.
แน่นอนว่าผลการแข่งขันเมื่อคืนที่ไม่เป็นใจ ส่งผลให้สถานะจ่าฝูงหลุดมือ อาจจะยังไม่ส่งเสียหายผลร้ายแรงต่อการลุ้นแชมป์ต่อลูกทีมของ เป็บ กวาดิโอล่า แต่หลังจากความผ่ายแพ้นัดแรกของ แมน ซิตี้ ก็ทำให้บรรดาทีมทุกทีม โดยเฉพาะทีมใหญ่ๆ ที่เรียกกันว่า Big5 Big6 หรือ Big7 Big8 และ
Big..ไปเรื่อยๆ(สุดที่แมนยูจะไปอยู่ที่อันดับใด) ทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีคเหล่านั้นได้รู้ว่า ต่อไปนี้..ไม่มีทีมคู่แข่งใดที่ไร้เทียมทาน ไม่มีทีมคู่ต่อสู้ใดที่เกินต้านและแพ้ไม่เป็น แน่นอนว่าการยัดเยียดความปราชัยให้กับแมนซิตี้โดยเซลซี มิได้ทำให้ความแข็งแกร่งของซิตี้ลดทอนลง
แต่มันก็ทำให้ความยำเกรงที่ทีมเรือใบเคยมีต่อทีมอื่นๆ โดยเฉพาะทีมใหญ่ เห็นอยู่สองปัจจัยที่ทำให้ความน่ากลัวของซิตี้ลดลงแน่ๆ
ปัจจัยแรกที่อาจส่งผลต่อซิตี้ คือ เรื่องของตัวผู้เล่น
เพราะมีใหญ่ทีมอื่นก็มีศักยภาพในเรื่องตัวผู้เล่นสูงพอจะสู้ได้ ถึงแม้จะไม่เทียบเท่า แต่ก็ไม่ได้ถูกทิ้งจนถึงขนาดต่างชั้นต่างระดับกันจนสู้กันไม่ได้ ยิ่งในยามที่ซิตี้ขาดกำลังหลักหรือผู้เล่นคนสำคัญ ความเหลื่อมล้ำที่ซิตี้ดูว่าเหนือกว่าทีมอื่นๆ ก็ลดเลเวลมาอยู่ในระดับที่สู้กันได้
ในเกมส์เมื่อคืน ศูนย์หน้าตัวความหวังสูงสุดของซิตี้ อย่าง กุน อเกวโร่ หรือตัวทำเกมส์ตัวอันตราย อย่าง เควิน เดอบรอย ไม่ได้ลงสนาม แม้ซิตี้จะยังครองเกมส์ได้เหนือกว่าเซลซี แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ถนัดนัก การจะฝ่าปราการหลังที่แข็งแกร่งของเซลซีเข้าไปสร้างสรรค์โอกาสไม่ใช่งานง่ายเลยของนักเตะหนุ่มรุ่นกระทง อย่าง กาเบรียล เซซุส ลีรอย ซาเน่ หรือ ราฮีม สเตอริ่ง ถึงพอจะมีความวูบวาบให้เห็นบ้าง แต่ก็เอาชนะความเก๋าความเขี้ยวของแผงแบ๊คโฟร์ของเซลซีไม่ได้ แถมเมื่อเซลซีมีมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลกอย่าง กองเต้ คอยสกรีนให้ ความอันตรายของซิตี้ ยามไม่มี กุน ยืนค้ำ กับ เดอบรอย คอยทำเกมส์
ยิ่งเห็นได้ชัด ว่าไม่อันตรายเท่าเก่า
แน่นอนว่าคุณภาพฝีเท้าของตัวนักเตะเมื่อคืนของซิตี้ นั้นดีพอจะตบเด็ก หรือเก็บแต้มจากทีมรองบ่อนได้สบายๆ แต่ในยามที่ต้องสู้กับทีมใหญ่ หากทีมไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ฟูลออฟชั่น ลูกทีมของเป็บ ก็ต้องการอะไรมากกว่าแค่คุณภาพฝีเท้านักเตะที่คนอื่นยกย่อง แต่ไม่มีอะไรการันตรีผลลัพธ์ว่าจะเป็น ชัยชนะ แน่นอน ซึ่งนำไปสู่ปัจจัยข้อที่สอง
