บทความตามใจฉัน “ประวัติศาสตร์ป่วยเรือ” Part 4-1/4: Naval war Episode 1 “New Hope”

บทความตามใจฉัน “ประวัติศาสตร์ป่วยเรือ”
Part 4-1/4: Naval war Episode 1 “New Hope”

ก่อนอื่นขอแจ้งให้ทราบก่อนว่า
เนื่องจาก Part 4: Naval war เขียน ๆ ไปแล้วมัน “มหากาพย์กว่าที่คิด”
Part 4 เลยขอแบ่งออกเป็นตอน ๆ คาดว่าน่าจะ 2-3 ตอนจบครับ

Part1: https://pantip.com/topic/38287355
Part2: https://pantip.com/topic/38293266
Part3: https://pantip.com/topic/38311340

ความจริงแล้วสิ่งที่ Kancolle กำลังประสบในปัจจุบัน ไม่ว่าจะการถูกตีตลาดโดย Azur lane, ปัญหาตัวเกมที่ไม่ค่อยพัฒนา, การไม่ทำตลาดต่างชาติ และอื่น ๆ อีกมากมายนั้น ผู้เขียนได้เอาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มาประกอบกันแล้วพบว่ารากเหง้าของปัญหาทั้งหมดนั้นมาจากแนวคิด, ข้อตกลงและรูปแบบธุรกิจที่ใช้มาตั้งแต่ต้น ทั้งจากฝั่ง DMM และ Kadokawa เอง

ดังนั้นผู้เขียนจะขอเล่าความเป็นมาของ Kancolle และการบุกตลาดญี่ปุ่นของ Azure lane อีกครั้งโดยเอาข้อมูลต่าง ๆ มาประกอบ, วิเคราะห์และคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้น

คำเตือน: ทั้งหมดนี้เป็นความคิดและการคาดการของผู้เขียนเองเท่านั้น



เริ่มจากฝั่งของ Kadokawa กันก่อน

ธุรกิจหลักของ Kadokawa คือขายสื่อสิ่งพิมพ์, สินค้าลิขสิทธิ์และขายสิทธิ์การผลิตสินค้าต่อยอดของตัวละครหรือซีรีย์ที่ Kadokawa ถืออยู่ การจะทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้นั้นการเฟ้นหาหรือสร้าง “ซีรีย์ใหม่ ๆ” และ “ตัวละครใหม่ ๆ” ถือเป็นกิจกรรมหลักของบริษัท

Kantai Collection กำเนิดมาเพื่อเป็นหนี่งในโปรเจ็คสำหรับสร้างซีรีย์และตัวละครใหม่มาป้อนให้ธุรกิจของ Kadokawa
ผมคาดว่า Kadokawa เองก็ไม่มั่นใจใน Kancolle ว่าจะประสบความสำเร็จรึไม่


มาดูที่ฝั่ง DMM กันบ้าง

ธุรกิจหลักของ DMM คือ online e-commerce และ online entertainment (e-book, หนัง, เกม เป็นต้น)
ในส่วนของเกม online นั้นก่อนจะมี Kancolle เกมส่วนใหญ่ที่ DMM ให้บริการจะเป็นเกมเรต R18+

DMM ต้องการที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น (คาดว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยกว่า 18 ) เลยกำลังมองหาเกมที่จะมาทดลองให้บริการกับลูกค้ากลุ่มใหม่นี้อยู่


ทีนี้ไม่รู้ว่า Kadokawa มาเจอกับ DMM ได้ยังไง แต่ในท้ายที่สุดทั้งสองบริษัทก็ร่วมมือกันสร้าง Kancolle ขึ้น

Kadokawa รับหน้าที่พัฒนาเกม ส่วน DMM ดูแล game hosting และ in game purchase

ส่วนผู้ออกแบบเกม Kadokawa ได้จ้างทีม C2 Kikan ที่มี Tanaka Kensuke เป็นหัวหน้ามาออกแบบเกมให้ในฐานนะลูกจ้างของ Kadokawa โดยทั้งสองบริษัทและทีมออกแบบจะแชร์สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกัน

ทว่าบางส่วนเงื่อนไขในสัญญาที่มีข้อมูลหลุดออกมา ผู้เขียนรู้สึกแปลก ๆ ตั้งแต่แรกเห็น

เงื่อนไขที่ว่าไว้ว่า “ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเกมนั้นจะไม่ใช่ Kadokawa”



ณ จุดนี้ เหมือน Kadokawa จะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากโครงการ Kancolle

ซึ่งก็จริง ลองคิดตามดู โครงการ Kancolle ที่ Kadokawa เองก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นยังไง จู่ ๆ ก็มีคนสนใจมาขอร่วมกันพัฒนา
ตอนตกลงทำสัญญาจึงผลักภาระค่าพัฒนาไปให้ DMM ผู้เป็นพาร์เนอร์ สร้างงานในองค์กรของตัวเองและจ้างทีมออกแบบเกมโดยใช้เงินคนอื่นมาจ่ายเงินเดือนให้ ลิขสิทธิ์เกมและตัวละครที่สร้างก็ยังเป็นของ Kadokawa เอง กลยุทธ Free to play เอง Kadokawa ก็เป็นคนเสนอเพื่อที่จะให้เกมและตัวละครเป็นที่รู้จักให้มากที่สุด ถ้าไม่สำเร็จเกมเจ๊งก็ไม่เสียหายอะไรมาก มีแต่ได้กับได้ เป็นเคสที่มีความคล้ายคลึงกับ kemono friends มาก



ส่วนทรัพย์สินทางปัญญา ถึงจะแชร์กันกับอีกฝ่ายด้วยแต่ฝั่งหนึ่งเป็นบริษัท e-commerce และ online entertainment จะเอาไปทำอะไรได้ ทีมออกแบบของทานากะเองก็อาจจะพอใจแค่ได้สร้างเกมตามความต้องการของตัวเองไม่น่าจะกลายมาเป็นคู่แข่งโดยตรงในอนาคต

แล้วถ้าเกมไม่เจ๊งและตัวละครเป็นที่รู้จักแพร่หลาย Kadokawa ก็ทำการ์ตูน, นิยายและสินค้าขายต่อยอด
สิทธิ์ที่มีก็ขายให้บริษัทอื่น ๆ ที่ต้องการทำสินค้า Kancolle ขายไป

สำหรับ Kadokawa คงเหมือนอยู่ดี ๆ มีหมูวิ่งมาชนปังตอ



แต่ DMM ก็ไม่ใช่หมูธรรมดา ในธุรกิจ online แล้ว  DMM นับว่าเป็นหมูป่าเขี้ยวตัน

ประวัติของบริษัทนั้นพบว่า DMM ทำธุรกิจในด้าน Online Shopping มาตั้งแต่ตั้งบริษัทเมื่อปี 1999 และเริ่มธุรกิจ online game ตั้งแต่ปี 2003 DMM จึงน่าจะอ่านขาดว่า in-game purchase ต่างหากที่สร้างกำไรอย่างแท้จริงและ Kadokawa ที่คุ้นชินกับธุรกิจขายสิทธิ์และสินค้าแบบเดิม ๆ เองก็ยังไม่รู้สึกตัว

DMM คงจะลองวัดใจยื่นข้อตกลงในสัญญาประมาณว่า รายได้ “ทั้งหมด” ของ in-game purchase นั้นขอให้เป็นของทาง DMM (บางแหล่งกล่าวว่าแบ่งกับ ทีมออกแบบ C2 ของ Tanaka ด้วย)

ผลคือ Kadokawa ตกลง  




ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะ in-game purchase เองเป็นอะไรที่ใหม่มากในตอนนั้น เริ่มมีการใช้ฟังชั่นนี้อย่างจริงจังก็ราว ๆ ปี 2009 ขณะที่ช่วงที่ติดต่อทำสัญญาและพัฒนาเกมคาดว่าน่าจะอยู่ระหว่างปี 2011 ถึง 2012 และอย่าลืมว่า Kadokawa ไม่ใช่บริษัทไอที

