เห็นคนพรรคพลังประชารัฐออกมาโจมตีว่า นโยบายกองทุนหมู่บ้านของทักษิณ ทำให้ชาวบ้านมีหนี้
ท่วมหัว แล้วพรรคพลังประชารัฐก็หาเสียงว่า จะพักหนี้กองทุนให้
ดูๆแล้วคนพรรคนี้ ไม่ได้มีความรอบรู้ และ ไม่ได้เข้าถึงและเห็นวิถีของชาวบ้านในการดำรงอยู่กับ
กองทุนหมู่บ้านมา 10 กว่าปี และไม่รู้จริงว่า ที่จริงแล้วกองทุนหมู่บ้านนั้นดำเนินการและดำรงอยู่เช่นไร
ในฐานะที่เป็นกรรมการกองทุนหมู่บ้าน รู้เห็นการดำเนินกิจกรรมของกองทุนในหมู่บ้านมาตั้งแต่ปี 2545
ในหมู่บ้านที่ผมอยู่ มันไม่ได้เป็นแบบที่นักการเมืองพรรคพลังประชารัฐพูด ซึ่งการพูดเป็นการพูดด้าน
เดียว และพูดแบบไม่รู้จริงว่า กองทุนทำให้ชาวบ้านหนี้ท่วมหัว
การเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน เมื่อเข้าไปเป็นสมาชิกแล้ว ไม่ใช่มีเพียงการให้ไปกู้เงิน แต่คนที่เข้าไปเป็น
สมาชิกต้องมีหุ้นในกองทุน มีการออมโดยการฝากเงินสัจจะสะสมทรัพย์เป็นรายเดือน และ มีการรับฝาก
เงินแบบให้ดอกเบี้ยกับผู้ฝากเหมือนธนาคาร แถมได้ดอกเบี้ยมากกว่าฝากธนาคาร แต่จะมีระเบียบให้เฉพาะ
สมาชิกกองทุนฝาก และกำหนดวงเงินฝากไว้ว่า ให้ฝากได้ไม่เกินเท่าไหร่ เพื่อเป็นการป้องกันการเอาเปรียบ
สมาชิก
การกู้เงินในกองทุน กรรมการที่เป็นชาวบ้านด้วยกันเองจะเป็นคนพิจารณาให้กู้ ด้วยข้อมูลที่รู้จักกันจนถึง
โคตรเหง้าศักราช ว่า ใครเป็นอย่างไร การพิจารณาปล่อยกู้เขาจึงรู้ว่า ใครเป็นอย่างไร ตอนนี้ทำมาหากิน
อะไร กู้ไปแล้วจะทำจริงหรือเปล่า จะมีเงินมาคืนไหม
และที่สำคัญกู้ไปแล้วถ้าไม่ใช้คืน ก็มองหน้าคนในสังคมหมู่บ้านไม่ติดเพราะ เงินที่กู้ไปไม่ใช่มีแต่เงินกองทุน
ที่รัฐบาลให้มา แต่มันมีเงินฝาก เงินออมสัจจะออมทรัพย์ของชาวบ้านคนอื่นรวมอยู่ด้วย ด้วยเหตุนี้หนี้เสียของ
กองทุนจึงน้อยมาก แม้จะมีการยืมเงินมาโปะหนี้แล้วกู้ใหม่เป็นหนี้หมุนเวียนบ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อย ถ้าทุกคน
ยังทำมาหากินได้ ไม่ตายหรือพิการเสียก่อน ทุกคนรับผิดชอบที่จะหาเงินมาคืน
แต่ถ้าตายหรือพิการ หนี้ก็ไม่ได้สูญ เพราะเงินสัจจะออมทรัพย์ที่ฝากทุกเดือน มันมีเกินวงหนี้ สามารถหัก
หนี้ได้ เพราะเงินกู้กำหนดให้กู้รายละไม่เกิน 2 หมื่นบาท หักหนี้แล้วยังมีเงินฝากเหลืออีก
