👦🏼💪🍺THE GLOVES 2018 "FINAL GAME" ถุงมือเรื่องสั้น รอบชิงชนะเลิศ กระทู้ที่ 4 "ทางรักนักเลง" โดย "ถุงมือนักลืม"🍺💪👦

กระทู้คำถาม


เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องของนักเลง ซึ่งมีความหมายของ "นักเลงที่แท้จริง"

หนุ่มคนหนึ่งซึ่งมาจากไหนไม่มีใครทราบ กับอีกหนุ่มหนึ่งผู้เป็นลูกชายผู้ใหญ่บ้านจำต้องดวลหมัดมวยกัน ทั้งสองมีความบาดหมางกันมาก่อน และการ "ประลองยุทธ" ครั้งนี้ ผู้ใหญ่บ้านตั้งกฏเหล็กบังคับว่า ไม่ว่าผลการต่อสู้จะเป็นอย่างไร ใครชนะใครแพ้ เรื่องที่ผ่านมาต้องเลิกแล้วต่อกัน ห้ามมีเรื่องกันอีก

ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ทั้งสองจะทำตามกฏของผู้ใหญ่บ้านได้หรือไม่ และ "ทางรัก" ของนักเลงที่ว่านั้น จะเป็นเช่นไร ???

มาอ่านกันครับ จบแล้วก็มอบเกรดให้ผู้เขียน แล้วส่องหาตัวเขาหรือเธอดูเน้อ...อมยิ้ม04หัวใจดอกไม้









วันนี้

ตะวันคล้อยจวนจะค่ำใกล้ลับทิวไม้  แสงแดดลดความแรงกล้าลง แต่ภายในใจของคนที่มาชุมนุมอยู่บริเวณลานดินหน้าบ้านของผู้ใหญ่ขาม  คนดังของหมู่บ้าน ยังคงร้อนระอุ  เพราะวันนี้ เป็นวันดวลกำปั้นกันระหว่าง  เจ้าหลง หลายชายยายปิก  กับเจ้ากล้า ลูกชายของผู้ใหญ่ขาม

เจ้าหลง หนุ่มหน้าซื่อคมคาย นิสัยดี อาศัยอยู่กับยายตั้งแต่เล็ก ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน แต่ที่รู้คือเป็นคนขยันขันแข็ง ช่วยยายทำมาหากินตัวเป็นเกลียว โดยการทำไร่ผักอยู่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นที่ดินของผู้ใหญ่คนดังนั่นเอง ทำงานหาบน้ำแบกหามสารพัด แล้วแต่จะมีคนจ้างคนวาน ทำงานทั้งวันจนร่างกายแข็งแรงอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ  ผิดคนวัยเดียวกัน มีเสียงลือกันว่ามันชอบสาวเจ้าที่มีชื่อว่า แก้ว ซึ่งเป็นหลานอีกคนของยายปิก  แต่ความจริงจะเป็นเช่นไร ก็หามีคนรู้ไม่ และนางผู้หญิงแก้วก็ไม่เคยปริปากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง  คนที่เชื่อก็เชื่อตามความคิดของตัวเอง คนไม่เชื่อก็มีเหตุผลของตัวเอง ก็ว่ากันไป

ทิ้งไว้แต่ความสงสัยของชาวบ้าน ให้พิพากษ์วิจารณ์กันต่าง ๆ นานา

ส่วนเจ้ากล้า ลูกชายของผู้ใหญ่ขาม  เป็นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเหมือนพ่อสมัยยังเป็นหนุ่ม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีไปทั้งหัวเมือง ร่างกายแม้ว่าดูบอบบางกว่าเจ้าแก้วอยู่บ้าง  แต่ได้เปรียบตรงที่ ร่ำเรียนวิชาชกมวยมาจากครูเข้ม  ซึ่งเป็นอาจารย์มวย เคยแวะมาอาศัยอยู่หมู่บ้านแห่งนี้หลายปี ก่อนจะออกเดินทางรอนแรมต่อไป และในระยะเวลาหลายปี ก็ได้ถ่ายทอดวิชามวยให้กับเจ้ากล้า จนชกต่อยกับใครไม่มีคำว่าแพ้  ร่างกายก็ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ไม่แพ้นักมวยอาชีพ