ปัจจัยที่สองที่อาจส่งผลต่อซิตี้ คือเรื่องแผนการเล่น
การวางแผนการเล่น แบบ”
เดินหน้าฆ่ามัน” อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดของซิตี้ ในยามที่เจอกับทีมใหญ่ บางทีแค่แต้มเดียว อาจจะมีความหมายกับเกมส์แบบนี้มากกว่า ครั้งหนึ่งเป็บก็เคยทำถูกมาแล้ว อย่างนัดที่ซิตี้ออกไปเยือนลิเวอร์พูลก่อนหน้านี้ แล้วซิตี้เล่นเพลย์เซฟไม่เปิดฉากแลกหมัดกับลิเวอร์พูล ที่มีเกมส์โต้กลับน่ากลัวเบอร์ต้นๆของโลก แล้วคว้า 1 แต้มออกมาจากแอนฟิลด์ ก็เท่ากับโยนความกดดันเข้าใส่ลิเวอร์พูล เมื่อยามต้องไปเยือน เอติฮัด ถิ่นของซิตี้ แต่นัดนี้กับเซลซีแทนที่จะเล่นแบบรัดกุมเหมือนครั้งก่อนก็ไม่ แต่เปลี่ยนมาใช้การโหมบุกจะยิงให้ได้มันก็กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้เซลซี ได้หยิบยื่นความปราชัยนัดแรกให้กับตัวเอง เหมือนไปฉุดมือเซลซี และแถมยังหยุดรอ อาเซน่อล สเปอร์ให้กลับขึ้นมามีลุ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่ควรจะเหลือคู่แข่งตอนนี้ แค่หงส์แดงเพียงทีมเดียวเท่านั้น
ทำไม...? 1 แต้มกับเกมส์ไปเยือนทีมใหญ่ ถึงได้สำคัญ โดยเฉพาะกับซิตี้ ก็เพราะทีมตัวเป็บ กวาดิโอล่า เองนั้น มีความสม่ำเสมอที่สุดในการตบเด็กแล้ว ในขณะที่ทีมคู่แข่งแย่งลุ้นแชมป์ทีมอื่นยังมีโอกาสที่จะเทกระจาดทิ้งคะแนน หรือโดนเด็กตบสวนได้ ความร้อนแรงของอูไมรี่ ความเขี้ยวของซารี่ ความกระหายของพอส หรือความเก๋าของมูริญโญ่ ต่างก็ถูกพิสูจน์แล้ว ว่าพร้อมที่จะหน้าหงายแพ้ง่ายๆได้เช่นกัน เหลือแค่โชคของคล้อปเท่านั้น ที่ยังดวงดีรอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าโชคมันไม่ได้มีกันทุกวัน และมันก็คือโอกาสคว้าแชมป์ของซิตี้ ที่ทำแค่เอาตัวรอดจากเกมส์เยือนทีมใหญ่ แล้วรอให้คู่แข่งคว่ำไปเองเพราะโดนเด็กตบ ถ้าคู่แข่งยังไม่ยอมคว่ำ ก็รอไปซ้ำเอาให้ลุกไม่ขึ้นที่ เอติฮัด บ้านของตัวเองก็ยังไม่สาย
แต่ตอนนี้ จากความผิดพลาดแค่นัดเดียว กลายเป็นเปิดโอกาสให้คู่แข่ง โดยเฉพาะหงส์แดง ลิเวอร์พูล มีโอกาสในตรรกะทำนองเดียว คือรอให้ซิตี้พลาดเพราะโดนทีมท็อปดึงคะแนน หรือไม่ก็หวังไปแย่ง 3 คะแนนที่เอติฮัด ในอีกไม่กี่นัดข้างหน้า ซึ่งถ้าหากลิเวอร์พูลทำได้ ระดับความเสียหายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเพิ่มระดับความรุนแรงไปจากนัดนี้เป็นทวีคูณ