กองทุนหมู่บ้านผมรวมทั้งเงินที่รัฐให้ทุนประเดิม และชาวบ้านออมสัจจะออมทรัพย์ ผลกำไรจากการดำเนิน
งาน จากดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 50 สตางค์ต่อเดือน หรือ ร้อยละ 6 ต่อปี ตอนนี้กองทุนมีเงินเป็นสินทรัพย์ถึง
เกือบสิบล้าน
สมาชิกองทุนนอกจากจะกู้เงินได้ง่ายจากการพิจารณาไม่ยุ่งยากแล้ว ตอนนี้กองทุนยังมีการให้สวัสดิการ
กับลูกหลานสมาชิกกองทุนด้วยการให้ทุนการศึกษารายปี ปีละ 2,000 บาท เริ่มตั้งแต่ปีละ 2 ทุน จนตอนนี้
เป็นปีละ 10 ทุน
สิ้นปีกองทุนมีเงินปันผล มีดอกเบี้ยเงินฝากให้สมาชิกทุกปี ไม่ได้มีเพียงหนี้อย่างเดียวอย่างที่นักการเมือง
พรรคพลังประชารัฐบอก
นอกจากนี้กองทุนยังเพิ่มกิจกรรม เอากำไรมาลงทุนตามฤดูกาลเพื่ออำนวยความสะดวกและหากำไรให้
กองทุนเพิ่ม อย่างฤดูลำไยออก กองทุนก็เอาเงินมาซื้อลำไยในหมู่บ้าน เอาลำไยมาร่อนมาคัดเกรดตรง
ศาลากลางหมู่บ้านที่เป็นที่ทำการกองทุน ชาวบ้านไม่ต้องไปขายไกล กองทุนขนไปส่งโรงอบลำไยก็บวก
กำไรโลละนิดหน่อย มีรายได้เพิ่มเข้ากองทุนอีก
กองทุนยังเอาเงินไปทำกองทุนปุ๋ย เพื่อซื้อปุ๋ยให้กับสมาชิกกองทุนเอาไปใช้ก่อน กองทุนบวกกำไรปุ๋ย
กระสอบละ 50 บาท สมาชิกมาใช้ค่าปุ๋ยตอนสิ้นปีปีละครั้งตอนขายลำไย จะหักจากราคาลำไยก็ได้ ไม่
ต้องควักค่าปุ๋ยก่อน ไม่ต้องเพิ่มภาระ แถมกำไรจากปุ๋ยก็เอาไปรวมมาปันผลตอนสิ้นปี
สิ่งสำคัญสุดที่ไม่ค่อยพูดถึงกันของกองทุนหมู่บ้านก็คือ ไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่จะเอาเงินมาให้ชาวบ้าน
บริหารเองแบบนี้มาก่อน การใส่ทุนตั้งต้นแบบนี้มาให้ชาวบ้าน แล้วให้ชาวบ้านบริหารเอง ต่อยอดเอง
กำไรที่ได้จากการรู้จักบริหารนั้นมากกว่า กำไรดอกเบี้ยมากนัก
การพูดแต่ในด้านหนี้ แต่ไม่พูดถึงด้านการบังคับให้ออม เพื่อสร้างวินัยในการออม นอกจากไม่รู้จริง
แล้ว ยังมีเจตนาบิดเบือนเพื่อทำลาย
นักการเมืองที่มองไม่เห็นหัวชาวบ้าน และ ดูถูกสติปัญญาชาวบ้านโดยเอาปัญญาที่คับแคบของตัวเองมา
มอง นักการเมืองแบบนี้ไม่มีทางที่จะคิด จะทำ นโยบายเพื่อชาวบ้านได้
ทำได้อย่างมากก็วิธีโง่ๆแบบกู้มาแจกอย่างที่ทำกันอยู่ในทุกวันนี้
ใครจะเลือกนักการเมืองแบบนี้ก็ให้พิจารณากันดีๆ
.... เก็บตกมาจาก fb ค่ะ ขอโทษลืม save link มาด้วย