ทั้งเจ้ากล้าและเจ้าหลงเคยมีเรื่องกันมาก่อน   สุดท้ายกำนันขาม  ผู้เป็นนักเลงใหญ่ ทนไม่ได้  จึงจัดมวยคู่พิเศษ ให้ชาวบ้านชมหน้าบ้านของแกเสียเลย เป็นการยุติความขัดแย้ง  ชาวบ้านแบ่งเป็นสองฝ่าย วางเดิมพันกันอย่างสนุกสนาน  เรียกว่าสูสีคู่คี่กันเลยทีเดียว แม้แต่ตัวผู้ใหญ่คนดัง ก็ยังไม่กล้าจะบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่าลูกชายจะเป็นฝ่ายชนะ

แต่ที่กล้าหาญถึงขนาดเอาลูกชายลงแข่ง เพราะศักดิ์ศรีของนักเลง  คำว่านักเลงย่อมไม่ใช่อันธพาล  นักเลงในความหมายสมัยดั้งเดิม หมายถึงคนกว้างขวาง เก่งกล้า มีความเป็นลูกผู้ชาย ไม่ข่มเหงคนอื่น มีความเป็นผู้นำสูง ดูแลคนอ่อนแอกว่า  คนที่เป็นนักเลงมักได้รับการยอมรับ รักใคร่ นับถือ จากผู้คนทั่วไป  ต่างจากพวกอันธพาลหัวไม้ ที่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร เป็นคนพาล สร้างความเดือดร้อนแก่คนอื่นไปทั่ว

เวลานี้ชาวบ้านจำนวนหลายร้อยคนนั่งล้อมวงกัน อย่างเป็นระเบียบ รูปครึ่งวงกลม  ผู้ใหญ่ขามพร้อมด้วยเมียและลูกสาว นั่งเป็นประธานอยู่บนแคร่ไม้ข้างบันไดบ้าน ตำแหน่งผู้ชี้ขาด โดยมีลุงผุย ญาติผู้ใหญ่เป็นกรรมการ กติกามีว่า คนที่ล้มลงไปนับสิบไม่ลุก หรือเอ่ยปากยอมแพ้  หรือตบพื้นสองครั้ง ถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ ไม่มีการพักยก จะต้องต่อยกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีคนยอมแพ้  มีการคาดเชือกที่กำปั้นแบบเดียวกับที่เรียกกันว่ามวยคาดเชือก เพื่อลดอันตรายลงบ้าง

และข้อตกลงสำคัญที่สุด หลังจากการชกวันนี้ ทั้งคู่จะต้องลืมความบาดหมาง ห้ามมีเรื่องชกต่อยทำร้ายกันอีก  นั่นคือประกาศิตของผู้ใหญ่ขาม

เจ้ากล้ากับเจ้าหลง ต่างสวมกางเกงขาสั้นสีดำตัวเดียว มองเห็นร่างกล้ามเนื้อสวยงามกันทั้งคู่ หนุ่มสวนผักดูจะได้เปรียบทางรูปร่างอยู่เล็กน้อย  แต่มาเสียเปรียบเรื่องเชิงมวยอย่างไม่ต้องสงสัย

ลุงผุยเรียกคู่ชกออกมากลางลาน จ้องหน้าทั้งสองฝ่าย บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง  “อ้ายแก้ว อ้ายหลง ขอให้ชกกันอย่างมีน้ำใจนักกีฬา ใครแพ้ใครชนะ ต้องยอมรับผลการตัดสิน อย่างลูกผู้ชาย เข้าใจไหม”

นักชกมองหน้ากันด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วพยักหน้ารับคำ  กรรมการจำเป็นทำสัญญาณให้ทั้งคู่ถอยห่างออกจากกัน แล้วสับมือทันที

“ชกได้...”

..........