และแน่นอนโอกาสนั้น ไม่ได้เปิดให้แค่ หงส์แดง แค่ทีมเดียว ทีมอย่าง เซลซ๊ สเปอร์ และอาเซนอล ก็ยังหวังได้เหมือนกัน เพราะซิตี้ในวันนี้นั้น ไม่ใช่ทีมที่ไร้เทียมทานอีกต่อไปแล้ว แม้กำแพงที่พวกเขาจะตั้งไว้ให้ทีมอื่นมันจะสูงตระหง่าน
แต่ก็เริ่มมีรอยร้าวที่ฐานให้เห็นบ้างแล้ว อาจจะรอใครบางทีม หรือหลายทีม ไปช่วยกันขยายรอยร้าวเพื่อพังกำแพง เพื่อเปิดเส้นทางไปสู่แชมป์ ของแต่ละทีมก็เป็นได้
ระดับความเสียหายที่ต้องกลายมาเป็นตามหลังจ่าฝูง...แค่แต้มเดียว อาจจะไม่เท่าไร
ระดับความเสียหายต่อสภาพจิตใจตัวเอง อาจจะมีไม่มาก หรือไม่มีเลยสำหรับทีมประสบการณ์สูงอย่าง ซิตี้
แต่ระดับความเสียหาย ในแง่การเพิ่มกำลังใจให้กับทีมคู่แข่ง ทีมใหญ่อื่นๆ ต้องถือว่าเสียหายมาก
ต่อไปนี้ซิตี้ต้องเจองานยากแน่ๆหากต้องเจอทีมในกลุ่มยังมีลุ้นแชมป์
ที่สำคัญตอนนี้ เป็บ ต้องหาทางสมานบาดแผลนี้ให้ไวที่สุด อย่าได้ไปพลาดโดนใครขยายแผลอีก โดยเฉพาะนัดที่จะเปิดบ้านเจอหงส์แดง หากสู้บอลดวงไม่ได้ เกิดพลาดท่าอีกที จากที่เคยดูว่าเป็นต่อ อาจจะกลายเป็นสูสีหรือตกเป็นรองเลยก็ได้
ซึ่งแน่นอนในฐานะเชียร์ทีมรอง ก็บอกตรงว่าๆ ชั่วโมงนี้มีความหวัง แม้มันจะเป็นการหวังในเชิงไสยศาสตร์ เล่นโชค เล่นดวง ก็เถอะ
หึ...หึ...หึ แล้วเจอกาน
จากมุมมองผู้ท้าชิง ระดับความเสียหายหลังเปลี่ยนผู้นำฝูง
.
แน่นอนว่าผลการแข่งขันเมื่อคืนที่ไม่เป็นใจ ส่งผลให้สถานะจ่าฝูงหลุดมือ อาจจะยังไม่ส่งเสียหายผลร้ายแรงต่อการลุ้นแชมป์ต่อลูกทีมของ เป็บ กวาดิโอล่า แต่หลังจากความผ่ายแพ้นัดแรกของ แมน ซิตี้ ก็ทำให้บรรดาทีมทุกทีม โดยเฉพาะทีมใหญ่ๆ ที่เรียกกันว่า Big5 Big6 หรือ Big7 Big8 และ Big..ไปเรื่อยๆ(สุดที่แมนยูจะไปอยู่ที่อันดับใด) ทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีคเหล่านั้นได้รู้ว่า ต่อไปนี้..ไม่มีทีมคู่แข่งใดที่ไร้เทียมทาน ไม่มีทีมคู่ต่อสู้ใดที่เกินต้านและแพ้ไม่เป็น แน่นอนว่าการยัดเยียดความปราชัยให้กับแมนซิตี้โดยเซลซี มิได้ทำให้ความแข็งแกร่งของซิตี้ลดทอนลง แต่มันก็ทำให้ความยำเกรงที่ทีมเรือใบเคยมีต่อทีมอื่นๆ โดยเฉพาะทีมใหญ่ เห็นอยู่สองปัจจัยที่ทำให้ความน่ากลัวของซิตี้ลดลงแน่ๆ
ปัจจัยแรกที่อาจส่งผลต่อซิตี้ คือ เรื่องของตัวผู้เล่น
เพราะมีใหญ่ทีมอื่นก็มีศักยภาพในเรื่องตัวผู้เล่นสูงพอจะสู้ได้ ถึงแม้จะไม่เทียบเท่า แต่ก็ไม่ได้ถูกทิ้งจนถึงขนาดต่างชั้นต่างระดับกันจนสู้กันไม่ได้ ยิ่งในยามที่ซิตี้ขาดกำลังหลักหรือผู้เล่นคนสำคัญ ความเหลื่อมล้ำที่ซิตี้ดูว่าเหนือกว่าทีมอื่นๆ ก็ลดเลเวลมาอยู่ในระดับที่สู้กันได้
