#ภูผาที Phu Pha Thi ตั้งอยู่ที่ #ซำเหนือ แขวง #หัวพัน #ลาว สถานที่แห่งนี้ อดีตเป็น ฐานทัพลับของทหารสหรัฐอเมริกา เป็นฐานเรดาร์ ในชื่อรหัส ลิมา85 หรือ LS-85 สมัยสงครามเวียตนาม
ภาพฐานทัพบน ภูผาที เมื่อในอดีต
(ภาพถ่ายจากอินเตอร์เนท)
ภูผาที อยู่บนความสูงราว 1,700ม. ทำให้ที่นี้ ในการลำเลียงอาวุธ จะใช้เฮลิคอปเตอร์เท่านั้น เนื่องจากอยู่ทามกลางหุบเขา เป็นลักษณะภูเขาหินปูน ทอดตัวยาวจากทิศเหนือไปทางทิศใต้ มีหน้าผาสูงชัน โดยเฉพาะทางทิศตะวันตก จะมีหน้าผาตัดถึง90องศา ภูผาที ถูกยึดได้สำเร็จ ด้วยกองกำลังปฏิวัติลาว ช่วง 10-11 มีค.2511
**ข้อมูลจากอินเตอร์เนท
#คลิปvdo ภูผาที
https://youtu.be/IfIVCM0rEkY
อันนี้เป็นทริปต่อเนื่อง หลังจากที่เราไปเที่ยว Ta Xua Dinosaur Backbone ที่ Bac Yen ที่ประเทศเวียตนามมาเรียบร้อย โดยเป้าหมายพวกเราต่อไป ก็คือ ภูผาที ซึ่งอยู่ที่ เมืองซำเหนือ ประเทศลาว โดยเราเลือกที่จะออกจาก ประเทศเวียตนาม ทางด่าน Na Meo แล้วเข้า ประเทศลาว ทางด่าน Nan Xai
สามารถไปดู รายละเอียดรีวิว สันไดโนเสาร์ Ta Xua ได้ที่ลิ้งด้านล่าง
https://pantip.com/topic/38321409
หลังจากทำเรื่องผ่านด่าน Na Meo ที่เวียดนาม พวกเราก็เดินข้ามมายังฝั่งลาว โดยเราเริ่มต้นอีกครั้ง ที่ด่าน Nam Xoi ฝั่งลาว จังหวัด #Houaphanh #หัวพัน เพื่อจะต่อรถไป #ซำเหนือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตม.บอกว่า รถเพิ่งออกไปตอนบ่าย2 ต้องรออีกราว1ชั่วโมง ถึงจะมีรถอีกเที่ยว
ภาพร้านค้าตรงด่าน
พวกเราจึงไปเดินไปรอกันที่ร้านค้าใกล้ๆ เพื่อหาอะไรนั่งกินเล่นระหว่างรอ จนเวลาล่วงเลยมาได้ ราว4โมงกว่า รถก็ยังไม่มา เราเลยให้ร้านค้าช่วยเช็คให้หน่อย ว่ายังมีรถมาไหม?
