สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่านี่เป็นกระทู้แรกที่เขียน หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ก่อน
เรื่องราวที่กำลังจะเล่าเรื่องความรักที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่เราไปเรียนต่อที่ต่างประเทศต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ
ดิฉันอายุ 28 ปี นิสัยเอาแต่ใจมาก ชอบเหวี่ยงวีน ไม่ค่อยมีเหตุผล โลเล เป็นคนตรงไปตรงมาค่ะ คิดอย่างไรก็บอกไปตรงๆ ส่วนแฟนผู้ชายอายุ 29 ปี นิสัยดี พูดน้อยกับคนที่ไม่ค่อยรู้จัก แต่จะตลกมากกับคนที่สนิท เป็นคนชอบตามใจ เอาใจใส่ เราคบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยจนถึงปี 2018 ก็ 9 ปี พอดีค่ะ อย่างที่บอกว่าคบกันมานานผ่านเรื่องราวชีวิตมาด้วยกันเยอะมาก เรียกได้ว่าทุกเหตุการณ์สำคัญในชีวิตเรามีกันและกันเสมอค่ะ ที่ผ่านมาก็มีทะเลาะกันบ่อย บอกเลิกกันก็บ่อย (ช่วงเรียนมหาลัย) เกเรแอบมีกิ๊กบ้างแต่พอจับได้ก็เลิก ตอนก่อนที่จะมาเรียนชีวิตรักของเราก็ปกติดีค่ะ มีทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ไม่สบายใจ
ปี 2017 ดิฉันได้ทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ แฟนสนับสนุนให้ไปเรียนต่อเพราะเห็นแก่อนาคตของเรา ก่อนไปเราได้มีการตกลงกันไว้แล้วว่ามีอะไรจะคุยกัน จะไม่บอกเลิกตอนช่วงที่ไปเรียนเพราะถ้าทำอย่างนั้น มันอาจจะเป็นการเลิกกันจริงๆ
ตอนเริ่มไปเรียน 3-4 เดือนแรกยังไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ เรียนยังไม่หนัก เราคุยกันทุกวันแม้ว่าเวลาของเราจะต่างกันประมาณ 5-6 ชม. ส่วนใหญ่เราจะคุยกันเวลากลางคืนของไทย ประมาณ 5 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืนค่ะ เวลาของดิฉันที่เมืองนอกก็จะประมาณ 5 – 6 โมงเย็น แรกๆ มันก็ไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ เพราะเรายังไม่ค่อยมีเพื่อน ยังไม่มีสังคมใหม่ เวลาส่วนใหญ่ก็เลยจะอยู่กะแฟน เลิกเรียน 4 โมงเย็นก็โทรหาเค้าเลย ไปตลาด ปั่นจักรยาน ทำอาหารเย็นก็จะอยู่ในสายด้วยกันตลอด (เราเป็นคนติดแฟนมากค่ะ และแฟนก็ติดเรามากเหมือนกัน) แต่พอเราเริ่มมีเพื่อน มีสังคม เลิกเรียนเราก็มีไปทานข้าว ไปสังสรรค์กันบ้าง เพราะฉะนั้นเวลาตอนเย็นเราก็จะไม่ค่อยได้โทรหาแฟน เค้าก็รอค่ะ รอจนดึกดื่น ตี 2-3 เค้าก็รอ ขอให้ได้คุยกันทุกวัน