สิบห้าวันก่อนหน้านี้

“พี่กล้า  อย่ามาเหยียบแปลงผักนะ”  เสียงร้องของสาวเจ้าหน้าหวานในชุดผ้าซิ่นเสื้อสีคล้ำดังลั่นทุ่งท้ายหมู่บ้าน  แต่เจ้ากล้าผู้มีอารมณ์เดือดปะทุ ยังใช้เท้าเตะแปลงผักจนกระจุยกระจาย เนื่องจากเพิ่งโดนพ่อแม่ดุด่าว่ากล่าวมาหมาด ๆ เพราะไปมีเรื่องกับหนุ่มหมู่บ้านอื่น  คู่กรณีเป็นลูกกำนัน ยุ่งยากในการตกลงความบาดหมาง

“ทำไมวะ นางแก้ว   นี่มันที่ดินพ่อข้านะโว้ย   พวกเอ็งมาอาศัยอยู่ในผืนดินของข้า แล้วอย่ามาขึ้นเสียง”

“ผักพวกนี่ก็ส่งไปในบ้านของพี่กล้านั่นละกินกัน แล้วมาทำแบบนี้ใช้ได้เหรอ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ”

“ข้าจะเหยียบให้ราบเลย  ใครจะทำไม  เอ็งมีปัญญาทำอะไรข้าวะ นังแก้วลูกไม่มีพ่อ กระบวยเล็ก ๆ ในมือเอ็งจะทำอะไรข้าได้”

“แก้วไม่มีปัญญาทำ แต่ข้ามี”

คนตอบมาจากด้านหลัง  หนุ่มอารมณ์ร้ายหันขวับไปมอง จำได้ดีว่าเป็นเจ้าหลง กำลังวางหาบน้ำลงจากบ่า  จ้องมองเขม็ง

“ทำไมวะเจ้าหลง  เอ็งจะทำอะไรข้า”

“ลุงผู้ใหญ่ให้ข้าดูแลสวนผัก  ข้าจะทำหน้าที่ของข้า และถ้าแกทำทำลาย ข้าก็จะป้องกันตามหน้าที่”

ฟังแล้วเจ้ากล้าก็หัวเราะลั่นออกมาทันที  เพราะที่ผ่านมา เจ้าหลงไม่เคยขึ้นเสียง หรือแสดงทีท่าต่อต้านสักครั้ง คนมาพึ่งพาอาศัยจะกล้าขึ้นเสียงกับเจ้าบ้านได้อย่างไร กระทั่งวันนี้

“นี่มันที่ดินของพ่อ  ข้าจะทำอะไรก็ได้”  ว่าพลางง้างเท้าจะเตะใส่กะหล่ำปลีเรียงรายในแปลง แต่มือแข็งแรงของคนระวังมองอยู่ ผลักเข้าที่บ่าอย่างแรง จนร่างเซผลาไปด้านข้าง เพราะไม่ทันระวังตัว และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือ

“ไอ้หลง  เอ็งบังอาจมากนะ”  ลูกชายผู้ใหญ่ขามตาลุกวาว พอตั้งหลักได้ก็เงื้อหมัดพุ่งเข้าหาทันที อีกฝ่ายก็ถือว่าปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาผัก ไม่ลดราวาศอกเช่นกัน แล้วทั้งคู่ก็ชกต่อยกันอุตลุด ท่ามกลางเสียงร้องอย่างตกใจของแก้ว ไม่รู้ว่าห่วงคนหรือห่วงแปลงผักที่กำลังกระจุยกระจายไปตามแนวการต่อสู้

ก่อนเรื่องจะบานปลาย  และมีการเจ็บตัวมากกว่านี้  ผู้ใหญ่ขามและลูกสาวเดินผ่านมาพอดี   ทำให้ศึกครั้งนั้นสงบลงได้

ฝากไว้ก่อนเถอะ   เรื่องไม่จบแค่นี้หรอก   เจ้ากล้าประกาศทิ้งท้าย ก่อนยอมเดินกลับบ้านไปโดยดี มีเสียงพ่อผู้ใหญ่และดุด่าว่ากล่าวไปตลอดทาง

“เอ็งเอาวิชามวยมารังแกชาวบ้านได้ยังไง  เอ็งนี่สมควรถูกกระทืบให้ตาย”

........