ซึ่งมางร้านค้าก็ช่วยโทรไปถามให้ เช็คแล้วว่ากำลังมา แต่ตอนนี่รถติดเสียภาษีอยูาที่ด่าน เลยช้าหน่อย และ ทราบมาว่าในรถมีผู้โดยสารแค่4คนเท่านั้นเอง ยังมีที่เหลือเฟื่อสำหรับกลุ่มพวกเรา
พวกเราคิดว่างานนี้สบายแหละ ตีตั๋วนอน แต่กว่ารถบัสจะมา ก็ 5โมงเย็น แต่ปรากฏว่า รถบัสบรรทุกของมาเต็มหลังคารถเลย แถมของยังวางล้นถึงเบาะนั่งด้านในรถด้วย จึงทำให้เหลือที่นั่งกันแบบพอดีฟิตๆ
จากด่าน #NamXoi มาถึง เมือง #ซำเหนือ ระยะทางราว80km. ค่ารถ 100,000 กีบ/คน ตกประมาณ 400บ./คน ที่แรกคิดว่าทำไมค่ารถแพงจังว่ะ แค่80km. เอง
เส้นทางถนน เป็นถนนลูกรังอยู่ในช่วงทำถนน ทางค่อนข้างสาหัสพอสมควร บางช่วงรถก็ติดหล่ม นี้ขนาดไม่ไช่หน้าฝนยังขนาดนี้ ยิ่งเดินทางตอนกลางคืนด้วย ยิ่งยากลำบากมาก เพราะ ไม่มีไฟแสงสว่างระหว่างทางเลย ต้องอาศัยความชำนาญทางล้วนๆ ทำให้พวกเรารู้สึกว่า ค่ารถ 100,000 กีบ ที่จ่ายไป ถูกขึ้นมาทันที
แต่กว่าพวกเราจะถึง #เมืองเวียงไซ Vian Xai ก็2ทุ่ม หลังจากจุดนี้ ถนนเริ่มดีขึ้น แต่รถก็ต้องแวะลงของตามทางอยู่หลายที่ จึงเสียเวลาบาง กว่าเราจะถึงที่สถานีขนส่งสายเหนือ ของเมืองซำเหนือ ก็ราว3ทุ่ม แต่มันยังไม่ถึงตัวเมือง #ซำเหนือ ต้องนั่งรถต่อเข้าไปอีกพอสมควร
ซึ่งจริงๆปกติ รถบัสจะต้องให้ลงที่สถานีขนส่ง แต่ตอนนี้มืดมากแล้ว คนขับรถบัสจึงอาสาจะพาไปส่งพวกเราในเมืองให้ เนื่องจากตอนนี้ไม่มีรถเข้าเมืองแล้ว แต่ก็ต้องแวะลงของตามทางให้ลูกค้าจนเสร็จก่อน แล้วนั่งรถต่อมาอีกสักพักก็ถึงในเมือง
บรรยากาศยามค่ำคืน เงียบมาก
เราเลือกที่จะพัก Bounhome Guesthouse ราคา 80,000 กีบ/ห้อง เนื่องจากอยู่ติดถนน และ เป็นที่แรกที่เห็น เลยเข้าไปติดต่อพักที่นี้ ที่นี้มีห้องพักพอ สำหรับพวกเรา10คน พอดี
หลังจากนำสัมภาระเก็บเข้าห้อง ก็ออกไปกินข้าว ส่วนผมกับเพื่อนบางคน เลือกที่จะกินข้าวร้านข้างๆที่พัก เพราะ ตอนนี้4ทุ่มแล้ว หลังจากสั่งข้าวได้ไม่นานไฟก็ดับทั้งเมืองซำเมือง มื้อค่ำนี้เลยได้กินข้าวภายใต้แสงเทียนกันเลย555
มื้อค่ำ กับข้าวผัดหมูไข่ดาว ใต้แสงเทียน
ระหว่างกินข้าว พี่โอ๋ กับ ผม ก็สอบถามข้อมูลเรื่องการไป #ภูผาที กับทางร้านอาหาร ได้คำตอบมาว่า ที่นี้ไม่ได้ให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้า ให้แต่เพียงชาวลาวเท่านั้น และ เป็นเขตทหาร
เจ้าของร้านบอกว่า ภูผาที ห่างจากที่นี้ไปอีกราว80km. ถนนเข้าไปค่อยดี ต้องใช้รถ4x4 และ ใช้เวลาเดินทาง2-3ชั่วโมง
แต่คุยได้สักพักเจ้าของร้านข้าว ก็แนะนำสถานที่เที่ยวแห่งใหม่อีกจุด คือ #ภูจอมกุ๊บ ห่างจากที่นี้ไปทางเหนือ ราว60km. แต่ก็ไม่อนุญาติให้เข้าชมเช่นกัน เนื่องจากเป็นเขตทหารเหมือนกัน ตอนนี้ดูเหมือนภาระกิจเราจะไม่สำเร็จ
แต่ตอนนี้ เราก็รู้จักที่เที่ยวชื่อใหม่อีกชื่อแล้ว คือ ภูจอมกุ๊บ แค่ชื่อก็ฟังดูน่าสนใจแล้ว แต่ไม่เป็นไร คืนนี้พักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันกับกลุ่มเพื่อนๆอีกที คืนนี้ก่อนเข้านอน ไฟก็ยังไม่มา แต่ยังดีที่อากาศคืนนี้เย็นสบาย
#########
#เช้าวันที่สี่ อุณหภูมิ19องศา ที่เมือง #ซำเหนือ ที่นี้ความสูงราว960ม. อากาศจึงเย็นสบาย เราออกไปหาอะไรกินแถวตลาดกันก่อน อยู่ไม่ไกลจากที่พัก เพียงไม่กี่ร้อยเมตร
ที่แรกเราเลยลองให้ที่พักติดต่อหารถเพื่อจะไป #ภูผาที #PhuPhaThi แต่เค้าบอกว่าไปไม่ได้ มันไกล ห่างไปอีกราว80km. ไม่มีรถคันไหนไปหรอก และ เป็นเขตทหาร ไม่อนุญาติให้เข้า แต่เจ้าของที่พัก ก็แนะนำให้ลองไปติดต่อที่ ศูนย์การท่องเที่ยว #หัวพัน ดูก่อนว่าทางนู้นจะช่วยอะไรได้ไหม
ศูนย์ท่องเที่ยวหัวพัน
ตอนนั้น พี่โอ๋ กับ ผม 2คนเลยตัดสินใจลองเดินไปติดต่อที่ #ศูนย์การท่องเที่ยวหัวพัน ซึ่งอยู่ข้างๆที่พัก โดยได้พี่โอ๋ ใช้ความน่ารัก พูดจาสุภาพอ่อนหวาน ทำให้เจ้าหน้าที่ใจอ่อน ช่วยติดต่อประสานงานให้
โดยทางศูนย์ได้แจ้งว่า ทางนี้จะช่วยดำเนินการให้ เนื่องจากด้านบน #ภูผาที เป็นเขตทหาร จึงต้องมีใบอนุญาติ ซึ่งเราต้องรอนายใหญ่อนุมัติ แต่ตอนนี้นายใหญ่ติดประชุมอยู่ ต้องรออีกชั่วโมงกว่า ซึ่งตอนนี้เรามีโอกาสที่จะได้ขึ้นภูผาที 50/50
ระหว่างรอคำตอบ ทางเจ้าหน้าที่จึงแนะนำ ให้ไปเที่ยววัดที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี้ ราว2-3km. คือ #วัดศรีบุญเรือง กับ #วัดโพชัย ต้องบอกว่าเจ้าหน้าที่ ที่นี้บริการดีมากๆ พยายามช่วยเหลือพวกเราอย่างเต็มที
เรา2คนจึงกลับมา เพื่อแจ้งข่าวให้เพื่อนๆทราบ โดยระหว่างรอ เราจึงชวนเพื่อนๆไปเที่ยววัด ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่กันก่อน พวกเราเลือกที่จะเหมารถ2แถวเล็ก ไปเที่ยววัดกัน ในราคา100,000 กีบ (ราว400บ.)
วัดศรีบุญเรือง
พระประธานองค์จริง ย้ายมาจาก วัดโพชัย
สามารถเห็นวิวเมือง
วัดโพชัย
เราแวะที่ #วัดศรีบุญเรื่อง กันก่อน ซึ่งตั้งอยู่บนเขา เป็นวัดที่ถูสร้างขึ้นใหม่ จึงทำให้ที่นี้ สามารถเห็นวิวเมืองได้โดยรอบ ที่นี้มีองค์พระพุทธรูปองค์ประธาน ที่ย้ายมาจาก #วัดโพชัย ซึ่งเป็นวัดเก่าดังเดิม ส่วนที่วัดโพชัย องค์พระพุทธรูปในโบสถ์ เป็นองค์จำลองที่ถูกมาประดิษฐานแทนที่เดิม ที่ย้ายไปอยู่ วัดศรีบุญเรือง นั้นเอง
หลังจากเที่ยววัดกันเสร็จ ก็กลับมาตรงที่พักได้ไม่นาน น้อยประเสริฐ (เจ้าหน้าที่) ก็ขับมอไซด์มาตามพวกเราตรงที่พัก แล้วบอกข่าวดี ว่าทางนู้นได้อนุมัติแล้ว สามารถขึ้นได้ พร้อมแจ้ง ค่าใช้จ่าย ว่ามีค่ารถกระบะ 800,000 กีบ/คัน ค่าเจ้าหน้าที่ 100,000 กีบ/คนx2 = 1,000,000 กีบ (ราว4,000บ.)