เรื่องราวมันดำเนินมาเรื่อยๆ โดยปกติเราจะมีเรื่องทะเลาะกับแฟนอยู่เป็นประจำ ครั้งนั้นจำได้ว่าทะเลาะกันเรื่องขอเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้ที่ต่างประเทศ แต่ดิฉันไม่ยอมให้เพราะคิดว่าเราคุยไลน์กันเป็นประจำ ไม่จำเป็นต้องให้เบอร์ที่นี้ก็ได้ ตอนนั้นเราเริ่มเรียนหนักขึ้น มีความเครียด บวกกับแฟนก็เป็นห่วงเรามากเกินไป จะไปไหนมาไหนก็ให้ส่งไลน์มาบอก ส่งรูปมาให้ดู แม้เวลาไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไร ขอแค่ให้ส่งมาบอก เราเองก็พยายามทำค่ะ แต่ยอมรับว่าบางครั้งมันก็ลืม (ดิฉันเป็นคนขี้ลืมมากค่ะ) เราเองค่อนข้างอัดอัดที่เวลาไปไหนมาไหน แฟนมักจะขอให้ถ่ายรูปมาให้ดู หรือ เฟสไทม์กัน คือ เมืองนอกเค้าค่อนข้างมี privacy สูงค่ะ ไม่ค่อยให้ใครถ่ายรูปติดตัวเค้าถ้าไม่สนิท เราก็เลยมักจะทะเลาะกันบ่อยๆ เรื่องที่ไม่ส่งรูป ส่งไลน์ว่าไปไหนมาไหนบ้าง ตอนนั้นยอมรับว่าเบื่อ ดิฉันลองสังเกตเพื่อนที่มีความสัมพันธ์ระยะไกลเหมือนกัน เค้ากับแฟนก็ไม่ได้ต้องทำขนาดนี้ บวกกับ การใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอกคนเดียว มันทำให้เราพยองพองขนว่า “เห้ยยย เราอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียวได้นิหว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องมีแฟนให้ต้องเหนื่อยใจเลย” เรียนก็เหนื่อย ยังต่อมาเหนื่อยใจอีก เราเลยตัดสินใจเลิกกับแฟน เมื่อตอนเดือนที่ 4 ของการไปเรียนค่ะ (เรียนหลักสูตร 12 เดือนค่ะ)
เรายอมรับว่าค่อนข้างใจร้ายกับเค้ามาก เพราะเราบล็อกเค้าทุกช่องทางค่ะ ไลน์ เฟสบุ๊ก ไอจี เราบอกเลิกเค้าแล้วก็ไม่ติดต่อกันเลย 3 เดือนเต็ม ระหว่างนั้นวันวาเลนไทม์เค้ายังมีส่งดอกไม้มาให้ที่บ้าน เพราะเค้าทราบที่อยู่ที่เราพักอยู่ค่ะ ดิฉันบล็อกเค้าแค่ช่วงเดือนแรกหลักจากที่บอกเลิก แต่หลังจากนั้นก็อันบล็อก แต่เค้าก็ไม่ได้ติดต่อมาเลยนะคะ และดิฉันก็ไม่ได้ติดต่อไป 3 เดือนเต็ม
ช่วงที่เลิกกันไป ก็ไม่ได้มีความสุขหรอกค่ะ ดิฉันเองก็ดูเศร้าๆ แต่พอดีต้องโฟกัสเรื่องเรียน เลยไม่ค่อยได้มีเวลาเศร้ามากเท่าไหร่ หลังจาก 3 เดือนที่ไม่ได้คุยกันเลย ดิฉันก็ทักไปคุยกับเค้าก่อนค่ะ เพราะดิฉันเริ่มมีปัญหาเรื่องการเรียนไม่รู้จะปรึกษาใคร ดิฉันเลยติดต่อแฟนกลับไป เราคุยกันในฐานะเพื่อนที่เคยมีความผูกพันกันมานาน รู้ทุกเรื่องของกันและกัน เค้าปรึกษาเราเรื่องธุรกิจ เราก็ปรึกษาเค้าเรื่องเรียน