สวัสดีครับ
มีทั้งคำถาม และประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า วันที่ - ธันวาคม พ.ศ. 2561
เพื่อนผมคนหนึ่งซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่ โดนคดีเมาแล้วขับ ถูกจับอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง
ผมได้ไปถามหาเพื่อนผมที่โดนจับ เพื่อต้องการขอประกันตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า
มาประกันตัวหรอคุยกับคนนี้เลย
จากนั้นมีพี่ผู้หญิงเดินมาหา ถามว่าได้กดตังมาไหม ผมก็ตอบไปว่า ไม่มีครับ
จากนั้นพี่เค้าก็เหมือนบอกอะไรบางอย่าง แต่ผมฟังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่
จับใจความได้ว่า ต้องมี 20000 นะ ถ้าไม่มีเสีย 3000 มี 3000 ไหม
ฟังยังไม่ทันได้เรื่อง มีพี่ตำรวจมาหาและพาผมไปยืนยันตัวบุคคลว่าใช่เพื่อนจริง ๆ หรือไม่
ซึ่งคนในนั้นก็คือเพื่อนผมจริง ๆ โดนจับจริง เมาแล้วขับจริง
ผมก็ตกลงกับพี่เขา ว่าจะจ่ายเงิน 3000 บาท เพื่อประกันตัวเพื่อนผม
จากนั้นเขาก็ให้ผมเซ็นต์ชื่อ 2 แผ่น สำเนาบัตรประชาชนอีก 1 แผ่น
จำไม่ได้ว่าเป็นแผ่นอะไร เซ็นต์ในช่องผู้ขอประกันตัว มอง ๆ ดูเป็นพวกข้อกฏหมายนี่เเหละเต็มกระดาษ
ไม่ทันได้มานั่งอ่านหรอกครับ ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะมันเยอะและยาวมาก
จากนั้นเขาก็ถามชื่อเล่น และเบอร์โทรศัพท์ไป กรอกลงเอกสาร ทางด้านตำรวจได้ปล่อยตัวเพื่อนผมเสร็จ
พี่ผู้หญิงก็ได้ถามชื่อ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ของเพื่อนกรอกลงเอกสาร
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ 3000 บาท พี่เค้าบอกว่า เงินประกันนี้ไม่ได้คืนนะ
จากนั้นนั่งออกคุยกันเรื่องเวลา สถานที่ต้องไปขึ้นศาล ให้เตรียมเงินชำระค่าปรับที่ศาลอีก 5000 บาท
ซักพักแล้วก็ออกไป ไม่มีใบเสร็จรับเงินหรือให้เอกสารใด ๆ ทั้งสิ้น
ถัดจากวันนั้นอีกวันตอนบ่าย เพื่อนได้ไปขึ้นศาลและชำระค่าปรับ ได้ลองนำไปเสร็จไปขอรับค่าประกันคืนดู
ปรากฏว่าไม่ได้ เพราะไม่ใช่เงินวางประกัน
ถามว่าทำไมไม่วางเงินประกัน 20000 บาทไปเลย ไม่ต้องมาเสีย 3000 บาท
ในตอนนั้นเข้าใจว่า เงิน 3000 นี้เเหละครับ คือค่าประกันตัว
และนักเรียนนักศึกษาที่ไหนจะหาเงิน 20000 บาท มาประกันตัวได้มั่ง หากทางบ้านไม่มีฐานะ
เเทบทุกคนไม่มีรายได้กันหรอกครับ ขนาดที่ว่าคนวัยทำงานบางคน เงินจำนวนขนาดนี้ยังไม่มีเลย ก็คงต้องไปกู้หนี้ยืมสินกันมา
ตอนนั้นถ้าไม่เลือกเสีย 3000 เพื่อนผมก็คงต้องนอนในคุกไปอีกหนึ่งวันครึ่ง เพื่อรอขึ้นศาลในบ่ายของอีกวันถัดไป
ผมสงสัยมากว่า 3000 บาท ในเมื่อไม่ใช่ค่าประกันตัวแล้วนั้น ที่ผมจ่ายไปเป็นค่าอะไรกันแน่ ?
เป็นค่าประกันตัวเหมือนกันแต่ราคาต่ำกว่า เพราะเป็นประเภทที่จ่ายเสร็จแล้วไม่ได้คืน ?