**คนดูแล ชื่อ น้อย ประเสริฐ เป็นเจ้าหน้าที่ ศูนย์ท่องเที่ยวหัวพัน โดยมีสโลแกน ว่า “สบายๆมากับ น้อย ไปแบบไม่มีหลักการ” และเป็นเจ้าของคลิปvdo ที่เราเห็นจากโดรน เป็นต้นเรื่อง ที่ทำให้พวกเราต้องมาเยือนที่นี้ มาจากผลงานของ น้อย ประเสริฐ นี้เอง และได้ น้องป๋องเป็นคนขับรถให้ ซึ่งทำธุรกิจด้านขนส่ง และ สัมปทานหลายอย่างในลาว
กว่าเราจะออกเดินจากเมือง #ซำเหนือ ก็ ตอน11โมง แต่ตอนนี้แดดแรงมาก เส้นทางเป็นถนนลูกรัง แต่ทางค่อนข้างเรียบ ทำให้รถทำความเร็วได้พอสมควร วิ่งมาได้ราว70km. ก็ถึงร้านค้าตรงทางสามแยกหมู่บ้าน ก็ราว 12:30 ตรงนี้มีความสูง ราว1,230ม. เราแวะพักซื้ออาหาร และ เครื่องดื่ม ไปฝากเจ้าหน้าที่ทหารด้านบนกันสักหน่อย
นู้น..ภูผาที
ร้านค้า ก่อนขึ้นภูผาที
จากนั้นก็นั่งรถขึ้นเขาไปกันต่อ ก็จะเจอจุดด่านทหาร ซึ่งที่นี้ทหารจะให้เราลงชื่อ พร้อมยื่นเอกสารที่ขออนุญาติเข้าสถานที่ แล้วนั่งรถจากจุดนี้ขึ้นไปอีกราว10km. หรือ ราวสิบกว่านาที ก็ถึงจุดเริ่มเดิน ตอนประมาณบ่ายโมง
ก่อนเริ่มเดินทางเจ้าหน้าที่ ได้แนะนำว่า ให้เดินตามเจ้าหน้าที่ ห้ามออกนอกเส้นทางโดยเด็ดขาด เนื่องจากบางจุดยังไม่สำรวจ อาจเจอระเบิดได้ บริเวณจุดเริ่มเดิน จะเป็นลานกว้างพอสมควร ตรงนี้ปกติ จะอนุญาติให้ชาวลาว ขึ้นมานอนกางเต๊นท์ได้
ตรงจุดเริ่มเดินตรงบันไดเหล็ก ความสูงราว 1,514ม. พวกเราเริ่มออกเดินขึ้น ตอน13:10 ทางเดินขึ้นช่วงแรกจะเป็นบันไดเหล็ก ซึ่งบันไดเหล็กอันนี้ เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ราว2ปี ระหว่างทางเราก็จะเห็นบันไดอันเก่า ที่แต่ก่อนเค้าใช้กัน ต้องบอกว่าบันไดอันเก่าต้องใช้คำว่าปีนมากกว่าเดิน เพราะ บันไดเก่าตั้งชัน90องศา เลยทีเดียว
เราเดินขึ้นตามทางบันไดมาประมาณ700ม. ก็จะถึงจุดพักแคมป์ด้านบนของทหาร ตอน13:30 ใช้เวลาเดินขึ้น ราว20นาที บริเวณนี้จะเป็นลานโล่งๆกว้างๆ ขึ้นมาปุ๊บก็จะเห็นแท่นปืนใหญ่ กับ กระต๊อบเล็กๆสำหรับทหารพัก ด้านบนนี้แทบไม่มีร่มเงาให้หลบแดดเลย เราหยุดพักถ่ายรูปตรงนี้กันสักพัก
เดี๋ยวมาเล่าต่อ...