ตัวเกมเริ่มเปิดให้บริการโดยมี DMM เป็นผู้จัดจำหน่ายและ Game hosting เมื่อเมษายน 2013

Kadokawa รู้ตัวและยอมรับว่าพลาดชิ้นเนื้อก้อนโตก็เดือนกันยายน 2013 จากคำให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารและการประกาศจะสร้าง Kancolle Kai ในเดือนเดียวกัน (อ่านเพิ่มเติมได้ใน Part 1)

หมูไม่หมูซะแล้ว



ส่วนตัวแล้วมองว่า Kancolle Kai คือการแก้เกมที่ถูกต้องของ Kadokawa แต่ดันไปผิดทาง

ตอนปลายปี 2013 ช่วงนั้นเริ่มเป็นยุคของ Mobile app game บน Smart phone แล้ว
แต่ Kadokawa ก็เลือกที่จะพัฒนา Kancolle Kai บน PS Vita

ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะในตอนนั้น ทีมโปรแกรมเมอร์กำลังพัฒนาเกมบน PS Vita อยู่แล้ว
หลักฐานคือ ปี 2014 เกมชื่อ Natural Doctrine ได้วางจำหน่ายบน PS3, PS4, PS Vita เป็นเกมแรกบน PS Vita ที่พัฒนาโดย Kadokawa เอง เกมก่อนหน้านี้ใช้ผู้พัฒนาเจ้าอื่น Kadokawa แค่จัดจำหน่าย

เมื่อคนของตัวเองสร้างเกมบน PS vita ได้ก็สร้าง Kancolle Kai บน PS vita สิ คนของตัวเองที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ทุกเดือนอยู่แล้วก็ต้องทำงานให้คุ้มค่าแรง จะไปจ้างชาวบ้านให้เสียเงินอีกทำไหม

อีกปัจจัยที่ผู้เขียนคิดว่า ทำไม Kadokawa ให้สร้าง Kancolle Kai บน PS vita คือ Kadokawa ไม่คิดว่าเกมบน Mobile จะรุ่ง




เมื่อตัดสินใจว่าจะสร้าง Kancolle Kai บน PS vita ในจุดนี้ ผมว่า Kadokawa คงอาจจะลืมแผนการตลาดของ Kancolle ที่ตัวเองวางไว้เองแล้ว
นั้นคือ Free to Play

บทวิเคราะห์เองก็วิเคราะห์อยู่ว่าแก่นความสำเร็จของ Kancolle คือ Free to Play แล้วทำให้ผู้เล่นอยาก Pay เอง
เครื่องเกมผู้เล่นก็ไม่ต้องซื้อเพราะยุคนั้น PC หรือ Notebook เป็นเครื่องมือหากินที่ทุกคนแทบต้องมีอยู่แล้ว ถ้าไม่มีก็ใช้ Smart phone เข้า Web แทน อย่าลืมว่าช่วง 2013 นั้นเป็นยุคกำลังบูมของ Smart phone โดยมี iphone5 และ Galaxy S4 เป็นเรือธงในสมัยนั้นและยังมี Tablet ดี ๆ อย่าง iPad3 ออกมาแล้วด้วย   ซึ่ง Smart phone และ Tablet ตอนนั้นเริ่มดีพอที่จะใช้เข้า Web หรือ chat แทน PC หรือ Notebook ได้แล้ว
แต่กับ Kancolle Kai ผู้เล่นต้องมี PS Vita ถ้าไม่มีก็ต้องซื้อเครื่องเกม ตัวเกมก็ต้องซื้ออีก