ในเกมส์เมื่อคืน ศูนย์หน้าตัวความหวังสูงสุดของซิตี้ อย่าง กุน อเกวโร่ หรือตัวทำเกมส์ตัวอันตราย อย่าง เควิน เดอบรอย ไม่ได้ลงสนาม แม้ซิตี้จะยังครองเกมส์ได้เหนือกว่าเซลซี แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ถนัดนัก การจะฝ่าปราการหลังที่แข็งแกร่งของเซลซีเข้าไปสร้างสรรค์โอกาสไม่ใช่งานง่ายเลยของนักเตะหนุ่มรุ่นกระทง อย่าง กาเบรียล เซซุส ลีรอย ซาเน่ หรือ ราฮีม สเตอริ่ง ถึงพอจะมีความวูบวาบให้เห็นบ้าง แต่ก็เอาชนะความเก๋าความเขี้ยวของแผงแบ๊คโฟร์ของเซลซีไม่ได้ แถมเมื่อเซลซีมีมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลกอย่าง กองเต้ คอยสกรีนให้ ความอันตรายของซิตี้ ยามไม่มี กุน ยืนค้ำ กับ เดอบรอย คอยทำเกมส์ ยิ่งเห็นได้ชัด ว่าไม่อันตรายเท่าเก่า
แน่นอนว่าคุณภาพฝีเท้าของตัวนักเตะเมื่อคืนของซิตี้ นั้นดีพอจะตบเด็ก หรือเก็บแต้มจากทีมรองบ่อนได้สบายๆ แต่ในยามที่ต้องสู้กับทีมใหญ่ หากทีมไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ฟูลออฟชั่น ลูกทีมของเป็บ ก็ต้องการอะไรมากกว่าแค่คุณภาพฝีเท้านักเตะที่คนอื่นยกย่อง แต่ไม่มีอะไรการันตรีผลลัพธ์ว่าจะเป็น ชัยชนะ แน่นอน ซึ่งนำไปสู่ปัจจัยข้อที่สอง
ปัจจัยที่สองที่อาจส่งผลต่อซิตี้ คือเรื่องแผนการเล่น
การวางแผนการเล่น แบบ”เดินหน้าฆ่ามัน” อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดของซิตี้ ในยามที่เจอกับทีมใหญ่ บางทีแค่แต้มเดียว อาจจะมีความหมายกับเกมส์แบบนี้มากกว่า ครั้งหนึ่งเป็บก็เคยทำถูกมาแล้ว อย่างนัดที่ซิตี้ออกไปเยือนลิเวอร์พูลก่อนหน้านี้ แล้วซิตี้เล่นเพลย์เซฟไม่เปิดฉากแลกหมัดกับลิเวอร์พูล ที่มีเกมส์โต้กลับน่ากลัวเบอร์ต้นๆของโลก แล้วคว้า 1 แต้มออกมาจากแอนฟิลด์ ก็เท่ากับโยนความกดดันเข้าใส่ลิเวอร์พูล เมื่อยามต้องไปเยือน เอติฮัด ถิ่นของซิตี้ แต่นัดนี้กับเซลซีแทนที่จะเล่นแบบรัดกุมเหมือนครั้งก่อนก็ไม่ แต่เปลี่ยนมาใช้การโหมบุกจะยิงให้ได้มันก็กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้เซลซี ได้หยิบยื่นความปราชัยนัดแรกให้กับตัวเอง เหมือนไปฉุดมือเซลซี และแถมยังหยุดรอ อาเซน่อล สเปอร์ให้กลับขึ้นมามีลุ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่ควรจะเหลือคู่แข่งตอนนี้ แค่หงส์แดงเพียงทีมเดียวเท่านั้น
