(CR) ประสบการณ์ การดูหนัง Gravity of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด


รีวิวหนังไทยเรื่อง Gravity of Love รักแท้…แพ้แรงดึงดูด
ฉบับคนที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าควรเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงมั้ย? บอกไว้ก่อนว่ามีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน

เรื่องย่อ ฟ้า (เต้ย จรินทร์พร) หญิงสาวที่ไม่เชื่อในพรหมลิขิตหลังจากผิดหวังจากความรักมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเมื่อเธอได้พบเจอกับ เชน (บอย ปกรณ์) ลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทย ผู้เชื่อมั่นในพรหมลิขิตแบบสุดๆ เซนเชื่อว่าความบังเอิญที่ทำให้เขาและฟ้าได้พบเจอกันนั้นเกิดจากพรหมลิขิต ฟ้าไม่เห็นด้วย

เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ ทั้งคู่จึงทำข้อตกลงกันไว้ว่า หากได้พบเจอกันอีกครั้งโดยที่ทั้งสองไม่มีคอนแทคใดๆ สำหรับติดต่อกันเลย ฟ้าจึงจะเชื่อว่าการที่เธอได้เจอกับเซนมันคือพรหมลิขิตชักนำ และทั้งคู่เกิดมาเพื่อกันและกัน

แต่การเดินทางพิสูจน์ความรักและความเชื่อของฟ้าครั้งนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ เพราะเธอมีแก๊งค์เพื่อนนักวางแผนที่คอยชักสื่อชักใยให้เธอกับ เต้ (หลุยส์ สก๊อต) เพื่อนที่แอบรักฟ้ามานานได้ตกล่องปล่องชิ้นกันอยู่ เต้ = ตัวแทนของความพยายาม


ส่วนที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีสำหรับเราคือการดึงเอานักแสดงชั้นนำที่มีฐานแฟนคลับเยอะอยู่แล้วอย่าง เต้ย จรินทร์พร, บอย ปกรณ์ และ หลุยส์ สก๊อต มาเล่นหนังร่วมกัน เพราะในไทยมีแฟนคลับไม่น้อยที่เฝ้าคอยการหวนกลับสู่จอเงินของทั้ง 3 คน

ตัวพล๊อตเรื่อง ตอนที่เราได้ดูตัวอย่างหนัง ก็ต้องยอมรับความกล้าที่จะเลือกพล๊อตเกี่ยวกับพรหมลิขิตมาเล่าของทางผู้สร้าง คนส่วนใหญ่อาจจะรู้สึกขยาดกับเรื่องที่กำลังจะถูกเล่า แต่เราพยายามเปิดใจ มองข้ามสิ่งนี้และเดินเข้าไปดูหนังในโรง

กลายเป็นว่าจากเดิมที่คิดว่าหนังจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับความบังเอิญแบบง่ายๆ ม้วนเดียวจบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีเรื่องราวขยายต่อเยอะกว่านั้นมาก การหักมุมเรื่องให้คนดูตามก็น่าสนใจ ตัวหนังที่มีความยาวกว่าชั่วโมงครึ่ง ไม่ได้ดูน่าเบื่อเลยเมื่อถูกเล่าเรื่องอย่างฉับไว ตัดกับมุกตลกฉึบฉับ

มิติของตัวละครก็น่าสนใจ สำหรับเราแล้วเราชอบตัวละคร เชน ที่หลุยส์ สก๊อตเล่นมาก เพราะเราได้เห็นถึงมิติความรักที่เขามีต่อฟ้า มันมากล้น จริงจัง และเจ็บจริง แม้ตัวละครของเขาจะออกมาน้อยเมื่อเทียบสัดส่วนกับนักแสดงหลักอีก 2 คน แต่นั่นกลับทำให้มิติตัวละครของเขากลมขึ้นในความรู้สึกเราอย่างมาก การได้เฝ้ารักใครสักคน การได้สัมผัสเขาในฐานะคนรัก ก่อนที่การพ่ายแพ้ให้ต่อการไม่รักของคนรัก
แต่เป็นความชนะในใจ ที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุขกับทางที่เลือก…โอยยยย !!!

สิ่งที่เราชอบสำหรับหนังเรื่องนี้คือ ดีไซน์ในการนำเสนอเรื่องราว แทนที่จะเล่าเรื่องในแบบเดิมๆ หนังได้มีการดีไซน์ช็อตบางช็อตให้ออกมาแตกต่างและโดดเด่น ตัวอย่าง ฉากที่ฟ้าเมา เธอกำลังขับรถอยู่ ภาพที่คนดูได้เห็นเป็นภาพของเธอที่กำลังขับรถอยู่ในรถ มี ดีไซน์เป็นเส้นสีๆ วิ่งผ่านตัวรถ แสดงให้เห็นภาพแบบเดียวกับที่คนเมาเห็นเวลาขับรถ วิธีการเล่าเรื่องแบบนี้เราว่าเข้ากันได้ดีมากกับประเภทหนังอยู่ไม่น้อยเลย

มุกตลกในหนัง มีความเหนือความคาดหมายอยู่ไม่น้อย เราชอบการแสดงของหนูเล็ก ก่าก๊ะในเรื่องมาก มันเป็นการแสดงตลกแบบพอดี ที่ทำเราเผลอยิ้มโดยไม่รู้สึกอึดอัด อีกคนก็คือ  ติ๊ก วิลาสิณี รับบทเป็น ผึ้ง เพื่อนสนิทของฟ้า ที่มีความสวยโก๊ะ ลอยหน้าลอยตา และชวนมองตลอดเวลา บาส เบียร์ ก็เป็นสีสันให้เรายิ้มได้ตลอดกับมุกชุดแฟชั่นนิสต้า ที่เราจะชินตา เวลาไป ต่างประเทศแล้วเห็นคนแต่งตัวเยอะๆ ประมาณนี้
และที่ชอบมากที่สุด มาเหนือความคาดหมาย มาแบบนิ่งๆ แต่ทำเอาเราขำตัวโยนคือลุงคนขับรถตู้ ขอไม่บอกนะว่ามันเป็นมุกอะไรยังไง ต้องไปดู ไปฮากันเอาเอง

จะมีติดอยู่นิดนึงเรื่องของสไตล์การเล่าเรื่อง บางทีดูๆ เหมือนกำลังนั่งดูละครอยู่บ้าง
แต่ก็ดีตรงที่ ไม่ต้องมาันั่งตีความมาก หลายตลบ แต่ก็มีบางอย่างที่แอบเดาไม่ได้อยู่เหมือนกัน


รวมๆ แล้วก็ถือว่าเป็นหนังที่กลมกล่อมและขำๆพอให้เฮฮาได้ไม่น้อย ค่อนไปทางเหนือความคาดหมายเบาๆ มีหลายอย่างที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์และสนุกไปกับมันเมื่อดู

ตอบคำถามที่เปิดไว้ตรงหัวกระทู้ ว่าควรไปดูหนังเรื่อง Gravity of Love ดีมั้ย?

คำตอบของเราก็คือ ควรไปดู อย่างน้อยก็รู้สึกเหมือนได้ตีตั๋วไปเที่ยว ได้หัวเราะ ได้ิยิ้ม ได้ซึ้ง
ได้มองเห็น ความรักในมุมที่เราไม่เคยมองมาก่อน และอย่างน้องที่สุด ก็คือ

ได้อุดหนุนหนังไทย ที่ไหนๆ เค้าก็ฺตั้งใจทำมาให้ คนไทยอย่างเราๆ ดูโดยเฉพาะ

จบได้สวย มั้ยคะ ? 555
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่