ตอนที่คุยกันเรื่องนี่ค่อนข้างไม่ชัดเจน แต่จับใจความได้ว่าเงินที่จ่ายไปนี้ เขาเรียกว่าค่าประกันตัว
เงินที่จ่ายไปไหน ใช่การจ่ายที่เป็นไปตามกฏหมายหรือเปล่า ? แล้วพี่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ?
มีหลายข้อสงสัยเกิดขึ้นมา
ผมเป็นเพียงคนนอกไม่รู้ระบบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
พี่ผู้หญิงคนนั้นดูสนิทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก ไม่แน่ใจว่าใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนกัน แต่อยู่คนละแผนกหรือเปล่า
แต่ถ้าหากเป็นคนนอก แบบนี้จะเป็นถือช่องโหว่งของภาครัฐใช่ไหม ที่มีการปล่อยให้มีการใช้ช่องว่างตรงนี้
เป็นช่องทางทำมาหากินผ่านอำนาจรัฐ
คิดเล่น ๆ ใน 1 วัน มีคนกระทำผิด ที่โดนแบบนี้เฉลี่ย 2 คน รายได้เข้ากระเป๋า 3000 ต่อคน
คิดเป็นรายได้ต่อวัน 6000 บาท ต่อเดือน 180000 บาท ในขณะที่รายได้ต่อวันของกรรมกรอยู่ที่ 300 บาท
รายรับตรงนี้กินเปล่า ไม่ต้องไปเสียภาษี เพราะไม่มีใครรู้ ตรวจสอบไม่ได้
แล้วถ้าหากคนทำแบบนี้ไม่ได้มีแค่คนเดียวละ ?
แล้วถ้าเกิดไม่ใช่กรณีนี้กรณีเดียว เกิดมีแบบอื่นที่ได้เงินสูงกว่านี้อีกหลายเท่าตัว ?
คิดดูว่ารายได้ตรงนี้มหาศาลแค่ไหน แถมไม่ต้องลงแรงอะไรมาก อาศัยแค่ช่องว่างบังคับใช้ข้อกฏหมาย
กลายเป็นอาชีพใหม่เพิ่มมา (หรือมีอยู่มานานแล้ว) และจะเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
ในเมื่อเงินดี งานสบาย ใครบ้างไม่อยากทำ
พ.ร.บ.จราจรทางบกความผิด ฐานขับรถในขณะเมาสุรา ผมเข้าใจครับว่าที่ปรับแพง ๆ นั้น
เพื่อต้องการปราบปรามพวกเมาแล้วขับ เพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
ตรงนี้ผมเห็นด้วยและเพื่อนผมก็มีความผิดจริง
แต่การที่ปล่อยให้บุคคล มาหาผลประโยชน์จากข้อกฏหมายตรงนี้ได้หรือจะเป็นกฏหมายอื่น ๆ ก็ตาม
ต่อให้กฏหมายดีแค่ไหน หากคนบังคับใช้กฏหมายไม่ดี มันก็จะกลายเป็นกฏหมายที่ไม่ดีไปเลย
อยากฝากประสบการณ์ตรงนี้ไว้เป็นข้อคิดครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสถานีตำรวจ แล้วเกิดเหตุการณ์นี้เป็นเหตุทุจริตหลอกลวงจริง
ผมจะสามารถไปแจ้งความได้ที่ไหน
สถานีตำรวจหรอ ? แจ้งความจับใคร ? ในเมื่อก็ผิดทั้งคู่
ผมก็ไม่รู้ว่าเงิน 3000 บาท ที่จ่ายไปนั้นเป็นค่าอะไร แต่ไม่ใช่ค่าประกันตัวแน่ ๆ
หรือเป็นค่าใช้จ่ายอื่นเพื่อให้สามารถประกันตัวได้ ในตรงนี้ผมไม่มีความรู้
ถ้าเป็นการจ่ายตามระเบียบกฏหมาย ผมขอโทษด้วยที่เข้าใจผิดไป เป็นเพราะผมฟังไม่เครียเอง
อยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ต้องทำยังไงครับ
ตอนแรกก็ตั้งใจจะปล่อยผ่านไป แต่ถ้าทุกที่เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดก็คงไม่ไหวครับ
ขอบคุณครับ
เรื่องเกี่ยวกับการประกันตัวผู้ต้องหา ในคดีเมาแล้วขับ
มีทั้งคำถาม และประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า วันที่ - ธันวาคม พ.ศ. 2561
เพื่อนผมคนหนึ่งซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่ โดนคดีเมาแล้วขับ ถูกจับอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง
ผมได้ไปถามหาเพื่อนผมที่โดนจับ เพื่อต้องการขอประกันตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า
มาประกันตัวหรอคุยกับคนนี้เลย
จากนั้นมีพี่ผู้หญิงเดินมาหา ถามว่าได้กดตังมาไหม ผมก็ตอบไปว่า ไม่มีครับ
จากนั้นพี่เค้าก็เหมือนบอกอะไรบางอย่าง แต่ผมฟังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่
จับใจความได้ว่า ต้องมี 20000 นะ ถ้าไม่มีเสีย 3000 มี 3000 ไหม
ฟังยังไม่ทันได้เรื่อง มีพี่ตำรวจมาหาและพาผมไปยืนยันตัวบุคคลว่าใช่เพื่อนจริง ๆ หรือไม่
ซึ่งคนในนั้นก็คือเพื่อนผมจริง ๆ โดนจับจริง เมาแล้วขับจริง
ผมก็ตกลงกับพี่เขา ว่าจะจ่ายเงิน 3000 บาท เพื่อประกันตัวเพื่อนผม
จากนั้นเขาก็ให้ผมเซ็นต์ชื่อ 2 แผ่น สำเนาบัตรประชาชนอีก 1 แผ่น
จำไม่ได้ว่าเป็นแผ่นอะไร เซ็นต์ในช่องผู้ขอประกันตัว มอง ๆ ดูเป็นพวกข้อกฏหมายนี่เเหละเต็มกระดาษ
ไม่ทันได้มานั่งอ่านหรอกครับ ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะมันเยอะและยาวมาก
จากนั้นเขาก็ถามชื่อเล่น และเบอร์โทรศัพท์ไป กรอกลงเอกสาร ทางด้านตำรวจได้ปล่อยตัวเพื่อนผมเสร็จ
พี่ผู้หญิงก็ได้ถามชื่อ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ของเพื่อนกรอกลงเอกสาร
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ 3000 บาท พี่เค้าบอกว่า เงินประกันนี้ไม่ได้คืนนะ
จากนั้นนั่งออกคุยกันเรื่องเวลา สถานที่ต้องไปขึ้นศาล ให้เตรียมเงินชำระค่าปรับที่ศาลอีก 5000 บาท
ซักพักแล้วก็ออกไป ไม่มีใบเสร็จรับเงินหรือให้เอกสารใด ๆ ทั้งสิ้น
ถัดจากวันนั้นอีกวันตอนบ่าย เพื่อนได้ไปขึ้นศาลและชำระค่าปรับ ได้ลองนำไปเสร็จไปขอรับค่าประกันคืนดู
ปรากฏว่าไม่ได้ เพราะไม่ใช่เงินวางประกัน
ถามว่าทำไมไม่วางเงินประกัน 20000 บาทไปเลย ไม่ต้องมาเสีย 3000 บาท
ในตอนนั้นเข้าใจว่า เงิน 3000 นี้เเหละครับ คือค่าประกันตัว
และนักเรียนนักศึกษาที่ไหนจะหาเงิน 20000 บาท มาประกันตัวได้มั่ง หากทางบ้านไม่มีฐานะ
เเทบทุกคนไม่มีรายได้กันหรอกครับ ขนาดที่ว่าคนวัยทำงานบางคน เงินจำนวนขนาดนี้ยังไม่มีเลย ก็คงต้องไปกู้หนี้ยืมสินกันมา
ตอนนั้นถ้าไม่เลือกเสีย 3000 เพื่อนผมก็คงต้องนอนในคุกไปอีกหนึ่งวันครึ่ง เพื่อรอขึ้นศาลในบ่ายของอีกวันถัดไป
ผมสงสัยมากว่า 3000 บาท ในเมื่อไม่ใช่ค่าประกันตัวแล้วนั้น ที่ผมจ่ายไปเป็นค่าอะไรกันแน่ ?
เป็นค่าประกันตัวเหมือนกันแต่ราคาต่ำกว่า เพราะเป็นประเภทที่จ่ายเสร็จแล้วไม่ได้คืน ?