ตอนนั้นเราได้ยินข่าวว่าเค้าเริ่มคุยกับผู้หญิงคนใหม่ ตอนนั้นรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ เหมือนคนอกหัก ทั้งๆ ที่เราเป็นคนที่ตั้งใจจะเลิกกับเค้าเอง เราก็พยายามที่จะง้อเค้าค่ะ (ห่วงกางสุดๆ) แต่เค้าก็พูดเหมือนกับว่าเค้าผ่านช่วงเวลาอันแสนเศร้ากับเรามาแล้ว เค้าไม่อยากกลับมาอยู่จุดๆ เดิมอีก เราก็ไม่ได้เซ่าซี้มากค่ะ เพราะคุยกันในสถานะนี้ก็รู้สึกสบายใจดี จากนั้นเราก็คุยกันมาตลอด จากวีคละครั้ง ก็บ่อยขึ้นเรื่อยๆ เป็นเกือบทุกวันค่ะ
จุดเปลี่ยนมันเริ่มตอนที่ช่วงเดือนที่ 9 ของการเรียน ผู้ชายไปงานแต่งงานเพื่อนสนิทเค้า ซึ่งมีแฟนเก่าของเค้าที่เคยคบกันตอนสมัยมัธยมไปร่วมงานด้วย กับแฟนเก่าคนนี้เค้าเคยคบ 4 ปี ก่อนที่จะมาคบกับดิฉันค่ะ หลังจากงานแต่งงานนั้นทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปค่ะ แต่ก่อนไปไหนมาไหนผู้ชายก็บอกหรือส่งรูปมาให้ดูเสมอๆ แต่หลังๆ ก็จะไม่ค่อยบอก เริ่มพูดให้เราตัดใจจากเค้า ขอให้เราเลิกติดต่อกันแบบจริงจัง โดยดิฉันมาสืบรู้ที่หลังว่า ผู้ชายเริ่มไปไหนมาไหนกับแฟนเก่าคนนี้ ไปเที่ยวทะเล ไปดูคอนเสริ์ต ตอนนั้นดิฉันเสียใจมากเลยค่ะ ร้องไห้ทุกวัน ทำธีสิสแทบไม่ได้เลย วันๆ เอาแต่ร้องไห้ แต่ด้วยความผูกพันธ์และเป็นห่วง ผู้ชายก็ยังคุยกับเราทุกวันเพราะกลัวว่าเราจะไม่ยอมเรียนต่อจนจบ สถานการณ์ตอนนั้นเราที่อยู่ไกล ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ อยากจะง้อก็ไปง้อไม่ได้ รู้ว่าเค้าไปด้วยกันก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ร้องไห้และขอร้องให้เค้าให้โอกาสเราอีกสักครั้ง
หลังจากเรียนจบกับมาประเทศไทย ดิฉันเริ่มต้นง้อขอคืนดีอย่างหนัก โทรไปหาทุกวัน ขอไปกินข้าวด้วย แต่ผู้ชายไม่ยอมคุย บล็อกเบอร์โทร และไม่ยอมให้มาเจอค่ะ เค้าขอเวลาเรา 1 เดือน เพื่อทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ว่าจะให้โอกาสเรากลับมาคืนดีกันหรือไม่ เรายอมทำตามค่ะ ห่างกับเค้าไปประมาณ 1 เดือน แต่ทุกอย่างมันยิ่งเลวร้าย ช่วง 1 เดือนที่เราห่างกัน ผู้ชายไปเที่ยว ไปไหนมาไหนกะอีกคน พอคบ 1 เดือนเราเลยกลับมาถามว่าจะเอายังไง?? สรุป คือ เค้าเลือกผู้หญิงอีกคนค่ะ โดยให้เหตุผลว่า เราเลิกกันมานานแล้ว ทุกอย่างมันไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม เค้าแคร์เพื่อนที่ค่อยปลอมใจเค้าในช่วงเวลาที่เค้าเศร้า ถ้ากลับมาคบกันอีกเพื่อนก็อาจจะไม่ช่วยเหลือถ้าเกิดเสียใจอีกครั้ง ครอบครัวผู้ชายที่รับรู้ว่าเค้าเสียใจมากก็ไม่อยากให้กลับมาคบกันอีก เพราะเห็นว่าดิฉันไปทำร้ายลูกเค้าให้เสียใจ ผู้หญิงอีกคนที่เริ่มผูกพันกันมากขึ้น เค้าก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียใจเพราะเข้ามาทำให้รู้สึกดีตอนที่ไม่มีเรา
