โลกเเฟนตาซีที่มีมนุษย์หลายเผ่าพันธ์ุ มีมอนสเตอร์ มีเวทมนต์ ที่อยู่ในหนังหรือการ์ตูนมักจะเป็นยุคสมัยที่ไม่เกินยุคกลางตอนปลาย คิดว่าโลกเเฟนตาซีจะพัฒนาเป็น เรอเนซองส์ > ปฏิวัติอุตสาหกรรม > สมัยใหม่ ได้อย่างไรครับ จะใช้เวลาประมาณ 500 ปีเท่าโลกจริงมั้ย เเละถ้าพัฒนาได้โลกเเฟนตาซีเเบบสังคมปัจจุบันจะเป็นโลกเเบบไหนครับ
ส่วนตัวผมว่าน่าจะยึด เวทมนต์=ความรู้,วิทยาศาสตร์ มีคนคิดเเท่นพิมพ์ได้จนคนทั่วไปสามารถหาตำราเวทมนต์ระดับสูงๆมาศึกษาได้ พอรู้ว่าการใช้เวทมนต์ชั้นสูง เกราะหรือดาบศักดิ์สิทธิ์ จะใช้ได้เเค่ผู้มีพลังเวทมากพอหรือผู้ที่ถูกเลือก คนทั่วไปจึงหันมาหาวิธีใช้พลังเวทจากภายนอก(พลังงานต่างๆ) จนคิดค้นนวัตกรรมต่างๆได้เช่น
- ดินปืนใช้พลังเวทน้อยนิดในการจุดระเบิดยิงวัตถุที่รุนเเรงพอๆกับการยิงเวทมนต์
- เครื่องจักรไอน้ำสามารถสร้างเเรงกระทำสิ่งต่างๆที่เกินกำลังได้ ดัดเเปลงมาทำชุดเกราะใช้เวทมนต์เล็กน้อยในการควบคุม เเต่สร้างพลังได้พอๆกับเวทเสริมพลัง
- การขุดเหมืองทำได้ดีขึ้นจนไปพบเเร่ใหม่หลายชนิด คุณภาพพอๆกับวัสดุปลุกเสกที่เอามาทำอาวุธศักดิ์สิทธิ์
เมื่อกลุ่มคนชั้นล่างเริ่มเเข็งเเกร่งขึ้น คนชั้นสูงจึงต้องเริ่มพัฒนาตนเองอย่างสุดความสามารถ คิดการพัฒนาเวทมนต์ระดับสูงยิ่งขึ้น หรือเปิดรับเอานวัตกรรมมาปรับใช้กับเวทมนต์ชั้นสูง
เเละเมื่อเผ่าพันธ์มนุษย์เเข่งขันกันเองจนเเข็งเเกร่งขึ้น เผ่าพันธ์ุที่เคยอยู่เหนือกว่าเช่น ดวอร์ฟหรือเอลฟ์ เริ่มกังวลความโลภของมนุษย์ที่อาจกลืนกินเผ่าพันธ์ุอื่นจนระแคะระคายกันเองจนเกิดเป็นสงครามโลกเเฟนตาซี เผ่าพันธ์ุบางเผ่าอาจโดนฆ่าล้าง เผ่าที่รอดอาจบอบช้ำมากเเต่ก็ทำให้การพัฒนาของเเต่ละเผ่าสูงขึ้นไปอีก ระบบการปกครองต่างๆเปลี่ยนไปจนกลายเป็นสภาพสังคมปัจจุบัน อย่างดันเจี้ยนเเละมอนสเตอร์ในนั้นอาจได้รับการอนุรักษ์เเทนที่จะถูกพิชิตก็ได้
คิดว่าจะเป็นอย่างไรถ้า"โลกเเฟนตาซี"พัฒนาเป็นสังคมเเบบปัจจุบัน
ส่วนตัวผมว่าน่าจะยึด เวทมนต์=ความรู้,วิทยาศาสตร์ มีคนคิดเเท่นพิมพ์ได้จนคนทั่วไปสามารถหาตำราเวทมนต์ระดับสูงๆมาศึกษาได้ พอรู้ว่าการใช้เวทมนต์ชั้นสูง เกราะหรือดาบศักดิ์สิทธิ์ จะใช้ได้เเค่ผู้มีพลังเวทมากพอหรือผู้ที่ถูกเลือก คนทั่วไปจึงหันมาหาวิธีใช้พลังเวทจากภายนอก(พลังงานต่างๆ) จนคิดค้นนวัตกรรมต่างๆได้เช่น
- ดินปืนใช้พลังเวทน้อยนิดในการจุดระเบิดยิงวัตถุที่รุนเเรงพอๆกับการยิงเวทมนต์
- เครื่องจักรไอน้ำสามารถสร้างเเรงกระทำสิ่งต่างๆที่เกินกำลังได้ ดัดเเปลงมาทำชุดเกราะใช้เวทมนต์เล็กน้อยในการควบคุม เเต่สร้างพลังได้พอๆกับเวทเสริมพลัง
- การขุดเหมืองทำได้ดีขึ้นจนไปพบเเร่ใหม่หลายชนิด คุณภาพพอๆกับวัสดุปลุกเสกที่เอามาทำอาวุธศักดิ์สิทธิ์
เมื่อกลุ่มคนชั้นล่างเริ่มเเข็งเเกร่งขึ้น คนชั้นสูงจึงต้องเริ่มพัฒนาตนเองอย่างสุดความสามารถ คิดการพัฒนาเวทมนต์ระดับสูงยิ่งขึ้น หรือเปิดรับเอานวัตกรรมมาปรับใช้กับเวทมนต์ชั้นสูง
เเละเมื่อเผ่าพันธ์มนุษย์เเข่งขันกันเองจนเเข็งเเกร่งขึ้น เผ่าพันธ์ุที่เคยอยู่เหนือกว่าเช่น ดวอร์ฟหรือเอลฟ์ เริ่มกังวลความโลภของมนุษย์ที่อาจกลืนกินเผ่าพันธ์ุอื่นจนระแคะระคายกันเองจนเกิดเป็นสงครามโลกเเฟนตาซี เผ่าพันธ์ุบางเผ่าอาจโดนฆ่าล้าง เผ่าที่รอดอาจบอบช้ำมากเเต่ก็ทำให้การพัฒนาของเเต่ละเผ่าสูงขึ้นไปอีก ระบบการปกครองต่างๆเปลี่ยนไปจนกลายเป็นสภาพสังคมปัจจุบัน อย่างดันเจี้ยนเเละมอนสเตอร์ในนั้นอาจได้รับการอนุรักษ์เเทนที่จะถูกพิชิตก็ได้