มายาคติ...โรงเรียนเข้าตลาดทุน ผู้ถือหุ้น SISB เจ๊งยับ

กระทู้ข่าว
http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=9&content_id=4121
    การออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน สร้างกระแสโจมตีการเข้าระดมทุนในตลาดทุนของ บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB ผู้ถือใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งใช้หลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์เป็นหลักสูตรพื้นฐาน โดยได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติภายในกลุ่มบริษัท 5 โรงเรียน ของขุนพล พรรคประชาธิปัตย์ ในห้วงเวลา “คาบลูกคาบดอก”

    เพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่หุ้นไอพีโอของ SISB จำนวน 260 ล้านบาท ที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ในราคา 5.20 บาท/หุ้น จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา

    ส่งผลให้นักลงทุนถึงเกิดอาการอกสั่นขวัญผวา! กดดันราคาหุ้น “หลุดจอง”

    ไล่เรียงตั้งแต่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้ความเห็นกรณีโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ (SISB) เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 29 พ.ย.ว่า เขาไม่เห็นด้วยกับหลักการในเรื่องนี้อย่างแน่นอน

    อ้างภาครัฐไม่ได้คิดเรื่องนี้ในมิติที่ครอบคลุมทั้งระบบ ขัดกับ “ปรัชญาการศึกษา” ที่เป็นเรื่องของการวิจัย

การแสวงหาองค์ความรู้ไม่ใช่เรื่องของการแสวงหากำไรเชิงพาณิชย์

    การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป้าหมายคือการแสวงหา”กำไร” ทำให้เกิดความ “ไม่เป็นธรรม” ในการจัดการศึกษา และไม่มีหลักประกันในเรื่องของคุณภาพการศึกษา

    การเคลื่อนไหวของขันพลพรรคประชาธิปัตย์ เป็นไปในรูปแบบคู่ขนาน

    เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ก่อน SISB เข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ mai เพียง 1 วัน จุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มอบหมายทีมกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เข้ายื่นร้องที่ศาลปกครอง เพื่อระงับกรณีการระดมทุนสถาบันการศึกษาของโรงเรียนเอกชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

    โดยเนื้อหาคำฟ้อง มีสาระสำคัญว่า ธุรกิจโรงเรียนเอกชนมีสิทธิพิเศษได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีต่างๆอันเป็นการให้ความช่วยเหลือด้านศึกษาจากภาครัฐ โดยประชาชนผู้เสียภาษี รวมถึงรัฐยังมีอำนาจในการกำกับดูแลให้โรงเรียนต้องจัดสรรผลกำไรเพื่อนำกลับไปพัฒนาตนเองด้วย

    หากวัตถุประสงค์โรงเรียนเปลี่ยนไปเป็นมุ่งแสวงหาผลกำไรสูงสุด ด้านการเงินให้กับผู้ถือหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ โดยอาศัยสิทธิพิเศษได้รับการยกเว้นภาษีด้วย นับเป็นการเอาเปรียบสังคม เป็นสิ่งที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดในประเทศไทย

    คำสั่งของก.ล.ต.ให้ซื้อขายหุ้น SISB ในตลาดหลักทรัพย์อาจเป็นการขัดต่อหลักนโยบายแห่งรัฐในการพัฒนาการศึกษาตามรัฐธรรมนูญ

    โดยศาล ได้แจ้งนายจุติ ไกรฤกษ์ ผู้ฟ้องคดี และออกหมายนัดให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. มาใต่สวนทำคำชี้แจงต่อศาลในวันไต่สวน (7 ธันวาคม 2561)  

    ขณะที่ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มองว่า กรณีที่ SISB ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจศึกษา โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ยืนยันว่า เป็นเรื่องที่สำนักงานก.ล.ต. จะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม และเชื่อคงไม่ได้ผิดในหลักเกณฑ์ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถเข้าจดทะเบียนได้

    ส่วนกรณีที่เกิดกระแสเรื่องการเรียกเก็บภาษีเหมือนบริษัทอื่นที่จดทะเบียนหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ต้องการให้เข้าใจว่า เรื่องการระดมทุน และเรื่องการเรียกเก็บภาษีเป็นคนละเรื่องกัน และในปัจจุบันรัฐบาลสนับสนุนและส่งเสริมด้านการศึกษา ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด การส่งเสริมหรือสนับสนุนยังคงเหมือนเดิม

    “การระดมทุนที่ผ่านมา เราเห็นจากหลายช่องทาง เห็นจากการรวมกลุ่มกัน หรือบริษัทใหญ่ๆ ทำขึ้นมา เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เขาก็มีโรงเรียนของเขา ที่มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างนักวิทยาศาสตร์ให้กับประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำเพื่อสังคม อย่าเพิ่งไปตัดสินอะไร เราต้องดูที่แผนงาน เขาอาจจะดีก็ได้ เป็นเรื่องที่เรายังไม่รู้ จะไปตัดสินว่า โรงเรียนจะระดมทุนในตลาดไม่ได้ คงไม่ใช่ ส่วนมีข้อห้ามเรื่องการนำสถานศึกษาเข้ามาระดมทุนในตลาดหรือไม่นั้น ต้องถาม ก.ล.ต. กฎเกณฑ์คืออะไร และถ้ามีคงเข้าไม่ได้แล้ว คงต้องไปดู และการระดมอย่างนี้ ทำให้ส่วนรวมเสียหายไหม หากไม่เสียหายก็ไม่เป็นไร”

    ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า หากสถาบันการศึกษาที่ระดมทุนไม่เสียภาษี จะเกิดความลักลั่นกันกับบริษัทจดทะเบียนอื่นนั้น ยืนยันว่า เรื่องการส่งเสริมการศึกษา เป็นอีกเรื่อง ไม่ว่าอยู่สถานะอะไรก็คือการส่งเสริมการศึกษา  มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย เจ้าของโรงเรียนจะรวย จะจนเราก็ให้การสนับสนุนเหมือนกัน มันดูสิ่งที่เขาทำ และเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับประเทศไทยและเราอยากจะช่วย และเรื่องการศึกษาก็เป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะการที่เราจะก้าวข้ามไป 4.0

    SISB ใช้เวลาในการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นเวลากว่า 6 ปี ศึกษาข้อมูลกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตาม “กติกา” แต่ต้องมาสะดุดขา เพียงเพราะ “มายาคติ” ที่ขุนพลพรรคการเมือง จุดพลุสร้างกระแส แบบผิดที่ ผิดเวลา โหนโรงสร้างกระแส ก่อนเลือกตั้ง เพราะเขาขายหุ้นไอพีโอไปหมดแล้ว

    กดดันราคาหุ้น SISB ซึ่งเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก (29 พ.ย.61) “หลุดจอง” ปิดตลาดในราคาต่ำสุดที่ 4.36 บาท หรือลดลง 16.15% เมื่อเทียบกับราคาไอพีโอที่ 5.20 บาท  ทำให้เงินนักลงทุน “เจ๊งยับ” คิดเป็นมูลค่ากว่า  218.4 ล้านบาท

    ท้ายที่สุดคงต้องติดตามว่า ศาลจะรับคำร้องหรือไม่ในวันที่ 7 ธันวาคม 2561 นี้

    แต่ที่แน่ๆ คนที่รับเคราะห์ และบาดเจ็บที่สุดคงหนีไม่พ้นนักลงทุนหุ้นไอพีโอ!!!

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่