ผู้ชายค่อนข้างชัดเจนไปทางผู้หญิงคนอื่น ซึ่งมันทำให้ดิฉันเจ็บปวดและโทษตัวเองที่ทำเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นจนทำให้ตัวเองสูญเสียความรักที่แท้จริงไป ดิฉันพยายามทำทุกทางเลยค่ะเพื่อให้เค้ากลับคืนมา ฟังแล้วอาจจะดูงี่เง่ามาก ดิฉันไปนั่งรอเค้าหลังเลิกงานทุกวัน ไปรอเค้าที่หน้าบ้านทุกวัน ซื้อของกินไปฝากที่บ้านบ้าง (เค้าบล็อกเบอร์ โทรหาไม่ได้ค่ะ) พอเค้าเจอหน้าเราก็จะหงุดหงิด รำคาญ ไล่เรากลับบ้านไปทันที จะมีบางอารมณ์ที่เค้าใจดีก็จะยอมไปทานข้าวด้วยบ้างค่ะ
ดิฉันพยายามตามเค้าไปในทุกๆ ทีที่เค้าไป เพราะกังวลใจว่าเค้าจะไปเจอผู้หญิงอีกคน โดยมีความคิดที่ว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก อยู่กับเค้าตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เค้าได้มีโอกาสที่จะเจอกับอีกคน ถือเป็นการปิดช่องว่างความสัมพันธ์ แต่ความเป็นจริงคือ มันทำให้เค้าอึกอัดที่ไม่สามารถไปเจอกับผู้หญิงอีกคนนึงได้ เค้าโกรธ เค้าเกลียด จนท้ายที่สุด เค้าชัดเจนกับผู้หญิงอีกคนไปเลยค่ะ
สรุปว่าตอนนี้ ดิฉันเป็นคนทำทุกโอกาสพังหมด ไม่มีทางไหนที่จะทำให้เค้ากลับมาได้เลย ลำพังแค่เรื่องเพื่อนและครอบครัว ดิฉันก็พอจะสู้ไปกับเค้าได้ หากว่าเค้าเลือกเราแล้วพร้อมจะสู้ แต่กับผู้หญิงอีกคนเรามองไม่เห็นทางเลยว่าเค้าจะเลิกกันแล้วกลับมาคบกับเรา เราคิดว่าเค้ามีความรู้สึกลึกซึ้งกันไปไกลมากเกินกว่าจะกลับมา ดิฉันคิดนะคะว่าความรัก 9 ปีมันไม่มีความหมายกับเค้าเลยใช่ไหม ถึงได้เริ่มต้นรักใครใหม่ได้ง่ายๆ เพียงแค่เจอแฟนเก่าแค่ 5 เดือน เค้าก็ตัดสินใจได้เลยว่าจะเลือกแฟนเก่า
มันทรมานมากเลยค่ะ กับความรู้สึกรัก รู้สึกผิด และความรู้สึกหึงหวง... ดิฉันพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างเพื่อให้ความรักของเราดีขึ้น แต่ยิ่งทำก็ยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ตอนนี้ถอยออกมาแล้วค่ะ ยิ่งทำต่อยิ่งทรมานไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำนี้ถูกต้องหรือยัง?