กองทุนหมู่บ้าน ....ของจริง ... คนทำของแถลง .../sao..เหลือ..noi
ท่วมหัว แล้วพรรคพลังประชารัฐก็หาเสียงว่า จะพักหนี้กองทุนให้
ดูๆแล้วคนพรรคนี้ ไม่ได้มีความรอบรู้ และ ไม่ได้เข้าถึงและเห็นวิถีของชาวบ้านในการดำรงอยู่กับ
กองทุนหมู่บ้านมา 10 กว่าปี และไม่รู้จริงว่า ที่จริงแล้วกองทุนหมู่บ้านนั้นดำเนินการและดำรงอยู่เช่นไร
ในฐานะที่เป็นกรรมการกองทุนหมู่บ้าน รู้เห็นการดำเนินกิจกรรมของกองทุนในหมู่บ้านมาตั้งแต่ปี 2545
ในหมู่บ้านที่ผมอยู่ มันไม่ได้เป็นแบบที่นักการเมืองพรรคพลังประชารัฐพูด ซึ่งการพูดเป็นการพูดด้าน
เดียว และพูดแบบไม่รู้จริงว่า กองทุนทำให้ชาวบ้านหนี้ท่วมหัว
การเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน เมื่อเข้าไปเป็นสมาชิกแล้ว ไม่ใช่มีเพียงการให้ไปกู้เงิน แต่คนที่เข้าไปเป็น
สมาชิกต้องมีหุ้นในกองทุน มีการออมโดยการฝากเงินสัจจะสะสมทรัพย์เป็นรายเดือน และ มีการรับฝาก
เงินแบบให้ดอกเบี้ยกับผู้ฝากเหมือนธนาคาร แถมได้ดอกเบี้ยมากกว่าฝากธนาคาร แต่จะมีระเบียบให้เฉพาะ
สมาชิกกองทุนฝาก และกำหนดวงเงินฝากไว้ว่า ให้ฝากได้ไม่เกินเท่าไหร่ เพื่อเป็นการป้องกันการเอาเปรียบ
สมาชิก
การกู้เงินในกองทุน กรรมการที่เป็นชาวบ้านด้วยกันเองจะเป็นคนพิจารณาให้กู้ ด้วยข้อมูลที่รู้จักกันจนถึง
โคตรเหง้าศักราช ว่า ใครเป็นอย่างไร การพิจารณาปล่อยกู้เขาจึงรู้ว่า ใครเป็นอย่างไร ตอนนี้ทำมาหากิน
อะไร กู้ไปแล้วจะทำจริงหรือเปล่า จะมีเงินมาคืนไหม
และที่สำคัญกู้ไปแล้วถ้าไม่ใช้คืน ก็มองหน้าคนในสังคมหมู่บ้านไม่ติดเพราะ เงินที่กู้ไปไม่ใช่มีแต่เงินกองทุน
ที่รัฐบาลให้มา แต่มันมีเงินฝาก เงินออมสัจจะออมทรัพย์ของชาวบ้านคนอื่นรวมอยู่ด้วย ด้วยเหตุนี้หนี้เสียของ
กองทุนจึงน้อยมาก แม้จะมีการยืมเงินมาโปะหนี้แล้วกู้ใหม่เป็นหนี้หมุนเวียนบ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อย ถ้าทุกคน
ยังทำมาหากินได้ ไม่ตายหรือพิการเสียก่อน ทุกคนรับผิดชอบที่จะหาเงินมาคืน
แต่ถ้าตายหรือพิการ หนี้ก็ไม่ได้สูญ เพราะเงินสัจจะออมทรัพย์ที่ฝากทุกเดือน มันมีเกินวงหนี้ สามารถหัก
หนี้ได้ เพราะเงินกู้กำหนดให้กู้รายละไม่เกิน 2 หมื่นบาท หักหนี้แล้วยังมีเงินฝากเหลืออีก