พอสิ้นคำว่าชกได้   เจ้ากล้าก็ถลันเข้าหาคู่ปรับเก่าทันที  คราวนี้มันใจเย็นและนิ่งมากขึ้น  ขยับเท้าหลอกล่อ ก่อนกระโดดเตะกลางอากาศ แบบแม่ไม้มวยไทย หมายบริเวณก้านคอ  แม้ว่าเจ้าหลงจะยกมือกันไว้ทัน แต่แรงเตะอันรุนแรงยังทำให้เซถลาไปทางขวามือสองสามก้าว   เจ้ากล้ายังแสดงลีลามวยต่อไป ด้วยการหมุนตัวเหวี่ยงเท้าขวาฟาดไปที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้ได้อย่างสวยงาม สมกับเป็นคนมีวิชามวย  แม้จะโดนไม่เต็มที่นัก แต่ก็ทำให้เจ้าหลงหน้าสะบัดอย่างแรงเลยทีเดียว

จากนั้นการบรรเลงเพลงเตะก็เริ่มขึ้น และไม่มีหยุด  เจ้าหลงได้แต่ถอยวนไปรอบ ๆ ยังหาโอกาสตอบโต้ไม่ได้ เสียงชาวบ้านร้องกันลั่นตามจังหวะการเตะขวาอันหนักหน่วง ตามวิชามวยอย่างไม่ขาดสาย  ต่างพากันนั่งไม่ติดที่เสียแล้ว

........

เจ็ดวันก่อนหน้านี้

หมู่บ้านใกล้เคียงมีงานบุญประจำปี   ย่อมเป็นที่แน่นอนว่ามีผู้คนไปเที่ยวงานกันคึกคักไม่ว่าจะเป็น เด็ก ผู้ใหญ่ หนุ่มสาว คนเฒ่าคนแก่  มีข้าวของพื้นบ้านขายกันมากมาย มีลิเก หนังตะลุง การละเล่นพื้นเมือง ให้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม เจ้าหลงกับแก้วก็พากันไปเดินชมงานอย่างเพลิดเพลิน มีจังหวะหนึ่ง หลงเห็นเพื่อนจากต่างหมู่บ้านหลายคนพากันมางาน ต่างทักทายกันเป็นที่สนุกสนาน  แก้วเห็นว่าเป็นเรื่องของคนหนุ่มกับเสวนากัน จึงแอบเลี่ยงออกมาเดินชมงานเพียงลำพัง

ในงานแบบนี้ย่อมมีหลายคนพากันดื่มเหล้าจนเมามาย แก้วถูกคนเมาอันธพาลกลุ่มหนึ่ง เดินตามพูดจาแทะโลม แม้จะพยายามเดินเลี่ยงมาก็หนีไม่พ้น  ยิ่งเมายิ่งคึกคะนอง  หนักเข้าถึงขั้นจะลามปาม  

คนที่เข้ามาขัดจังหวะ  และลงมือต่อยเตะไม่ยั้งมือ จนอันธพาลกลุ่มนั้นหมอบราบคาบแก้วกันไปตามกัน เป็นเจ้ากล้า  ลูกผู้ใหญ่ขาม  ไม่รู้ว่ามันเดินตามหลังมาตอนไหน ทั้งไม่รู้ว่ามาเที่ยวงานนี้ด้วย

“เอ็งเป็นผู้หญิง  อย่ามาเดินงานคนเดียวแบบนี้”  เสียงพระเอกขี่ม้าขาวพูดเสียงเข้มสั่งสอน  แรก ๆ สาวเจ้าก็ตกใจ ระแวงว่าเจ้าหนุ่มอารมณ์ร้อนจะถือโอกาสแก้แค้น แต่ก็เย็นใจลงได้  เมื่ออีกฝ่ายพาเดินกลับไปหากลุ่มของเจ้าหลง

ดูแลสาวให้ดีหน่อยสิวะ”   เจ้ากล้าได้โอกาสพูดจาสั่งสอนอีกแล้ว  ครั้งนั้นเจ้าหลงได้แต่ทำตาปริบ ๆ  เพราะรู้ว่าตัวเองพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย

........
  