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอใช้ประสบการณ์ความรักครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่มีค่ามากกับตัวเอง และเป็นเรื่องเตือนใจคนที่อ่านกระทู้จนจบด้วยนะคะ ถ้าคุณเป็นคนที่กำลังมีความรักที่ดีอยู่แล้ว หรือ อาจมีทะเลาะกันบ้าง แต่เค้าเป็นคนที่เราเลือกแล้วว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย ก็หมั่นดูแลใส่ใจความรักของคุณไว้ให้ดี ดูแลกันตอนที่ยังดีกันอยู่ ดีกว่ามาทำดีที่หลังตอนที่สายไปแบบนี้ มันอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้ค่ะ
เพราะความรักมันซับซ้อนจริงๆ ค่ะ ขอกำลังใจด้วยนะคะ
รักแท้แพ้ระยะทางและแฟนเก่า
เรื่องราวที่กำลังจะเล่าเรื่องความรักที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่เราไปเรียนต่อที่ต่างประเทศต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ
ดิฉันอายุ 28 ปี นิสัยเอาแต่ใจมาก ชอบเหวี่ยงวีน ไม่ค่อยมีเหตุผล โลเล เป็นคนตรงไปตรงมาค่ะ คิดอย่างไรก็บอกไปตรงๆ ส่วนแฟนผู้ชายอายุ 29 ปี นิสัยดี พูดน้อยกับคนที่ไม่ค่อยรู้จัก แต่จะตลกมากกับคนที่สนิท เป็นคนชอบตามใจ เอาใจใส่ เราคบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยจนถึงปี 2018 ก็ 9 ปี พอดีค่ะ อย่างที่บอกว่าคบกันมานานผ่านเรื่องราวชีวิตมาด้วยกันเยอะมาก เรียกได้ว่าทุกเหตุการณ์สำคัญในชีวิตเรามีกันและกันเสมอค่ะ ที่ผ่านมาก็มีทะเลาะกันบ่อย บอกเลิกกันก็บ่อย (ช่วงเรียนมหาลัย) เกเรแอบมีกิ๊กบ้างแต่พอจับได้ก็เลิก ตอนก่อนที่จะมาเรียนชีวิตรักของเราก็ปกติดีค่ะ มีทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ไม่สบายใจ
ปี 2017 ดิฉันได้ทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ แฟนสนับสนุนให้ไปเรียนต่อเพราะเห็นแก่อนาคตของเรา ก่อนไปเราได้มีการตกลงกันไว้แล้วว่ามีอะไรจะคุยกัน จะไม่บอกเลิกตอนช่วงที่ไปเรียนเพราะถ้าทำอย่างนั้น มันอาจจะเป็นการเลิกกันจริงๆ
ตอนเริ่มไปเรียน 3-4 เดือนแรกยังไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ เรียนยังไม่หนัก เราคุยกันทุกวันแม้ว่าเวลาของเราจะต่างกันประมาณ 5-6 ชม. ส่วนใหญ่เราจะคุยกันเวลากลางคืนของไทย ประมาณ 5 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืนค่ะ เวลาของดิฉันที่เมืองนอกก็จะประมาณ 5 – 6 โมงเย็น แรกๆ มันก็ไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ เพราะเรายังไม่ค่อยมีเพื่อน ยังไม่มีสังคมใหม่ เวลาส่วนใหญ่ก็เลยจะอยู่กะแฟน เลิกเรียน 4 โมงเย็นก็โทรหาเค้าเลย ไปตลาด ปั่นจักรยาน ทำอาหารเย็นก็จะอยู่ในสายด้วยกันตลอด (เราเป็นคนติดแฟนมากค่ะ และแฟนก็ติดเรามากเหมือนกัน) แต่พอเราเริ่มมีเพื่อน มีสังคม เลิกเรียนเราก็มีไปทานข้าว ไปสังสรรค์กันบ้าง เพราะฉะนั้นเวลาตอนเย็นเราก็จะไม่ค่อยได้โทรหาแฟน เค้าก็รอค่ะ รอจนดึกดื่น ตี 2-3 เค้าก็รอ ขอให้ได้คุยกันทุกวัน