กองทุนหมู่บ้านผมรวมทั้งเงินที่รัฐให้ทุนประเดิม และชาวบ้านออมสัจจะออมทรัพย์ ผลกำไรจากการดำเนิน
งาน จากดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 50 สตางค์ต่อเดือน หรือ ร้อยละ 6 ต่อปี ตอนนี้กองทุนมีเงินเป็นสินทรัพย์ถึง
เกือบสิบล้าน
สมาชิกองทุนนอกจากจะกู้เงินได้ง่ายจากการพิจารณาไม่ยุ่งยากแล้ว ตอนนี้กองทุนยังมีการให้สวัสดิการ
กับลูกหลานสมาชิกกองทุนด้วยการให้ทุนการศึกษารายปี ปีละ 2,000 บาท เริ่มตั้งแต่ปีละ 2 ทุน จนตอนนี้
เป็นปีละ 10 ทุน
สิ้นปีกองทุนมีเงินปันผล มีดอกเบี้ยเงินฝากให้สมาชิกทุกปี ไม่ได้มีเพียงหนี้อย่างเดียวอย่างที่นักการเมือง
พรรคพลังประชารัฐบอก
นอกจากนี้กองทุนยังเพิ่มกิจกรรม เอากำไรมาลงทุนตามฤดูกาลเพื่ออำนวยความสะดวกและหากำไรให้
กองทุนเพิ่ม อย่างฤดูลำไยออก กองทุนก็เอาเงินมาซื้อลำไยในหมู่บ้าน เอาลำไยมาร่อนมาคัดเกรดตรง
ศาลากลางหมู่บ้านที่เป็นที่ทำการกองทุน ชาวบ้านไม่ต้องไปขายไกล กองทุนขนไปส่งโรงอบลำไยก็บวก
กำไรโลละนิดหน่อย มีรายได้เพิ่มเข้ากองทุนอีก
กองทุนยังเอาเงินไปทำกองทุนปุ๋ย เพื่อซื้อปุ๋ยให้กับสมาชิกกองทุนเอาไปใช้ก่อน กองทุนบวกกำไรปุ๋ย
กระสอบละ 50 บาท สมาชิกมาใช้ค่าปุ๋ยตอนสิ้นปีปีละครั้งตอนขายลำไย จะหักจากราคาลำไยก็ได้ ไม่
ต้องควักค่าปุ๋ยก่อน ไม่ต้องเพิ่มภาระ แถมกำไรจากปุ๋ยก็เอาไปรวมมาปันผลตอนสิ้นปี
สิ่งสำคัญสุดที่ไม่ค่อยพูดถึงกันของกองทุนหมู่บ้านก็คือ ไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่จะเอาเงินมาให้ชาวบ้าน
บริหารเองแบบนี้มาก่อน การใส่ทุนตั้งต้นแบบนี้มาให้ชาวบ้าน แล้วให้ชาวบ้านบริหารเอง ต่อยอดเอง
กำไรที่ได้จากการรู้จักบริหารนั้นมากกว่า กำไรดอกเบี้ยมากนัก
การพูดแต่ในด้านหนี้ แต่ไม่พูดถึงด้านการบังคับให้ออม เพื่อสร้างวินัยในการออม นอกจากไม่รู้จริง
แล้ว ยังมีเจตนาบิดเบือนเพื่อทำลาย
นักการเมืองที่มองไม่เห็นหัวชาวบ้าน และ ดูถูกสติปัญญาชาวบ้านโดยเอาปัญญาที่คับแคบของตัวเองมา
มอง นักการเมืองแบบนี้ไม่มีทางที่จะคิด จะทำ นโยบายเพื่อชาวบ้านได้
ทำได้อย่างมากก็วิธีโง่ๆแบบกู้มาแจกอย่างที่ทำกันอยู่ในทุกวันนี้
ใครจะเลือกนักการเมืองแบบนี้ก็ให้พิจารณากันดีๆ
.... เก็บตกมาจาก fb ค่ะ ขอโทษลืม save link มาด้วย