ภูผาที Phu Pha Thi ลาว
#ภูผาที Phu Pha Thi ตั้งอยู่ที่ #ซำเหนือ แขวง #หัวพัน #ลาว สถานที่แห่งนี้ อดีตเป็น ฐานทัพลับของทหารสหรัฐอเมริกา เป็นฐานเรดาร์ ในชื่อรหัส ลิมา85 หรือ LS-85 สมัยสงครามเวียตนาม
ภาพฐานทัพบน ภูผาที เมื่อในอดีต
(ภาพถ่ายจากอินเตอร์เนท)
ภูผาที อยู่บนความสูงราว 1,700ม. ทำให้ที่นี้ ในการลำเลียงอาวุธ จะใช้เฮลิคอปเตอร์เท่านั้น เนื่องจากอยู่ทามกลางหุบเขา เป็นลักษณะภูเขาหินปูน ทอดตัวยาวจากทิศเหนือไปทางทิศใต้ มีหน้าผาสูงชัน โดยเฉพาะทางทิศตะวันตก จะมีหน้าผาตัดถึง90องศา ภูผาที ถูกยึดได้สำเร็จ ด้วยกองกำลังปฏิวัติลาว ช่วง 10-11 มีค.2511
**ข้อมูลจากอินเตอร์เนท
#คลิปvdo ภูผาที
https://youtu.be/IfIVCM0rEkY
อันนี้เป็นทริปต่อเนื่อง หลังจากที่เราไปเที่ยว Ta Xua Dinosaur Backbone ที่ Bac Yen ที่ประเทศเวียตนามมาเรียบร้อย โดยเป้าหมายพวกเราต่อไป ก็คือ ภูผาที ซึ่งอยู่ที่ เมืองซำเหนือ ประเทศลาว โดยเราเลือกที่จะออกจาก ประเทศเวียตนาม ทางด่าน Na Meo แล้วเข้า ประเทศลาว ทางด่าน Nan Xai
สามารถไปดู รายละเอียดรีวิว สันไดโนเสาร์ Ta Xua ได้ที่ลิ้งด้านล่าง
https://pantip.com/topic/38321409
หลังจากทำเรื่องผ่านด่าน Na Meo ที่เวียดนาม พวกเราก็เดินข้ามมายังฝั่งลาว โดยเราเริ่มต้นอีกครั้ง ที่ด่าน Nam Xoi ฝั่งลาว จังหวัด #Houaphanh #หัวพัน เพื่อจะต่อรถไป #ซำเหนือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตม.บอกว่า รถเพิ่งออกไปตอนบ่าย2 ต้องรออีกราว1ชั่วโมง ถึงจะมีรถอีกเที่ยว
ภาพร้านค้าตรงด่าน
พวกเราจึงไปเดินไปรอกันที่ร้านค้าใกล้ๆ เพื่อหาอะไรนั่งกินเล่นระหว่างรอ จนเวลาล่วงเลยมาได้ ราว4โมงกว่า รถก็ยังไม่มา เราเลยให้ร้านค้าช่วยเช็คให้หน่อย ว่ายังมีรถมาไหม?