เรื่องราวมันดำเนินมาเรื่อยๆ โดยปกติเราจะมีเรื่องทะเลาะกับแฟนอยู่เป็นประจำ ครั้งนั้นจำได้ว่าทะเลาะกันเรื่องขอเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้ที่ต่างประเทศ แต่ดิฉันไม่ยอมให้เพราะคิดว่าเราคุยไลน์กันเป็นประจำ ไม่จำเป็นต้องให้เบอร์ที่นี้ก็ได้ ตอนนั้นเราเริ่มเรียนหนักขึ้น มีความเครียด บวกกับแฟนก็เป็นห่วงเรามากเกินไป จะไปไหนมาไหนก็ให้ส่งไลน์มาบอก ส่งรูปมาให้ดู แม้เวลาไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไร ขอแค่ให้ส่งมาบอก เราเองก็พยายามทำค่ะ แต่ยอมรับว่าบางครั้งมันก็ลืม (ดิฉันเป็นคนขี้ลืมมากค่ะ) เราเองค่อนข้างอัดอัดที่เวลาไปไหนมาไหน แฟนมักจะขอให้ถ่ายรูปมาให้ดู หรือ เฟสไทม์กัน คือ เมืองนอกเค้าค่อนข้างมี privacy สูงค่ะ ไม่ค่อยให้ใครถ่ายรูปติดตัวเค้าถ้าไม่สนิท เราก็เลยมักจะทะเลาะกันบ่อยๆ เรื่องที่ไม่ส่งรูป ส่งไลน์ว่าไปไหนมาไหนบ้าง ตอนนั้นยอมรับว่าเบื่อ ดิฉันลองสังเกตเพื่อนที่มีความสัมพันธ์ระยะไกลเหมือนกัน เค้ากับแฟนก็ไม่ได้ต้องทำขนาดนี้ บวกกับ การใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอกคนเดียว มันทำให้เราพยองพองขนว่า “เห้ยยย เราอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียวได้นิหว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องมีแฟนให้ต้องเหนื่อยใจเลย” เรียนก็เหนื่อย ยังต่อมาเหนื่อยใจอีก เราเลยตัดสินใจเลิกกับแฟน เมื่อตอนเดือนที่ 4 ของการไปเรียนค่ะ (เรียนหลักสูตร 12 เดือนค่ะ)
เรายอมรับว่าค่อนข้างใจร้ายกับเค้ามาก เพราะเราบล็อกเค้าทุกช่องทางค่ะ ไลน์ เฟสบุ๊ก ไอจี เราบอกเลิกเค้าแล้วก็ไม่ติดต่อกันเลย 3 เดือนเต็ม ระหว่างนั้นวันวาเลนไทม์เค้ายังมีส่งดอกไม้มาให้ที่บ้าน เพราะเค้าทราบที่อยู่ที่เราพักอยู่ค่ะ ดิฉันบล็อกเค้าแค่ช่วงเดือนแรกหลักจากที่บอกเลิก แต่หลังจากนั้นก็อันบล็อก แต่เค้าก็ไม่ได้ติดต่อมาเลยนะคะ และดิฉันก็ไม่ได้ติดต่อไป 3 เดือนเต็ม
ช่วงที่เลิกกันไป ก็ไม่ได้มีความสุขหรอกค่ะ ดิฉันเองก็ดูเศร้าๆ แต่พอดีต้องโฟกัสเรื่องเรียน เลยไม่ค่อยได้มีเวลาเศร้ามากเท่าไหร่ หลังจาก 3 เดือนที่ไม่ได้คุยกันเลย ดิฉันก็ทักไปคุยกับเค้าก่อนค่ะ เพราะดิฉันเริ่มมีปัญหาเรื่องการเรียนไม่รู้จะปรึกษาใคร ดิฉันเลยติดต่อแฟนกลับไป เราคุยกันในฐานะเพื่อนที่เคยมีความผูกพันกันมานาน รู้ทุกเรื่องของกันและกัน เค้าปรึกษาเราเรื่องธุรกิจ เราก็ปรึกษาเค้าเรื่องเรียน ตอนนั้นเราได้ยินข่าวว่าเค้าเริ่มคุยกับผู้หญิงคนใหม่ ตอนนั้นรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ เหมือนคนอกหัก ทั้งๆ ที่เราเป็นคนที่ตั้งใจจะเลิกกับเค้าเอง เราก็พยายามที่จะง้อเค้าค่ะ (ห่วงกางสุดๆ) แต่เค้าก็พูดเหมือนกับว่าเค้าผ่านช่วงเวลาอันแสนเศร้ากับเรามาแล้ว เค้าไม่อยากกลับมาอยู่จุดๆ เดิมอีก เราก็ไม่ได้เซ่าซี้มากค่ะ เพราะคุยกันในสถานะนี้ก็รู้สึกสบายใจดี จากนั้นเราก็คุยกันมาตลอด จากวีคละครั้ง ก็บ่อยขึ้นเรื่อยๆ เป็นเกือบทุกวันค่ะ
จุดเปลี่ยนมันเริ่มตอนที่ช่วงเดือนที่ 9 ของการเรียน ผู้ชายไปงานแต่งงานเพื่อนสนิทเค้า ซึ่งมีแฟนเก่าของเค้าที่เคยคบกันตอนสมัยมัธยมไปร่วมงานด้วย กับแฟนเก่าคนนี้เค้าเคยคบ 4 ปี ก่อนที่จะมาคบกับดิฉันค่ะ หลังจากงานแต่งงานนั้นทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปค่ะ แต่ก่อนไปไหนมาไหนผู้ชายก็บอกหรือส่งรูปมาให้ดูเสมอๆ แต่หลังๆ ก็จะไม่ค่อยบอก เริ่มพูดให้เราตัดใจจากเค้า ขอให้เราเลิกติดต่อกันแบบจริงจัง โดยดิฉันมาสืบรู้ที่หลังว่า ผู้ชายเริ่มไปไหนมาไหนกับแฟนเก่าคนนี้ ไปเที่ยวทะเล ไปดูคอนเสริ์ต ตอนนั้นดิฉันเสียใจมากเลยค่ะ ร้องไห้ทุกวัน ทำธีสิสแทบไม่ได้เลย วันๆ เอาแต่ร้องไห้ แต่ด้วยความผูกพันธ์และเป็นห่วง ผู้ชายก็ยังคุยกับเราทุกวันเพราะกลัวว่าเราจะไม่ยอมเรียนต่อจนจบ สถานการณ์ตอนนั้นเราที่อยู่ไกล ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ อยากจะง้อก็ไปง้อไม่ได้ รู้ว่าเค้าไปด้วยกันก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ร้องไห้และขอร้องให้เค้าให้โอกาสเราอีกสักครั้ง
หลังจากเรียนจบกับมาประเทศไทย ดิฉันเริ่มต้นง้อขอคืนดีอย่างหนัก โทรไปหาทุกวัน ขอไปกินข้าวด้วย แต่ผู้ชายไม่ยอมคุย บล็อกเบอร์โทร และไม่ยอมให้มาเจอค่ะ เค้าขอเวลาเรา 1 เดือน เพื่อทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ว่าจะให้โอกาสเรากลับมาคืนดีกันหรือไม่ เรายอมทำตามค่ะ ห่างกับเค้าไปประมาณ 1 เดือน แต่ทุกอย่างมันยิ่งเลวร้าย ช่วง 1 เดือนที่เราห่างกัน ผู้ชายไปเที่ยว ไปไหนมาไหนกะอีกคน พอคบ 1 เดือนเราเลยกลับมาถามว่าจะเอายังไง?? สรุป คือ เค้าเลือกผู้หญิงอีกคนค่ะ โดยให้เหตุผลว่า เราเลิกกันมานานแล้ว ทุกอย่างมันไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม เค้าแคร์เพื่อนที่ค่อยปลอมใจเค้าในช่วงเวลาที่เค้าเศร้า ถ้ากลับมาคบกันอีกเพื่อนก็อาจจะไม่ช่วยเหลือถ้าเกิดเสียใจอีกครั้ง ครอบครัวผู้ชายที่รับรู้ว่าเค้าเสียใจมากก็ไม่อยากให้กลับมาคบกันอีก เพราะเห็นว่าดิฉันไปทำร้ายลูกเค้าให้เสียใจ ผู้หญิงอีกคนที่เริ่มผูกพันกันมากขึ้น เค้าก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียใจเพราะเข้ามาทำให้รู้สึกดีตอนที่ไม่มีเรา