ตอนที่คุยกันเรื่องนี่ค่อนข้างไม่ชัดเจน แต่จับใจความได้ว่าเงินที่จ่ายไปนี้ เขาเรียกว่าค่าประกันตัว
เงินที่จ่ายไปไหน ใช่การจ่ายที่เป็นไปตามกฏหมายหรือเปล่า ? แล้วพี่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ?
มีหลายข้อสงสัยเกิดขึ้นมา
ผมเป็นเพียงคนนอกไม่รู้ระบบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
พี่ผู้หญิงคนนั้นดูสนิทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก ไม่แน่ใจว่าใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนกัน แต่อยู่คนละแผนกหรือเปล่า
แต่ถ้าหากเป็นคนนอก แบบนี้จะเป็นถือช่องโหว่งของภาครัฐใช่ไหม ที่มีการปล่อยให้มีการใช้ช่องว่างตรงนี้
เป็นช่องทางทำมาหากินผ่านอำนาจรัฐ
คิดเล่น ๆ ใน 1 วัน มีคนกระทำผิด ที่โดนแบบนี้เฉลี่ย 2 คน รายได้เข้ากระเป๋า 3000 ต่อคน
คิดเป็นรายได้ต่อวัน 6000 บาท ต่อเดือน 180000 บาท ในขณะที่รายได้ต่อวันของกรรมกรอยู่ที่ 300 บาท
รายรับตรงนี้กินเปล่า ไม่ต้องไปเสียภาษี เพราะไม่มีใครรู้ ตรวจสอบไม่ได้
แล้วถ้าหากคนทำแบบนี้ไม่ได้มีแค่คนเดียวละ ?
แล้วถ้าเกิดไม่ใช่กรณีนี้กรณีเดียว เกิดมีแบบอื่นที่ได้เงินสูงกว่านี้อีกหลายเท่าตัว ?
คิดดูว่ารายได้ตรงนี้มหาศาลแค่ไหน แถมไม่ต้องลงแรงอะไรมาก อาศัยแค่ช่องว่างบังคับใช้ข้อกฏหมาย
กลายเป็นอาชีพใหม่เพิ่มมา (หรือมีอยู่มานานแล้ว) และจะเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
ในเมื่อเงินดี งานสบาย ใครบ้างไม่อยากทำ
พ.ร.บ.จราจรทางบกความผิด ฐานขับรถในขณะเมาสุรา ผมเข้าใจครับว่าที่ปรับแพง ๆ นั้น
เพื่อต้องการปราบปรามพวกเมาแล้วขับ เพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
ตรงนี้ผมเห็นด้วยและเพื่อนผมก็มีความผิดจริง
แต่การที่ปล่อยให้บุคคล มาหาผลประโยชน์จากข้อกฏหมายตรงนี้ได้หรือจะเป็นกฏหมายอื่น ๆ ก็ตาม
ต่อให้กฏหมายดีแค่ไหน หากคนบังคับใช้กฏหมายไม่ดี มันก็จะกลายเป็นกฏหมายที่ไม่ดีไปเลย
อยากฝากประสบการณ์ตรงนี้ไว้เป็นข้อคิดครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสถานีตำรวจ แล้วเกิดเหตุการณ์นี้เป็นเหตุทุจริตหลอกลวงจริง
ผมจะสามารถไปแจ้งความได้ที่ไหน
สถานีตำรวจหรอ ? แจ้งความจับใคร ? ในเมื่อก็ผิดทั้งคู่
ผมก็ไม่รู้ว่าเงิน 3000 บาท ที่จ่ายไปนั้นเป็นค่าอะไร แต่ไม่ใช่ค่าประกันตัวแน่ ๆ
หรือเป็นค่าใช้จ่ายอื่นเพื่อให้สามารถประกันตัวได้ ในตรงนี้ผมไม่มีความรู้
ถ้าเป็นการจ่ายตามระเบียบกฏหมาย ผมขอโทษด้วยที่เข้าใจผิดไป เป็นเพราะผมฟังไม่เครียเอง
อยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ต้องทำยังไงครับ
ตอนแรกก็ตั้งใจจะปล่อยผ่านไป แต่ถ้าทุกที่เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดก็คงไม่ไหวครับ
ขอบคุณครับ