ซึ่งมางร้านค้าก็ช่วยโทรไปถามให้ เช็คแล้วว่ากำลังมา แต่ตอนนี่รถติดเสียภาษีอยูาที่ด่าน เลยช้าหน่อย และ ทราบมาว่าในรถมีผู้โดยสารแค่4คนเท่านั้นเอง ยังมีที่เหลือเฟื่อสำหรับกลุ่มพวกเรา
พวกเราคิดว่างานนี้สบายแหละ ตีตั๋วนอน แต่กว่ารถบัสจะมา ก็ 5โมงเย็น แต่ปรากฏว่า รถบัสบรรทุกของมาเต็มหลังคารถเลย แถมของยังวางล้นถึงเบาะนั่งด้านในรถด้วย จึงทำให้เหลือที่นั่งกันแบบพอดีฟิตๆ
จากด่าน #NamXoi มาถึง เมือง #ซำเหนือ ระยะทางราว80km. ค่ารถ 100,000 กีบ/คน ตกประมาณ 400บ./คน ที่แรกคิดว่าทำไมค่ารถแพงจังว่ะ แค่80km. เอง
เส้นทางถนน เป็นถนนลูกรังอยู่ในช่วงทำถนน ทางค่อนข้างสาหัสพอสมควร บางช่วงรถก็ติดหล่ม นี้ขนาดไม่ไช่หน้าฝนยังขนาดนี้ ยิ่งเดินทางตอนกลางคืนด้วย ยิ่งยากลำบากมาก เพราะ ไม่มีไฟแสงสว่างระหว่างทางเลย ต้องอาศัยความชำนาญทางล้วนๆ ทำให้พวกเรารู้สึกว่า ค่ารถ 100,000 กีบ ที่จ่ายไป ถูกขึ้นมาทันที
แต่กว่าพวกเราจะถึง #เมืองเวียงไซ Vian Xai ก็2ทุ่ม หลังจากจุดนี้ ถนนเริ่มดีขึ้น แต่รถก็ต้องแวะลงของตามทางอยู่หลายที่ จึงเสียเวลาบาง กว่าเราจะถึงที่สถานีขนส่งสายเหนือ ของเมืองซำเหนือ ก็ราว3ทุ่ม แต่มันยังไม่ถึงตัวเมือง #ซำเหนือ ต้องนั่งรถต่อเข้าไปอีกพอสมควร
ซึ่งจริงๆปกติ รถบัสจะต้องให้ลงที่สถานีขนส่ง แต่ตอนนี้มืดมากแล้ว คนขับรถบัสจึงอาสาจะพาไปส่งพวกเราในเมืองให้ เนื่องจากตอนนี้ไม่มีรถเข้าเมืองแล้ว แต่ก็ต้องแวะลงของตามทางให้ลูกค้าจนเสร็จก่อน แล้วนั่งรถต่อมาอีกสักพักก็ถึงในเมือง
บรรยากาศยามค่ำคืน เงียบมาก
เราเลือกที่จะพัก Bounhome Guesthouse ราคา 80,000 กีบ/ห้อง เนื่องจากอยู่ติดถนน และ เป็นที่แรกที่เห็น เลยเข้าไปติดต่อพักที่นี้ ที่นี้มีห้องพักพอ สำหรับพวกเรา10คน พอดี
หลังจากนำสัมภาระเก็บเข้าห้อง ก็ออกไปกินข้าว ส่วนผมกับเพื่อนบางคน เลือกที่จะกินข้าวร้านข้างๆที่พัก เพราะ ตอนนี้4ทุ่มแล้ว หลังจากสั่งข้าวได้ไม่นานไฟก็ดับทั้งเมืองซำเมือง มื้อค่ำนี้เลยได้กินข้าวภายใต้แสงเทียนกันเลย555
มื้อค่ำ กับข้าวผัดหมูไข่ดาว ใต้แสงเทียน
ระหว่างกินข้าว พี่โอ๋ กับ ผม ก็สอบถามข้อมูลเรื่องการไป #ภูผาที กับทางร้านอาหาร ได้คำตอบมาว่า ที่นี้ไม่ได้ให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้า ให้แต่เพียงชาวลาวเท่านั้น และ เป็นเขตทหาร
เจ้าของร้านบอกว่า ภูผาที ห่างจากที่นี้ไปอีกราว80km. ถนนเข้าไปค่อยดี ต้องใช้รถ4x4 และ ใช้เวลาเดินทาง2-3ชั่วโมง
แต่คุยได้สักพักเจ้าของร้านข้าว ก็แนะนำสถานที่เที่ยวแห่งใหม่อีกจุด คือ #ภูจอมกุ๊บ ห่างจากที่นี้ไปทางเหนือ ราว60km. แต่ก็ไม่อนุญาติให้เข้าชมเช่นกัน เนื่องจากเป็นเขตทหารเหมือนกัน ตอนนี้ดูเหมือนภาระกิจเราจะไม่สำเร็จ
