“ศุกร์นี้ว่าง ไหม” เสียงป้า โทรมาจาก โรงพยาบาลในพุนพิน
“ว่างซิ เสาร์ อาทิตย์ก็งานเบาๆ” ผมตอบ
“เดี๋ยวจองตั๋วให้แล้ว บินมาเลย ไปสมุยกัน”
แหมโลกสมัยนี้มันช่างสะดวก เสียจริงๆ จากสมัยก่อนต้องซื้อตั๋วเครื่องบิน ที่ เอเย่นต์ แพงก็แพง แต่สมัยนี้แค่ จองผ่านมือถือ แป๊บเดียวได้ เลขตั๋วแล้ว
เป้าหมายของเรา คือ สมุย!!

นั่งเครื่อง บางกอกแอร์ไปลงสมุย แพงมาก ป้าทำงานที่ พุนพินอยุ่แล้ว เราสลับกัน ผมลงไปหา ที่พุนพินเดือนเว้นเดือน ป้าจะบินมาหาผมที่ ชลบุรี เดือนเว้นเดือนเช่นกัน
ผมบินด่วน ด้วย นกแอร์ ไปลง สุราษฎร์ธานี บ่ายแก่ๆ แล้วขับรถ ป้าไป ดอนสัก ใครที่ไม่มีรถแบบเรา จะเช่ารถ ก็แพง ไม่ต้องกลัวครับมีรถบัสปรับอากาศ ให้ซื้อตั๋วไปท่าเรือดอนสักได้เลย ไม่แพง
ทางจาก สนามบิน ไปถึงกาญจน์ดิษฐ์ ผ่าน ค่ายวิภาวดี อาจจะ รำคาญ เล็กน้อยกับ แยกไฟแดง ในเมือง ที่มีถี่ๆ มาก แต่ก็นะ การขับรถกับคนที่เรารักและเขารักเรา ร้อยไมล์ไม่ไกลซักหน่อย
พอพ้นกาญจนดิษฐ์ มาก็วิ่งยาว เรามาเจอ เย็นๆ ที่ ดอนสัก ท้องหิวซิครับ จะเอาไงกับชีวิตดี
“กินอะไรกันดี ผมไม่รู้จัก ร้านแถวนี้ บะหมี่ผมก็กิน” ลุงบอกป้าแล้ว หิวนี่เนอะ
“ป้าทิ้ง!!” ป้าบอกเลย ต้องร้านนี้
“เฮ้ย ชื่อไม่ไหว จะทิ้งผมหรือ” ผมรีบถามกลับ
“ม่ายฉ่าย ไม้ฉ่าย” ป้าพูดสำเนียงใต้ แล้วบอกทางไปร้านป้าทิ้ง
ร้านป้าทิ้ง เป็นร้านอาหารท้องถิ่น ที่ ปากคลองดอนสัก ไม่ไกลจากวัดสุวรรณประดิษฐ์ เท่าไร นัก ร้านเป็น ร้านคนพื้นเพดอนสัก อาหารน่าจะเป็นแบบ ชาวประมงทำกินกันมาก่อน

ใช่แล้วครับเราไปในร้าน ร้านสงบมาก มีคนนั่งอยู่แล้วสองสามโต๊ะ นั่งกินสบายๆ คุยกัน เงียบๆ วิว ร้านเป็นปากคลอง ยามพระอาทิตย์ตกดิน
แหม เสียดาย ลุงป้าอย่างเรา ห้าสิบกันแล้ว นี่ถ้าเป็นหนุ่มสาม ขนาด พ่ออรชุน กับแม่การะเกด คงดีไม่น้อย เอา นะ มากับป้า การะเกิน ก็ดีอีกแบบ
อาหารในร้านมีน่ากินเยอะ แต่ เราเลือก หมึกผัดโบราณ กับ ต้มยำปลากระพง ข้าวจานเดียวแต่แบ่งกันกินสองคน เย็นแล้วนี่ กินแป้งเยอะ ไม่ดี หรอก หมึกนี่ถ้าไม่เห็นน่ากินไม่ตัดใจหรอกครับ
อืม อาหารเยี่ยมมากครับ รสดีมาก ต้มยำรสดีไม่ต้องปรุงเลย มา ในชามร้อนๆ
สุดท้ายตบะแตก
“ผมขอข้าวอีกจานนะ อาหารอร่อยมาก” ป้าค้อนขวับ เพราะไม่อยากให้กิน ข้าวเย็นเยอะ
สุดท้ายได้ข้าวอีกนาน อิ่มแปล้เลย
หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน นอน ซิครับหาที่พัก