ผู้ชายค่อนข้างชัดเจนไปทางผู้หญิงคนอื่น ซึ่งมันทำให้ดิฉันเจ็บปวดและโทษตัวเองที่ทำเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นจนทำให้ตัวเองสูญเสียความรักที่แท้จริงไป ดิฉันพยายามทำทุกทางเลยค่ะเพื่อให้เค้ากลับคืนมา ฟังแล้วอาจจะดูงี่เง่ามาก ดิฉันไปนั่งรอเค้าหลังเลิกงานทุกวัน ไปรอเค้าที่หน้าบ้านทุกวัน ซื้อของกินไปฝากที่บ้านบ้าง (เค้าบล็อกเบอร์ โทรหาไม่ได้ค่ะ) พอเค้าเจอหน้าเราก็จะหงุดหงิด รำคาญ ไล่เรากลับบ้านไปทันที จะมีบางอารมณ์ที่เค้าใจดีก็จะยอมไปทานข้าวด้วยบ้างค่ะ
ดิฉันพยายามตามเค้าไปในทุกๆ ทีที่เค้าไป เพราะกังวลใจว่าเค้าจะไปเจอผู้หญิงอีกคน โดยมีความคิดที่ว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก อยู่กับเค้าตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เค้าได้มีโอกาสที่จะเจอกับอีกคน ถือเป็นการปิดช่องว่างความสัมพันธ์ แต่ความเป็นจริงคือ มันทำให้เค้าอึกอัดที่ไม่สามารถไปเจอกับผู้หญิงอีกคนนึงได้ เค้าโกรธ เค้าเกลียด จนท้ายที่สุด เค้าชัดเจนกับผู้หญิงอีกคนไปเลยค่ะ
สรุปว่าตอนนี้ ดิฉันเป็นคนทำทุกโอกาสพังหมด ไม่มีทางไหนที่จะทำให้เค้ากลับมาได้เลย ลำพังแค่เรื่องเพื่อนและครอบครัว ดิฉันก็พอจะสู้ไปกับเค้าได้ หากว่าเค้าเลือกเราแล้วพร้อมจะสู้ แต่กับผู้หญิงอีกคนเรามองไม่เห็นทางเลยว่าเค้าจะเลิกกันแล้วกลับมาคบกับเรา เราคิดว่าเค้ามีความรู้สึกลึกซึ้งกันไปไกลมากเกินกว่าจะกลับมา ดิฉันคิดนะคะว่าความรัก 9 ปีมันไม่มีความหมายกับเค้าเลยใช่ไหม ถึงได้เริ่มต้นรักใครใหม่ได้ง่ายๆ เพียงแค่เจอแฟนเก่าแค่ 5 เดือน เค้าก็ตัดสินใจได้เลยว่าจะเลือกแฟนเก่า
มันทรมานมากเลยค่ะ กับความรู้สึกรัก รู้สึกผิด และความรู้สึกหึงหวง... ดิฉันพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างเพื่อให้ความรักของเราดีขึ้น แต่ยิ่งทำก็ยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ตอนนี้ถอยออกมาแล้วค่ะ ยิ่งทำต่อยิ่งทรมานไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำนี้ถูกต้องหรือยัง?
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอใช้ประสบการณ์ความรักครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่มีค่ามากกับตัวเอง และเป็นเรื่องเตือนใจคนที่อ่านกระทู้จนจบด้วยนะคะ ถ้าคุณเป็นคนที่กำลังมีความรักที่ดีอยู่แล้ว หรือ อาจมีทะเลาะกันบ้าง แต่เค้าเป็นคนที่เราเลือกแล้วว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย ก็หมั่นดูแลใส่ใจความรักของคุณไว้ให้ดี ดูแลกันตอนที่ยังดีกันอยู่ ดีกว่ามาทำดีที่หลังตอนที่สายไปแบบนี้ มันอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้ค่ะ
เพราะความรักมันซับซ้อนจริงๆ ค่ะ ขอกำลังใจด้วยนะคะ