(เรื่องสั้น) เมื่อฉันอยากตาย...

ฉันยืนอยู่ริมขอบที่กั้นชั้นดาดฟ้าของอาคารหอพัก สายลมกลางคืนเย็นฉ่ำพัดมาปะทะร่างแต่ฉันไม่รู้สึกรู้สม แม้แสงดาวบนฟ้าจะทอประกายระยิบวิบวับแต่น้ำตาที่กำลังเอ่อทำให้ฉันมองไม่เห็นความสวยงามอะไรทั้งนั้น

"ฉันอยากตาย"

คำนี้สะท้อนก้องอยู่ในหัวไปมา ชีวิตของฉันมันไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว อยู่ไปก็รังแต่จะเป็นส่วนเกินของสังคม ถ้าฉันตายๆไปก็คงดี
สองขาฉันก้าวไปข้างหน้าช้าๆ
อา...ข้างล่างนี่มันสวยงามจริงๆ ถ้าร่วงลงไปคงสบายไม่ต้องรับรู้อะไรอีก แล้วร่างของฉันก็ร่วงวูบลงไป

"เฮือก"

ฉันสะดุ้งสุดตัวที่เห็นภาพตัวเองร่วงลงมาจากชั้นเจ็ดของหอพัก ในความรู้สึกมันช่างราวกันฉันได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการทั้งหมดทั้งมวลเข้าสู่ความสบายที่ไม่เคยได้รับมาก่อน...แต่ไม่ มันไม่ปรกตินะแบบนี้ ถ้าฉันตายไปมันจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้จริงๆอย่างนั้นหรือ ฉันคิดทบทวนแล้วสะบัดภาพนั้นออกไปจากหัว สงสัยฉันคงต้องการพบจิตแพทย์แล้วล่ะ เสียงผู้บรรยายข่าวโทรทัศน์ยามเช้าในโรงอาหารบริษัทดังแว่วมาเข้าหู

“...กรมสุขภาพจิตพบว่าปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามากถึง 1.5 ล้านคน โดยอาการที่เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าคือ เบื่อ ไม่สนใจทำอะไร เศร้า ท้อแท้ ไม่สบายใจ เบื่ออาหาร หรือ กินมากเกินไป หลับยาก ทำอะไรช้าลง อ่อนเพลีย รู้สึกไร้ค่า....ถ้ามีอาการแบบนี้นะคะ ควรเข้าปรึกษากับแพทย์จะเป็นการดีที่สุด.......”(ดัดแปลงจากข่าวไทยพีบีเอส)

ฉันนั่งคิดทบทวนตัวเอง นี่มันอาการของฉันทั้งนั้นเลยนี่นา ฉันรู้สึกไร้ค่า ผู้หญิงอ้วนแต่นมเล็กตูดแฟ่บแบบฉันใครที่ไหนเขาจะมาชอบ จมูกบานกรามใหญ่ไปไหนมาไหนใครเขาก็เบือนหน้าหนี ฉันเริ่มกลืนข้าวลงคออย่างยากลำบากพร้อมกับถอนหายใจซึ่งไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ตั้งแต่ตื่นมาเช้าวันนี้ ฉันรีบๆกินข้าวเสียให้หมดโดยเร็วแม้มันจะแสนฝืดคอเพื่อที่จะเริ่มต้นงานอันแสนน่าเบื่อ

“นี่ดูข่าวนั่นป่ะ คนผูกคอตายที่กะลูกกรงห้องพักในหออ่ะ ไม่รู้เสียใจเรื่องอะไรเนาะ แต่ก็ไม่น่าเลย ฉันล่ะสงสารเจ้าของหอ มีคนผูกคอตายแบบนี้ลำบากแย่ ใครจะไปกล้ามาอยู่อีก ไม่อยากจะว่าหรอกนะ แต่จะตายทั้งทียังต้องมาลำบากคนอื่นไปอี๊ก...เนี่ยเห็นลงในเฟสบุ๊ค ว่าแล้วไปเม้นท์หน่อยดีกว่า”

เพื่อนร่วมงานที่นั่งโต๊ะตรงข้ามกับฉันบ่นถึงข่าวที่อ่านเจอเช้านี้ มันก็จริงของเธอนั่นแหละ และฉันเองก็เคยคิดที่จะผูกคอตายกับลูกกรงประตูแบบนี้เหมือนกัน เคยได้ยินว่าถึงตายได้  แต่ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจนักหรอกว่ามันจริงไหม ก็ฉันยังไม่เคยลองเลยไม่รู้

