ออกไปทางเงียบๆโลกส่วนตัวสูงซะด้วยซ้ำ หน้าจะแบบนิ่งๆเหมือนคนง่วงตลอด
เพื่อนจะชอบเเซวว่า ตื่นรึยัง 555 อาจจะเป็นเพราะตาตี๋ด้วยอารมสาวหมวย + กับมีพ่อเป็นคนญี่ปุ่นด้วย หน้าเราเลยออกไปทางพ่อทั้งตระกลูเหมือนมีเราตาตี๋อยู่คนเดียว ผ่าเหล่ามากกก
เหตุผลหลักๆเลยที่เราเลือกจะทำตัวเกเรเพราะสังคมเพื่อนค่ะ ถ้าทำตัวอ่อนแอจะโดนคนอื่นรังแกได้ซึ่งเป็นเรื่องที่เราโดนมาหนักมากตอนเด็กๆมันเกินกว่าที่เราจะรับไหวจริงๆ เราเลยต้องปรับตัวค่ะสร้างภุมิคุ้มกันให้กับตัวเองเลยต้องหาเพื่อนที่เกเรๆอยู่ด้วยกันค่ะ เราจะเป็นคนที่เวลาโกหกแล้วทุกคนจะเชื่อค่ะ
เพราะเราพูดหน้านิ่งมาก 5555 แต่พอพูดความจริงเพื่อนกลับไม่เชื่อค่ะ เอ๊ะยังไง
เราเลยโกหกเป็นไปเลยค่ะ เราก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องที่ผิดนะตอนนั้น เราคิดว่าเราโกหกเพื่อนที่ให้ตัวเองอยู่รอดในสังคมแบบนี้
ตอนนั้นเราอยู่ ป.6 แต่เราบอกเพื่อนๆว่าเราอ่ะ จริงๆอายุ 14 แล้วน้ะ คือโกหกให้ดุอายุเยอะกว่าเพื่อนๆในรุ่นเดียวกันหรือแม้แต่รุ่นพี่ค่ะ เพราะแบบนี้ เราเลยมีเพื่อน ตั้งแต่ ป.6 ม.1 ม.2 ค่ะ โดยเราจะไม่เรียกใครว่าพี่เลย ทำให้ทุกคนรู้ค่ะว่าเราก็เจ๋งพอตัว พวกเธออย่าได้มาหาเรื่องฉันเชียวว ตอนนั้นก้หนีเที่ยวบ้างค่ะ โดดเรียนบ้าง ไม่กลับบ้านบ้าง พาเพื่อนไปหาผู้ชายบ้าง ( ตอนป.6 แม่ซื้อ มีโอให้ค่ะ เป็นของขวัญวันเกิด เราเลยกลายเป็นมีมอไซขับจะไปไหนก็ได้แว้นให้สุด 555) แต่ไม่หนักถึงขั้นเล่นยานะคะ ก้จะมีแค่กินเหล้า สูบบุหรี่บ้างจำได้ว่าเคยสูบแค่ครั้งเดียวในชีวิตเพราะรู้ว่าถ้าสูบต่อไปเรื่อยๆต้องติดแน่นอนเลยเลือกที่จะหยุดค่ะเหมือนเป็นการลองให้รู้มากกว่าแถมไม่ดีต่อปอดตอนแก่ด้วยคือคิดไว้ว่าคงต้องอยู่คนเดียว ไม่มีคนมาดูแลตอนแก่ไรแบบนี้ เศร้าา นอกจากเรื่องเกเรแล้วก็มีเรื่องผู้ชายเข้ามาค่ะ คงปกติเนอะสำหรับสาวๆที่เป็นแบบนี้ แน่นอนค่ะจะหวังหารักจริงคงไม่ได้แน่ๆ เราก็เลยคุยเล่นๆไปค่ะเพื่อเป็นการเพิ่มเกียรติศัพท์ของเราให้รู้ไปทั่ว 7 ย่านน้ำ เอ้ออขนาดนั้นเลย คือเเบบว่าป๊อปมาก คือทำให้คนใน รร รู้จักเราให้มากที่สุดอะค่ะ แต่เราจะไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่ก้ได้แต่ยิ้มๆ เราจะรู้จักแค่เพื่อนๆในกลุ่มหรือในห้องค่ะ และเมื่อชื่อเสียงเรามันไปก่อนตัวแบบนี้ มันเลยทำให้เราได้ที่นั่งแบบ VIP บนรถรับส่งของเรา 5555 รถรับส่งของ รร ที่เรานั่งเป็นเหมือนรถบัสคันสีเหลืองค่ะ ข้างหน้าก้จะเป็นที่นั่งของน้องๆค่ะ หลังๆพวก ม.ต้นจะนั่งกัน แล้วถ้าไม่เก๋าจริงจะโดนเบียดให้ไปนั่งข่างหลังสุดค่ะแบบแออัดมาก เราจะนั่งตรงข้างหลังที่เป็นทางเดินลงรถค่ะ ที่เป็นเบาะติดกัน 2 เบาะ เราก้ให้เพื่อนเรามานั่งด้วยบ้าง น้องบ้าง แล้วแต่อารม เป็นผู้หญิงจิตใจดีที่เเสร้งทำตัวเป็นนางตัวแสบนะคะ
เราก็เลยถามนายเลยว่าเพื่อนนายชื่ออะไร นายก้บอกชื่อ แบงค์ ใช่ค่ะคนที่เราชอบชื่อเเบงค์ (แต่ขี้เกียดพิมพ์ ค์ เลยขอตัดไปนะคะ ขอพิมพ์ว่า เเบง พอ) เราก็ถามต่อว่าใช้คนเดียวกันรึป่าว ทันใดนั้นแบงก้เดินผ่านมาพอดีค่ะ นายเลยถือโอกาศเรียกเพื่อนมาหาเลยถึงที่ ตอนนั้นคือแบบเขิลมากแต่ด้วยที่ว่าเราต้องคีพลุคไงก้ทำหน้านิ่งๆไป โดนเราก้ทำท่าเออออแบบไม่ให้นายบอกแบงกับเรื่องที่เราถามวันนี้ค่ะ เขาก้คุยกับพักนึงแล้วแบงก็จากไปปป
นับตั้งแต่วันนั้นเราก็ได้นายนี่แหละค่ะ ช่วยเป็นพ่อสื่อให้เรา 5555 ตอนนั้นเหมือน hi5 ยังมีอยู่นะ เราก็เลยขอ hi5แบง มาส่องบ้างไรบ้าง เราก็แอบชอบเค้าแบบแอบๆจนขึ้น ม.1 ค่ะ
พอขึ้นชั้น ม.1 แบงก้อยู่ ม.3 แล้วค่ะ จำได้ว่าเราหนีแม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆโดยเอารถ น้าเราไปซึ่งน้าก็รุ้ค่ะว่าเราจะหนีไปเที่ยว น้าก็เข้าใจและกำชับว่าให้รีบกลับบ้านด้วย โดยรถที่เอาไปเป็นรถน้าค่ะ ก็นั่งซ้อนเพื่อนไปค่ะให้เพื่อนขับ ไปกันเพื่อบ 10 คนค่ะ ผู้ชายบ้าง หญิงบ้าง แต่เพื่อนก้ดันพาเราไปล้มค่ะตรงทราย คือหงุดหงิดมากเราน่าจะช้ำๆแต่ไม่มีแผลถลอกค่ะ เราเลยบอกเพื่อนว่าเราจะขับต่อเอง เราก็ลากยาวเลยค่ะจนถึงที่หมาย ก็ไปขับรถเล่น นั่งชิว กินนู้นนี่บ้าง แต่เหมือนจะต้องไปรับเพื่อนอีกคนที่อยู่แถวนั้นค่ะ ก็เลยเฉลี่ยกิ๊กของเพื่อนเรามาเป็นคนขับแทน ส่วนเรานั่งซ้อนท้ายค่ะ พอรับเพื่อนเสร็จเราก็กะจะไปเที่ยวอีกที่นึงค่ะ พวกเราก็เข้าโค้งค่ะโดนขับนำ แต่มีรถกระบะคันนึงขับเฉี่ยวพวกเราค่ะ รถเลยล้มอีกคราวนี้คือยับเยินมาก รถน้าด้วย ตอนนั้นรู้สึกได้เลยว่าตัวโดนลากไปยาวมากกลิ้งเป็นลูกขนุนเลย พอหลุดกลิ้งก้เริ่มมีสติค่ะ สิ่งแรกที่ลุกขึ้นมาคือเดินหารองเท้าค่ะ 5555 ก็ไม่เข้าใจทำไมต้องหารองเท้าคืออาจจะยังไม่รู้สึกเจบด้วย แต่พอลงนั่งกับที่เท่านั้นแหละก้เหนเลยว่าเปนแผลถลอกตรงไหนบ้าง ฝั่งขวาเราตั้งแต่ข้อเท้า หัวเข่า ข้อศอก หัวใหล่ ถลอกจ้า เลือดไหลแต่แผลที่หนักสุดน่าจะเป็นตรงข้อเท้าเพราะแผลลึกสุดค่ะ เพื่อนเราก็เป็นแผลที่เท้าลึกมาก กับกิ๊กเพื่อน ก็ดูเหมือนจะหนักสุด เพื่อนบางส่วนตอนเห็นเราล้มก็พยายามกันรถข้างหลังให้ค่ะ แล้วก็ขับตามรถกระบะที่เฉี่ยวชนเราด้วยแต่หาไม่เจอ ส่วนสภาพรถก็หนักเอาการค่ะ เกือบขับกลับไม่ได้เพราะล้อรถซี่หลุดเกือบหมดเลยค่ะ เราก็เลยต้องนั่งแยกคนละคัน จำได้ว่าเรานั่งซบไหล่กิ๊กอีกคนของเพื่อนเรามาค่ะ (เพื่อนก้จะกิ๊กเยอะไปไหน) คือตอนนั้นร้อนมากแดดนี่ทำให้แสบผิวไปหมด ก็ขับพากันกลับมาที่โรงพยาบาลแถบบ้านค่ะไม่ใกล้แต่ก้ไม่ไกล ก็ทำแผลกันหมอก็อารมณ์ดีมากชวนคุยนู้นนี่ก็ดีค่ะ ทำให้เราไม่ได้สนใจตรงที่เขาทำความสะอาดแผลซักเท่าไหร่ ก็ห่อผ้าผันแผลมาอย่างกับมัมมี่เลยค่ะ เหมือนเราจะดูแผลเยอะสุดแต่แค่ถลอกๆ ส่วนเพื่อนเราหนักกว่าเราตรงที่เเผลมันมึกค่ะ ส่วนกิ๊กมันหลักสุด พอพวกเราทำแผลเสดก็จ่ายค่าทำแผลกันไปค่ะแล้วก็มานั่งคุยกันว่าจะกลับยังไงดีเพราะรถก็ดูเหมือนจะไปไม่รอดแล้ว เราเลยจอดรถไว้ที่โรงพยาบาลค่ะ แล้สเรากับเพื่อนก็นั่งรถสองแถวกลับบ้าน เพราะบ้านอยุ่ใกล้ๆกัน พอไปถึงบ้านแม่ก็ตะลึงเลยจ้า ไม่ไม่ถามไม่คุยไม่ไรเลย ถามแค่ว่าแล้วรถน้าอยู่ไหน ก็บอกไปว่าจอดไว้ที่โรงพยาบาล แม่ก็ให้น้าไปเอาค่ะ ส่วนเราวันนั้นคือปวดแผลมากเหมือนจะติดเชื้อ และมีไข้ขึ้น (โรงพยาบาลที่เราไปทำแผลเป็นของรัฐค่ะ) แม่ก็ให้น้าเอาข้าว เอายา มาให้กิน สรุปคืนนั้นไม่ไหวค่ะ ต้องมาโรงบาลเอกชนเพื่อทำแผลใหม่แม่ก้บ่นตลอดทางที่มาส่งเลย ทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห เราก็ไปตรงห้องฉุกเฉินค่ะ พี่พยาบาลก็ทำแผลให้ คือมือเบามากกกกกเรานี่นั่งชิวไปเลย ช่วงสองสัปดาห์แรกเรามาทำแผลทุกวันค่ะ หลังก็ สอง สาม วัน ล้างแผลครั้ง ตอนไปโรงเรียนทุกคนก็เอาเรื่องของพวกเราที่รถล้มไปโม้ต่างๆนาๆค่ะ เหมือนช่วงสัปดาห์แรกเราจะไม่ไม่ได้ไปเรียนด้วย เพราะเดินไม่ไหว แผลตึงมาก ทำอะไรก็ลำบาก แม่ก็เริ่มไม่อยากให้คบเพื่อนผู้หญิงคนนี้ค่ะเพราะอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่ปัญหา ส่วนแม่เพื่อนเราก็ไม่อยากให้คบเราเพราะเหตุผลเดียวกัน 55555 คือ ตอนนั้นบ้านเรากับเพื่อนก็ถือว่ามีกินมีใช้อะคะ คือจากเด็กดีๆก็เสียไปกับเพื่อน แต่เราก็โนสนโนแคร์ค่ะ เราก้ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ พอมาโรงเรียนก็มีเพื่อนมาเล่าให้ฟังบ้างว่าเรารถล้มหน้าแหกนุ้นนี่ เราก็ฟังค่ะแต่ก็หาได้แคร์ไม่ คือเรื่องมันดังมากจนอาจารย์ห้องปกครองตั้งฉายาให้ว่า เหม่ยหลินห้าวเป้ง 5555 เพราะหมวยด้วยแถมตอนนั้นสาระเนห้าวเป้งกำลังดังพอดี พอผ่านเหตุการ์นี้ไปได้เราเลยตัดสินใจกับตัวเองว่า ควรจะเลิกนิสัยแบบนี้ได้แล้ว เราก็เริ่มไม่ไปเที่ยวแล้วค่ะ แต่ก็ยังคุยกับเพื่อนเหมือนเดิม รอบนี้เราก็ตัดผู้ชายที่เราคุยด้วยทุกคนทิ้งไปเลยค่ะ กลายเป็น 0 เราก็เริ่มมาขอเบอแบงจากนายค่ะ นายก็ให้มา เราก็ถือโอกาศโทรไปคุยกับเเบงเลย อาจจะไม่ได้คุยไรนานมากแบบเป็นชั่วโมงๆก็แค่โทรถามว่าเป็นไง ทำไร กินข้าวรึยังก็คำถามทั่วไปค่ะ เราก็เริ่มสนิทกันขึ้นระดับนึง เหมือนค่อยเป็นค่อยไป ตอน ม.3จำได้ว่าแบงจะไปเต้นบีบอยด้วย จากที่เเบบไม่ค่อยมีคนรู้จัก สาวๆใน รร ก็รู้จักกันมากขึ้น ช่วงเวลานั้นนี่คือเหมือนแบบเขาจะไปคบใครไหมเนี่ย จะได้แฟนไหม เราคิดหนักมากเพราะตอนนั้นที่คุยกับเเบงเหมือนเเบงเองก็แอบชอบใครสักคนอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รุ้ว่าเป็นใคร เราเลยโนสนโนแคร์ต่อไปค่ะ 555 ช่วงนั้นการเรียนเราอยู่ขั้นวิกฤตมาก คืออยู่ห้อง 1 สายวิทย์ คณิต อังกฤษค่ะ คือไม่รุ้ว่าวัดผลแล้วคะแนนมาอยู่ห้องนี้ได้ไง สรุปคือเป็นคนฉลาดค่ะแต่ไม่รุ้ตัว คิคิ วันนึ่งครุก็เริ่มบ่นค่ะ ว่าถ้าเกรดยังตกอยู่แบบนี้จะย้ายให้ไปอยู่ห้อง 4 ค่ะ เราก็แบบเหมือนต้องหึ้บแล้วตั้งใจเรียน แต่เราก็มีหลับในคาบบ้างไรบ้างเป็นธรรมดา ใช่หรอ?
ต่อในคอมเม้นนะคะ