ต้องขับรถ มาทางท่าเรือดอนสัก ถึงจะมีที่พัก แถวนี้ไม่ต้องหาโรงแรมหรอก เป็นรีสอร์ท เล็ก ๆ ไม่ใช่ม่านรูดนะครับ คืนหนึ่ง แค่ห้าร้อยบาท นอนๆ ไปคืนเดียวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว คืนนั้น ลุงป้านอนหัวค่ำ ตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม เอาแรง ไว้ไป เกาะหมุยๆๆ
เช้าแล้ว ตื่นเช้ามา แล้ว อาบน้ำ ให้สดชื่น ขับรถมาท่าเรือ ที่นี่มี ท่าเรือเห็นๆ สองท่า ท่าแรก คือ ซีทรานเฟอร์รี่ อีกท่า คือ ราชาเฟอรี่
เราเลือก ซีทรานเฟอรี่ เพราะใกล้ กว่าแล้ว เข้าไป เตรียมบัตรประชาชน รปภ จะสแกน บัตรเราที่ป้อมก่อนนะครับ เตรียมได้เลย แล้วจากนั้นจะเอาไง
ขึ้นเรือไปตัวเปล่า หรือ ขับรถขึ้น เรือ เฟอรี่ไป
รู้สึกว่าขับรถขึ้นไป จะราว 4-5 ร้อยบาท มัง แต่เราเลือกที่จะจอดรถไว้ที่ท่าเรือ ที่นี่มีที่ฝากรถ ไว้ จะไม่ฝากก็ได้นะครับ ถ้าไม่ฝากก็จอดรถข้างทางตากแดด ไว้แต่ฝาก คิดห้าชั่วโมง หนึ่งร้อยบาท ถ้ามาเอาหลังสองทุ่มเขาค่อยคิดราคาเพิ่ม แต่ ไงก็กลับมาก่อนแน่ก็ตอนนี้เพิ่ง 07.00 น นี่นา
จอดรถเรียบร้อย หาข้าวที่ท่าเรือ กินให้อิ่มเอาแรง ก่อน
เรือ ออกทุกชั่วโมง ไม่ต้องกลัวไม่ต้องรีบ ค่าตั๋วเรือ คนละ 140 บาท สองคน ลุงป้าก็ 280 บาท เอาจริงๆ ผมเกิดมาก็ไม่เคย มาสมุยหรอก ส่วนป้าก็ ชีวิต สามสิบปี ทำงานพยาบาลหลายแห่งในโรงพยาบาลไม่เคย ไปไหน มาสมุย ครั้งเดียวมังแล้วก็เลยไปต่อพะงัน ก็กลับ ไม่ได้พักกันเท่าไร
08.00เรือออกแล้ว เรือ เฟอรี่นี่มันสบายจริงๆ ผิดกับ เรือไปเกาะสีชัง หรือ เกาะล้าน ที่เขาใช้เรือประมงดัดแปลง นี่ที่นั่งสบายๆ มีให้เลือก นั่งในห้องแอร์ หรือ ท้ายเรือ ที่มี ทั้งในร่ม ลมพัดเย็นสบาย หรือ รับสายลมและแสงแดดเช้า ก็มีให้เลือก ส่วนใหญ่คนนั่งเรือประจำ เขาก็จะเข้าห้องแอร์ นอนขดกันเลย แต่ ลุงป้า สนุกกับการถ่ายรูป มันเป็นอะไรที่สุข มากๆ

จะอายใครละ ลูก ๆ เรียนจบกันหมดแล้ว ตัดหางปล่อยวัด เอ้ย ปล่อยแล้ว หลังจากที่เรา สองคนเหนื่อยกับการเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวและ แม่เลี้ยงเดี่ยวกันมานาน นับ สิบกว่าปี
ความเป็นผุ้ใหญ่ ทำให้เรา ได้ คุยกัน สบายๆ ไปเรื่อยๆ เรื่องงาน คอมพิวเตอร์ของผม ผม ถามเรื่องงานโรงพยาบาล ที่เขาทำให้กำลังใจกัน
ถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ
ถึงสมุย ด้วยครั้งหนึ่งในชีวิต ผมเคยทำงานเป็นครูพิเศษที่ชลบุรี และมีศิษย์คนหนึ่ง มาอยู่ รร ในเกาะสมุย ทำให้ สะดวก ขึ้นเยอะ
เรือจอดแล้วที่ท่าทอน เจ้าปิงปองศิษย์รักมากับคุณแม่ รับลุงป้าที่นี่
“หวัดดี คุณครู มาหมุยเหนื่อยหมายยยยยยยยยย เช่ามอไซด์ดีไหม มานี่มอไซด์สะดวกสุดๆ” แม่เจ้าปิงปอง แนะนำ
ที่ท่าเรือมีร้านให้เช่ามอเตอร์ไซด์ เราแค่เอาบัตร ประชาชนแลกกับ กุญแจ และจ่ายค่าเช่า สองร้อยบาท ได้มอเตอร์ไซด์ น้ำมันเต็มถังแค่นี้ เองง่ายๆขากลับน้ำมันเหลือเท่าไร ก็คืนเขาเท่านั้น
สมุย เป็นเกาะใหญ่อันดับสามของประเทศ รองจากเกาะช้างและภูเก็ต รอบเกาะ มีระยะทาง60 กม
“คนเยอะนะครับ บนเขาก็มีบ้าน บรรยากาศดีจัง”
“ครู บนเขา นั่นบ้านฝรั่งทั้งนั้น ไม่มีคนไทยหรอกที่ดินที่นี่แพง ไร่ละเป็นสิบล้านเลย” เจ้าปิงปองรายงาน
สุดท้ายทักทายกันนิดหน่อย เจ้าปิงปอง ก็ ขี่มอไซด์คันหนึ่ง ลุงป้าก็ขี่อีกคัน แต่งานนี้ ป้าคงนึกสนุก ขึ้นมา ไล่ ลุงอย่างผมให้ ไปซ้อนท้าย ป้าขี่เอง เพราะ มอไซด์ เกียร์ออโต้ แรงดี บิดสนุก ป้าซิ่ง!!
น้ำตกหินลาด เป็นทีแรก เป็นน้ำตกเล็ก ๆมีวัด อยู่ด้วย ได้ไปให้อาหารปลา ได้นั่งคุยกัน กันถามสารทุกข์สุขดิบ กับเจ้าศิษย์รัก เรื่องเรียนต่อ มหาวิทยาลัย จะเลือกเรียนที่ นคร หรือ สฎ
แล้วจากนั้นก็ ไปต่อ วัดคุณาราม หรือวัด หลวงพ่อแดง ที่คนสมุยนับถือ ท่าน มรณภาพในท่านั่งสมาธิ

สำหรับผม เรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องตายเรื่องกลาง เรื่องตะรางเรื่องเล็ก กินๆๆ 11.00 แล้วนี่กิน
“ปิงปองไปหาร้านอร่อย ให้ครู กินหน่อย”
เจ้าปิงปองกับแม่ พาขี่รถ เลาะตามทางเล็กไปเรื่อยๆ จอดหน้าร้านเขาแล่แลวิว
“ร้านนี้เจ้าของร้าน เป็นครูหนู สอน ประวัติศาสตร์เหมือนครู และ แต่สอน ม.4”
“ร้านนี้เป็นร้านอาหารพื้นๆ ของสมุย กินอร่อยๆ” แม่เจ้าปิงปอง สำทับอีกแรง
กินก็กินซิ อะไรก็กิน
ว่าแล้ว ก็นั่งกินกัน ร้านนี้เป็นร้าน เชิงเขา นั่งสบายๆ ปลาทรายทอดขมิ้น ส้มตำ ยำสาหร่าย แกงส้ม กุ้งใส่ยอดมะพร้าว แหมมันสุดยอดจริงๆ
กิน อิ่มมาก มื้อนี้ ผมไม่ได้เจอเจ้าปิงปองมา 4-5 ปี ได้แต่ กดไลค์กันใน Facebook

“ครู ไปกันหินตาหินยาย”
ดูเหมือนคนสมุย จะ พูดแกมบังคับให้ ไปหินตาหินยายจริงๆ มันจะอะไรนักหนา เป็นซิกเนเจอร์ ของสมุย หรือไง
ขี่รถไป อีกพักใหญ่ ป้าซิ่งเหมือนเดิม ขี่รถในสมุย รถน้อยคนน้อย แต่ก็ต้องระวัง เพราะด้วยความเป็นเมืองที่รถน้อย คนจะไม่ค่อยระวังรถใหญ่กัน