ตอนนั้นฉันลงทุนไปซื้อเชือกมาแล้วด้วย แต่ตอนกำลังจะลงมือผูกเงื่อนฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าถ้าฉันตายแล้วยังไง เจ้าของหอคงเดือดร้อนวุ่นวายน่าดู ไหนจะต้องตามมูลนิธิมาเก็บศพ ไปเชิญพระมาปัดรังควาน จะตายแล้วยังต้องให้คนอื่นเดือดร้อนอีกฉันก็ไม่เอาดีกว่าเลยพับเก็บโครงการนี้ไป แล้วยิ่งเมื่อไม่นานมานี้ฉันอ่านเจอมีคนมาเล่าในพันทิปอีกว่ารอดตายจากการผูกคอตายมาก็จริงแต่ชีวิตหลังจากนั้นกลับกลายเป็นอยู่ยากเต็มที เท่านั้นฉันก็เลิกคิดวิธีนี้ไปเลย ถ้าไม่ตายล่ะมันจะยุ่งไม่รู้จบเปล่าๆ

กินยาล้างห้องน้ำตาย....วิธีนี้ก็น่าสนใจนะ แต่ฉันเคยอ่านเจอบันทึกเรื่องเล่าของเด็กสาวที่รอดมาจากการกินยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตายแล้ว หยึย เธอต้องทรมานไปตลอดชีวิตกับการที่ระบบทางเดินอาหารเสียหายถูกทำลายโดยสิ้นเชิงจากฤทธิ์การทำลายของน้ำยาล้างห้องน้ำ น่าเศร้าที่กว่าเธอจะตายจริงๆต้องทรมานแล้วทรมานอีกกับการผ่าตัดเอาส่วนปลายลำไส้ที่เน่าเสียออกและการขาดสารอาหารเนื่องจากระบบย่อยอาหารถูกทำลายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ โครงการนี้ก็เลยถูกพับออกไปอีกจนได้

ฉันกลับมาถึงห้องด้วยอาการสะบักสะบอมเหนื่อยอ่อน ที่ทำงานทุกวันนี้ทุกคนร้ายแรงใส่กันจนฉันเหนื่อย ใครผิดนิดเดียวโดนเชือดเอาถึงตาย...ตาย จริงสิเนาะ ฉันอยากตายนี่นา แต่ฉันไม่ได้อยากตายทั้งเป็นในที่ทำงานนี่ ทุกวันนี้ฉันรู้สึกหดหู่ไร้ค่า ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้มันดีกว่านี้ ยิ่งพี่โจ้คนที่ฉันแอบปลื้มพยายามส่งยิ้มให้แต่เขากลับหน้าบึ้งตอบกลับมา ใช่สิ คนไม่สวยอย่างฉันก็ต้องทำใจ ฉันล้มตัวลงนอน อยากปลดปล่อยตัวเองจากโลกนี้เหลือเกิน แต่ยังทำไม่ได้

ฉันหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนๆอ่านสื่อสังคมโซเชี่ยลที่เล่นอยู่ไปเรื่อยๆ ทำไมทุกคนดูมความสุข คนนั้นลงภาพไปญี่ปุ่น ยุโรป ไต้หวัน อินเดีย คนนั้นไปกินอาหารญี่ปุ่นร้านดัง บินเฟิร์สคลาส เฮ้อ....เมื่อไหร่ฉันจะมีโอกาสแบบนั้นบ้างหนอ มองดูตัวเองในกระจก อ้วนดำไม่มีนมแบบฉันใครจะมาสนใจ ตายๆไปซะยังดีซะกว่า แต่จะตายยังไงให้คนอื่นเดือดร้อนน้อยที่สุดนี่สิ ตายในหอพักคงไม่ดี

‘โอ๊ย...ไปแขวนคอตายในหอพักทำไมให้ชาวบ้านชาวเมืองเขาเดือดร้อน ทำไมไม่ไปแขวนคอตายในวัด’