แม้ว่าจะถูกเตะเข้าไปหลายต่อหลายครั้งจนรู้สึกเหมือนซี่โครงจะหัก แต่ในที่สุด เจ้าหลงก็จับทางการเตะได้ คว้าขาไว้แน่น  มือที่ผ่านการทำงานหนักมาทั้งชีวิต ย่อมจับแน่นแล้วไม่ปล่อยง่ายดายอย่างแน่นอน    แต่จอมเตะยังมีทีเด็ด กระโดดขึ้น พลิกตัวเตะกราดออกด้วยแข้งซ้าย เข้ากกหูขวาของหลงอย่างจังเสียงดังสนั่น  ร่างทรุดฮวบลงทันที   ย่อมเป็นแม่ไม้มวยไทยทีเด็ดอย่างหนึ่ง ที่ใช้จัดการกันอันธพาลมาแล้วนักต่อนัก

เข่าแตะพื้นข้างเดียว  เพราะยังมีสติ ใช้มือค้ำพื้น พยุงตัวเองเอาไว้ ยังไม่โดนนับ ความทนทานเหนือคนธรรมดาย่อมมาจากการใช้ร่างกายทำงานหนักมาอย่างโชกโชนนั่นเอง

“อย่าลุกขึ้นมานะไอ้หลง  ไม่งั้นเจ็บตัวแน่”   ผู้ได้เปรียบร้องเตือน เมื่อเห็นว่าพยายามจะลุกขึ้นมา  เพราะคิดว่าแข้งเดียวเอาอยู่  ขนาดเตะต้นกล้วยยังหักกลาง แต่เจ้าหลงลุกขึ้นมายืนจนได้ในที่สุด เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้ากล้าจึงปราดเข้าไปหา ขยับหลอกล่อให้ตาลาย ก่อนชกหมัดขวาใส่ใบหน้าเต็มแรง กะให้ล้มในหมัดเดียว

สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ  เจ้าหลงไม่ยอมหลบเลี่ยงปัดป้อง แต่ต่อยหมัดขวาสวนออกมาแบบแลกกันหมัดต่อหมัด  เสียงกำปั้นกระทบใบหน้าดังสนั่นเป็นเสียงเดียวกัน  เจ้าหลงเซซวนไปด้านหลัง ทำท่าจะล้มเหล่ไม่ล้มเหล่  แต่ยังพอทรงตัวยืนได้ แม้จะไม่มั่นคง  ส่วนเจ้ากล้าโดนหมัดเดียวล้มฟาดทั้งยืนไปด้านหลัง เสียงชาวบ้านร้องอื้ออึงสนั่น    ความรุนแรงของกำปั้นเรียกว่าไม่ต่างกันมากนัก  ใบหน้าของทั้งคู่มีเลือดกระจายออกมาจากปากและจมูก  เสียงเสียงร้องอย่างตกใจของพวกผู้หญิง ผู้ใหญ่เข้มถึงกับยืนพรวดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ส่วนเมียและลูกนั่งกุมมือกันแน่น

“นับเลย  นับเลย...” ไม่รู้ว่าเสียงใครร้อง  แต่ตาผุยก็ทำหน้าที่กรรมการได้เป็นอย่างดี ปราดเข้ามาสับมือนับ

หนึ่ง...สอง...สาม...สี่....

นับได้แค่สี่ เจ้ากล้าก็ได้สติ พลิกตัวขึ้นมานั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง หยุดการนับของกรรมการไว้ทันการ  เสียงร้องเฮอย่างพอใจ

“หมัดของเอ็งหนักดี  ไม่ได้โดนต่อยแบบนี้นานแล้ว”  ลูกผู้ใหญ่บ้านคนเก่งพูดด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปากเปื้อนเลือด  “สมแล้วที่เป็นคนรักของนังแก้ว”

พูดแทบไม่ทันขาดคำ ร่างพลันลุกขึ้นพุ่งพรวดเข้าหาคู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย ใช้หัวโหม่งนำไปก่อนด้วยอาการพุ่งชนสุดกำลัง ใช้น้ำหนักตัวโถมเข้าไปด้วย จนเจ้าหลงหงายหลังล้มฟาดพื้นลงไปอย่างแรง

(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่