แต่ตอนนี้ เราก็รู้จักที่เที่ยวชื่อใหม่อีกชื่อแล้ว คือ ภูจอมกุ๊บ แค่ชื่อก็ฟังดูน่าสนใจแล้ว แต่ไม่เป็นไร คืนนี้พักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันกับกลุ่มเพื่อนๆอีกที คืนนี้ก่อนเข้านอน ไฟก็ยังไม่มา แต่ยังดีที่อากาศคืนนี้เย็นสบาย
#########
#เช้าวันที่สี่ อุณหภูมิ19องศา ที่เมือง #ซำเหนือ ที่นี้ความสูงราว960ม. อากาศจึงเย็นสบาย เราออกไปหาอะไรกินแถวตลาดกันก่อน อยู่ไม่ไกลจากที่พัก เพียงไม่กี่ร้อยเมตร
ที่แรกเราเลยลองให้ที่พักติดต่อหารถเพื่อจะไป #ภูผาที #PhuPhaThi แต่เค้าบอกว่าไปไม่ได้ มันไกล ห่างไปอีกราว80km. ไม่มีรถคันไหนไปหรอก และ เป็นเขตทหาร ไม่อนุญาติให้เข้า แต่เจ้าของที่พัก ก็แนะนำให้ลองไปติดต่อที่ ศูนย์การท่องเที่ยว #หัวพัน ดูก่อนว่าทางนู้นจะช่วยอะไรได้ไหม
ศูนย์ท่องเที่ยวหัวพัน
ตอนนั้น พี่โอ๋ กับ ผม 2คนเลยตัดสินใจลองเดินไปติดต่อที่ #ศูนย์การท่องเที่ยวหัวพัน ซึ่งอยู่ข้างๆที่พัก โดยได้พี่โอ๋ ใช้ความน่ารัก พูดจาสุภาพอ่อนหวาน ทำให้เจ้าหน้าที่ใจอ่อน ช่วยติดต่อประสานงานให้
โดยทางศูนย์ได้แจ้งว่า ทางนี้จะช่วยดำเนินการให้ เนื่องจากด้านบน #ภูผาที เป็นเขตทหาร จึงต้องมีใบอนุญาติ ซึ่งเราต้องรอนายใหญ่อนุมัติ แต่ตอนนี้นายใหญ่ติดประชุมอยู่ ต้องรออีกชั่วโมงกว่า ซึ่งตอนนี้เรามีโอกาสที่จะได้ขึ้นภูผาที 50/50
ระหว่างรอคำตอบ ทางเจ้าหน้าที่จึงแนะนำ ให้ไปเที่ยววัดที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี้ ราว2-3km. คือ #วัดศรีบุญเรือง กับ #วัดโพชัย ต้องบอกว่าเจ้าหน้าที่ ที่นี้บริการดีมากๆ พยายามช่วยเหลือพวกเราอย่างเต็มที
เรา2คนจึงกลับมา เพื่อแจ้งข่าวให้เพื่อนๆทราบ โดยระหว่างรอ เราจึงชวนเพื่อนๆไปเที่ยววัด ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่กันก่อน พวกเราเลือกที่จะเหมารถ2แถวเล็ก ไปเที่ยววัดกัน ในราคา100,000 กีบ (ราว400บ.)
วัดศรีบุญเรือง
พระประธานองค์จริง ย้ายมาจาก วัดโพชัย
สามารถเห็นวิวเมือง
วัดโพชัย
เราแวะที่ #วัดศรีบุญเรื่อง กันก่อน ซึ่งตั้งอยู่บนเขา เป็นวัดที่ถูสร้างขึ้นใหม่ จึงทำให้ที่นี้ สามารถเห็นวิวเมืองได้โดยรอบ ที่นี้มีองค์พระพุทธรูปองค์ประธาน ที่ย้ายมาจาก #วัดโพชัย ซึ่งเป็นวัดเก่าดังเดิม ส่วนที่วัดโพชัย องค์พระพุทธรูปในโบสถ์ เป็นองค์จำลองที่ถูกมาประดิษฐานแทนที่เดิม ที่ย้ายไปอยู่ วัดศรีบุญเรือง นั้นเอง
หลังจากเที่ยววัดกันเสร็จ ก็กลับมาตรงที่พักได้ไม่นาน น้อยประเสริฐ (เจ้าหน้าที่) ก็ขับมอไซด์มาตามพวกเราตรงที่พัก แล้วบอกข่าวดี ว่าทางนู้นได้อนุมัติแล้ว สามารถขึ้นได้ พร้อมแจ้ง ค่าใช้จ่าย ว่ามีค่ารถกระบะ 800,000 กีบ/คัน ค่าเจ้าหน้าที่ 100,000 กีบ/คนx2 = 1,000,000 กีบ (ราว4,000บ.)