คอมเมนท์หนึ่งในข่าวคนผูกคอตายในหอพักสะดุดใจฉัน เออ..จริงสิ วัด ก็เป็นสถานที่สำหรับคนตายอยู่แล้วนี่นา ถ้าตายในบ้าน ในห้องเช่า คนข้างหลังคงเดือดร้อนใครเขาจะไปกล้ามาเช่าต่อหรือซื้อบ้านต่อ มันน่าขนลุกหยอกเมื่อไหร่กันเล่า แต่ถ้าตายในวัด มันก็เข้าทีนะ อาจจะลำบากแค่มูลนิธิตอนมาเก็บศพ...คิดได้ดังนั้นฉันจึงลุกไปหยิบเชือกที่เคยซื้อมาเตรียมไว้ แล้วเดินออกไปทันที
ใช้เวลาแค่ที่ 10 นาที ฉันก็มาถึงวัดที่ใกล้ที่สุด วัดยามค่ำคืนดูเงียบเหงาวังเวิงน่ากลัวแม้ว่าจะอยู่ในที่ชุมชนที่คึกคัก ฉันตัดสินใจแน่วแน่จำได้ว่าที่วัดมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งมีกิ่งก้านแข็งแรงขอที่จะปีนขึ้นไปง่ายๆ จบลงเสียทีชีวิตที่ไร้ค่า ฉันเดินตรงไปน้ำตานองหน้า ทันทีที่เดินมาถึงต้นไม้ต้นนั้นฉันก็ตกใจจนแทบสิ้นสติมี เงาตะคุ่มๆอยู่ตรงนั้น แสงไฟถนนส่องมาพอให้เห็นรางๆว่าเป็นผู้ชายกำลังพยายามปีนขึ้นไปบนยอดไม้ เห็นแค่เงาฉันก็จำได้ทันที

“พี่โจ้!”
ฉันร้องออกไปด้วยความตกใจสุดขีด ร่างนั้นหันกลับมาตามเสียงฉันทันทีด้วยอาการตกใจไม่แพ้กัน

“แป้ง!”

พี่โจ้รีบลงมาจากต้นไม้แล้ววิ่งมาหาฉัน ในมือของเขาถือเชือกเส้นโตเหมือนกันกับฉัน เท่านั้นเองฉันก็เข้าใจทุกอย่าง ทำไมกัน ทำไมผู้ชายที่ดูดีแบบพี่โจถึงได้คิดสั้นอะไรแบบนี้ ฉันงงไปหมด

“แป้ง...มาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่า...”

ปลายเสียงของเขาแผ่วลง ดวงตาแดงที่คลอน้ำตาจ้องมองมายังฉัน

“แป้งทำไมถึงจะคิดสั้น แป้งรู้ไหมว่าแป้งยังมีคุณค่าสำหรับใครอีกหลายต่อหลายคน อย่างน้อยก็พี่”

ประโยคสุดท้ายของพี่โจ้เหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับฉัน ฉันเองย้อนถามเขากลับไปเช่นเดียวกันและนั่นทำให้ฉันกับพี่โจ้ได้คุยกันมากขึ้น และทำให้ฉันได้รู้ว่าตลอดเวลาพี่โจ้เองก็แอบชอบฉันมานานแต่เขากลัวว่าฉันคงไม่ได้ชอบเขา คนไม่หล่ออย่างเขาไม่เคยมีใครรักไม่เคยมีใครชอบ ฉันจึงแย้งเขาไปว่าอย่างน้อยก็มีฉันนี่แหละที่สนใจเขา

ตอนนี้ฉันเลิกคิดอยากตายแล้วล่ะ ฉันไม่ต้องไปหาหมอเพื่อรักษาโรคซึมเศร้าที่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นรึเปล่าด้วย เมื่อฉันได้คุยกับพี่โจ้ทำให้ฉันเปิดใจแล้วเริ่มคุยกับคนรอบข้างมากขึ้น ทำให้ฉันได้รู้ตัวว่าตลอดเวลาฉันเอาแต่ดูอมทุกข์จนไม่มีใครกล้าเข้าหา ฉันกับพี่โจ้เราคุยกันมากขึ้น คอยให้คำปรึกษาเรื่องงานและเรื่องครอบครัวให้กันและกันและตอนนี้ฉันกับพี่โจ้กำลังจะแต่งงาน เราสองคนวางแผนจะมีลูกเมื่อพร้อม คิดๆดูเราสองคนก็แปลกดีนะ ถ้าไม่เจอกันที่วัดวันนั้นคงไม่มีโอกาสได้คุยกันแบบนี้...จะว่าไปก็ขอบคุณความคิดอยากตายของเราสองคนเหมือนกัน


**เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง เพื่อให้กำลังใจสำหรับใครๆก็ตามที่อาจกำลังเหนื่อย ท้อแท้ สิ้นหวัง ทีแรกตั้งใจว่าอาจจะจบเศร้า แต่คิดว่าโลกนี้มันเหนื่อยพอแล้ว จบแบบมีความสุขน่าดีกว่า เป็นกำลังใจให้ทุกคนบนโลกใบนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่