อีกปัญหาคือความล่าช้าในการพัฒนา
ในตอนแรกนั้น Kancolle Kai วางแผนไว้ว่าจะวางจำหน่ายราว ๆ ปลายปี 2014
แต่คาดว่าเนื่องจากความไม่ชำนาญของทีมโปรแกรมเมอร์และปัญหาภายใน ตัวเกมจึงเกิดปัญหาความล่าช้าในการพัฒนาจนกว่าจะได้วางจำหน่ายได้จริงก็เดือนกุมภาพันธ์ 2016 ซึ่งตอนนั้นเป็นเข้าช่วงกลางค่อนปลายอายุของ PS Vita แล้ว (PS vita วางจำหน่ายครั้งแรกตอนปลายปี 2011 และประกาศแล้วว่าจะหยุดผลิตปี 2019)

Smart Phone ในปีนั้น เช่น iphone6s และ Galaxy S7 ก็กำลังแพร่หลายสุด ๆ
นั้นยังไม่พอ Kancolle Kai ดันออกมาในช่วงที่เป็นยุคของ Mobile App game พีคเต็มขั้น Pokemon GO ก็เปิดให้เล่นปีนั้นพอดีอีก

ตัวเกมเองก็ไม่ได้ดีอะไรด้วย จากคะแนนรีวิวของ Natural Doctrine ที่ต่ำเตี้ยก็แสดงให้เห็นว่าในช่วงที่พัฒนา Kancolle Kai ทีมโปรแกรมเมอร์พัฒนาเกมของ Kadokawa เองก็ยังไม่ชำนาญ แล้ว Kancolle Kai จะไปเหลือรึ

ยังเละไม่พอ?  Kancolle Kai เป็นภาค Standalone ผู้เล่นไม่ว่าจะเคยเล่น Kancolle Web มาก่อนหรือไม่ ก็เริ่ม start ใหม่หมด ราว ๆ 3 ปีผ่านมาคิดว่าผู้เล่น Kancolle Web เล่นไปแล้วกี่ชั่วโมง

เกมวางจำหน่ายได้เพียงปีกว่า ๆ ก็ถอนออกจาก PlayStation Store และเก็บออกจากชั้นขายเกมในร้าน

สำหรับผม ส่วนตัวถือว่า เจ๊ง น่ะครับ



ส่วน DMM นั้นรู้อยู่แล้วว่าเทรนจะไปทาง Mobile App เลยออก Kancolle App สำหรับ Android ให้ผู้เล่นโหลดตัวติดตั้งไปลงเองในเดือนเมษายน 2016
แต่จากบทสัมภาษณ์ของ Tanka ตอนปี 2016 กล่าวว่าจะปล่อย Kancolle Android App ตอนราว ๆ กรกฎาคม 2016 คงอาจจะเป็นเวอร์ชั่นที่ปล่อยบน Google play กระมั่ง

ส่วนเวอร์ชั่น iOS ผมหาข่าวที่พูดถึงไม่เจอ ตอนแรกคิดว่าคงลง app store ไม่ได้เพราะภาพตอนเรือเสียหายแต่ถ้าเป็นอย่างงั้นทำไม Azur lane ลงได้ล่ะ iOS แบนภาพผู้หญิงชุดขาดรึ?



จากความล้มเหลวของ Kancolle Kai และความสำเร็จของ Kancolle Arcade ที่ SEGA ซื้อสิทธิ์ไปพัฒนาแล้วทำได้ดีกว่าคงทำให้ผู้บริหารถอดใจจากการพัฒนา Kancolle เกมเวอร์ชั่นของตัวเองแล้วกลับไปทำธุรกิจเดิมแบบที่ตนเองชำนาญ นั้นคือการสร้างการ์ตูน อนิเมชั่น นิยาย สินค้าต่าง ๆ และขายสิทธิ์ของ Kancolle ที่กำลังพีคสุดขีดอยู่ในตอนนั้นแทน

ส่วนทีมพัฒนา Kancolle Web รวมถึง Tanaka เองก็พัฒนาตัวเกมฉบับ Web ต่อไป โดย ณ ปัจจุบัน (เขียนเมื่อ 2 ธ.ค. 2018) ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับเกม Kancolle version ใหม่แต่อย่างไร



To be continued in Part4-2

Naval War Episode 2

ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจในขณะนั้น ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่