**คนดูแล ชื่อ น้อย ประเสริฐ เป็นเจ้าหน้าที่ ศูนย์ท่องเที่ยวหัวพัน โดยมีสโลแกน ว่า “สบายๆมากับ น้อย ไปแบบไม่มีหลักการ” และเป็นเจ้าของคลิปvdo ที่เราเห็นจากโดรน เป็นต้นเรื่อง ที่ทำให้พวกเราต้องมาเยือนที่นี้ มาจากผลงานของ น้อย ประเสริฐ นี้เอง และได้ น้องป๋องเป็นคนขับรถให้ ซึ่งทำธุรกิจด้านขนส่ง และ สัมปทานหลายอย่างในลาว
กว่าเราจะออกเดินจากเมือง #ซำเหนือ ก็ ตอน11โมง แต่ตอนนี้แดดแรงมาก เส้นทางเป็นถนนลูกรัง แต่ทางค่อนข้างเรียบ ทำให้รถทำความเร็วได้พอสมควร วิ่งมาได้ราว70km. ก็ถึงร้านค้าตรงทางสามแยกหมู่บ้าน ก็ราว 12:30 ตรงนี้มีความสูง ราว1,230ม. เราแวะพักซื้ออาหาร และ เครื่องดื่ม ไปฝากเจ้าหน้าที่ทหารด้านบนกันสักหน่อย
นู้น..ภูผาที
ร้านค้า ก่อนขึ้นภูผาที
จากนั้นก็นั่งรถขึ้นเขาไปกันต่อ ก็จะเจอจุดด่านทหาร ซึ่งที่นี้ทหารจะให้เราลงชื่อ พร้อมยื่นเอกสารที่ขออนุญาติเข้าสถานที่ แล้วนั่งรถจากจุดนี้ขึ้นไปอีกราว10km. หรือ ราวสิบกว่านาที ก็ถึงจุดเริ่มเดิน ตอนประมาณบ่ายโมง
ก่อนเริ่มเดินทางเจ้าหน้าที่ ได้แนะนำว่า ให้เดินตามเจ้าหน้าที่ ห้ามออกนอกเส้นทางโดยเด็ดขาด เนื่องจากบางจุดยังไม่สำรวจ อาจเจอระเบิดได้ บริเวณจุดเริ่มเดิน จะเป็นลานกว้างพอสมควร ตรงนี้ปกติ จะอนุญาติให้ชาวลาว ขึ้นมานอนกางเต๊นท์ได้
ตรงจุดเริ่มเดินตรงบันไดเหล็ก ความสูงราว 1,514ม. พวกเราเริ่มออกเดินขึ้น ตอน13:10 ทางเดินขึ้นช่วงแรกจะเป็นบันไดเหล็ก ซึ่งบันไดเหล็กอันนี้ เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ราว2ปี ระหว่างทางเราก็จะเห็นบันไดอันเก่า ที่แต่ก่อนเค้าใช้กัน ต้องบอกว่าบันไดอันเก่าต้องใช้คำว่าปีนมากกว่าเดิน เพราะ บันไดเก่าตั้งชัน90องศา เลยทีเดียว
เราเดินขึ้นตามทางบันไดมาประมาณ700ม. ก็จะถึงจุดพักแคมป์ด้านบนของทหาร ตอน13:30 ใช้เวลาเดินขึ้น ราว20นาที บริเวณนี้จะเป็นลานโล่งๆกว้างๆ ขึ้นมาปุ๊บก็จะเห็นแท่นปืนใหญ่ กับ กระต๊อบเล็กๆสำหรับทหารพัก ด้านบนนี้แทบไม่มีร่มเงาให้หลบแดดเลย เราหยุดพักถ่ายรูปตรงนี้กันสักพัก
เดี๋ยวมาเล่าต่อ...