ทำไม...? 1 แต้มกับเกมส์ไปเยือนทีมใหญ่ ถึงได้สำคัญ โดยเฉพาะกับซิตี้ ก็เพราะทีมตัวเป็บ กวาดิโอล่า เองนั้น มีความสม่ำเสมอที่สุดในการตบเด็กแล้ว ในขณะที่ทีมคู่แข่งแย่งลุ้นแชมป์ทีมอื่นยังมีโอกาสที่จะเทกระจาดทิ้งคะแนน หรือโดนเด็กตบสวนได้ ความร้อนแรงของอูไมรี่ ความเขี้ยวของซารี่ ความกระหายของพอส หรือความเก๋าของมูริญโญ่ ต่างก็ถูกพิสูจน์แล้ว ว่าพร้อมที่จะหน้าหงายแพ้ง่ายๆได้เช่นกัน เหลือแค่โชคของคล้อปเท่านั้น ที่ยังดวงดีรอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าโชคมันไม่ได้มีกันทุกวัน และมันก็คือโอกาสคว้าแชมป์ของซิตี้ ที่ทำแค่เอาตัวรอดจากเกมส์เยือนทีมใหญ่ แล้วรอให้คู่แข่งคว่ำไปเองเพราะโดนเด็กตบ ถ้าคู่แข่งยังไม่ยอมคว่ำ ก็รอไปซ้ำเอาให้ลุกไม่ขึ้นที่ เอติฮัด บ้านของตัวเองก็ยังไม่สาย
แต่ตอนนี้ จากความผิดพลาดแค่นัดเดียว กลายเป็นเปิดโอกาสให้คู่แข่ง โดยเฉพาะหงส์แดง ลิเวอร์พูล มีโอกาสในตรรกะทำนองเดียว คือรอให้ซิตี้พลาดเพราะโดนทีมท็อปดึงคะแนน หรือไม่ก็หวังไปแย่ง 3 คะแนนที่เอติฮัด ในอีกไม่กี่นัดข้างหน้า ซึ่งถ้าหากลิเวอร์พูลทำได้ ระดับความเสียหายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเพิ่มระดับความรุนแรงไปจากนัดนี้เป็นทวีคูณ
และแน่นอนโอกาสนั้น ไม่ได้เปิดให้แค่ หงส์แดง แค่ทีมเดียว ทีมอย่าง เซลซ๊ สเปอร์ และอาเซนอล ก็ยังหวังได้เหมือนกัน เพราะซิตี้ในวันนี้นั้น ไม่ใช่ทีมที่ไร้เทียมทานอีกต่อไปแล้ว แม้กำแพงที่พวกเขาจะตั้งไว้ให้ทีมอื่นมันจะสูงตระหง่าน แต่ก็เริ่มมีรอยร้าวที่ฐานให้เห็นบ้างแล้ว อาจจะรอใครบางทีม หรือหลายทีม ไปช่วยกันขยายรอยร้าวเพื่อพังกำแพง เพื่อเปิดเส้นทางไปสู่แชมป์ ของแต่ละทีมก็เป็นได้
ระดับความเสียหายที่ต้องกลายมาเป็นตามหลังจ่าฝูง...แค่แต้มเดียว อาจจะไม่เท่าไร
ระดับความเสียหายต่อสภาพจิตใจตัวเอง อาจจะมีไม่มาก หรือไม่มีเลยสำหรับทีมประสบการณ์สูงอย่าง ซิตี้
แต่ระดับความเสียหาย ในแง่การเพิ่มกำลังใจให้กับทีมคู่แข่ง ทีมใหญ่อื่นๆ ต้องถือว่าเสียหายมาก
ต่อไปนี้ซิตี้ต้องเจองานยากแน่ๆหากต้องเจอทีมในกลุ่มยังมีลุ้นแชมป์
ที่สำคัญตอนนี้ เป็บ ต้องหาทางสมานบาดแผลนี้ให้ไวที่สุด อย่าได้ไปพลาดโดนใครขยายแผลอีก โดยเฉพาะนัดที่จะเปิดบ้านเจอหงส์แดง หากสู้บอลดวงไม่ได้ เกิดพลาดท่าอีกที จากที่เคยดูว่าเป็นต่อ อาจจะกลายเป็นสูสีหรือตกเป็นรองเลยก็ได้
ซึ่งแน่นอนในฐานะเชียร์ทีมรอง ก็บอกตรงว่าๆ ชั่วโมงนี้มีความหวัง แม้มันจะเป็นการหวังในเชิงไสยศาสตร์ เล่นโชค เล่นดวง ก็เถอะ
หึ...หึ...หึ แล้วเจอกาน