ป้า ซิ่งเกือบ ชน สาววัยรุ่นวิ่งข้ามถนนแบบไม่ดู มาแล้ว
หินตายาย เป็น หิน รูปร่างเหมือน ของผู้ชายนั่นแหละ ครับ ไม่มีอะไร ตั้งโด่เด่ ริมทะเล ใจก็นึกว่า นี่ขนาด เป็นตา ยังตั้งขนาดนี้ ถ้าตาหนุ่มๆ จะ ขนาดไหน

ส่วนหินยาย จะ เป็นร่อง แยก ริมทะเลไม่ห่างจาก หินตานัก ตรงแถวนี้เป็น มุม หลบคลื่นมักจะมีฝรั่งมา ลงว่ายน้ำ กัน
หินตาหินยายแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ กาละแม สมุย กาละแมสมุยนี่ เป็นของหวานเลิศมากสำหรับ นักท่องเที่ยว
เพราะ มะพร้าวที่นี่เยอะ กาละแม เลยได้กะทิ เยอะ นุ่มมากครับ
เที่ยวสมุยกันค่อนวัน ผมต้องลา เจ้าปิงปองกับแม่กลับก่อน เพราะรุ่งขึ้น วันอาทิตย์ต้องบินกลับ กทม แม้ไม่ได้มีรูปสวยๆ ของ หาด แต่ ก็อยากให้รู้ว่า สมุยมีที่น่าเที่ยวชวนให้กลับมาอีก และมาอีก
คน วัยกลางคนแล้ว เที่ยวไม่ต้องระหกระเหินมากนัก เที่ยวกับคนที่รู้ใจ พักสบายๆ มันเหมือน เติมไฟในการทำงานอีกเยอะ
เย็นวันนั้น ผมนั่งเรือ เข้าฝั่งอีกครั้ง ขับรถ มานอนใน เมือง สฎ เพราะอยากกิน อาหาร แถวในตลาด เลยบอกป้าว่า ไม่ต้อง นอนบ้านป้าที่พุนพินดีกว่า นอนในเมืองรุ่งเช้า ก็ เลยไปส่งผมที่ สนามบิน แค่หัวเตยเอง
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ฟังผมโม้มาเยอะ ไว้ทริปหน้าเราคงได้เที่ยวแล้วจะมาเล่าแบบ ลุงป้าอีกครับ
ลุงป้าพาเที่ยว เฉี่ยวสมุย
“ว่างซิ เสาร์ อาทิตย์ก็งานเบาๆ” ผมตอบ
“เดี๋ยวจองตั๋วให้แล้ว บินมาเลย ไปสมุยกัน”
แหมโลกสมัยนี้มันช่างสะดวก เสียจริงๆ จากสมัยก่อนต้องซื้อตั๋วเครื่องบิน ที่ เอเย่นต์ แพงก็แพง แต่สมัยนี้แค่ จองผ่านมือถือ แป๊บเดียวได้ เลขตั๋วแล้ว
เป้าหมายของเรา คือ สมุย!!
ผมบินด่วน ด้วย นกแอร์ ไปลง สุราษฎร์ธานี บ่ายแก่ๆ แล้วขับรถ ป้าไป ดอนสัก ใครที่ไม่มีรถแบบเรา จะเช่ารถ ก็แพง ไม่ต้องกลัวครับมีรถบัสปรับอากาศ ให้ซื้อตั๋วไปท่าเรือดอนสักได้เลย ไม่แพง
ทางจาก สนามบิน ไปถึงกาญจน์ดิษฐ์ ผ่าน ค่ายวิภาวดี อาจจะ รำคาญ เล็กน้อยกับ แยกไฟแดง ในเมือง ที่มีถี่ๆ มาก แต่ก็นะ การขับรถกับคนที่เรารักและเขารักเรา ร้อยไมล์ไม่ไกลซักหน่อย
พอพ้นกาญจนดิษฐ์ มาก็วิ่งยาว เรามาเจอ เย็นๆ ที่ ดอนสัก ท้องหิวซิครับ จะเอาไงกับชีวิตดี
“กินอะไรกันดี ผมไม่รู้จัก ร้านแถวนี้ บะหมี่ผมก็กิน” ลุงบอกป้าแล้ว หิวนี่เนอะ
“ป้าทิ้ง!!” ป้าบอกเลย ต้องร้านนี้
“เฮ้ย ชื่อไม่ไหว จะทิ้งผมหรือ” ผมรีบถามกลับ
“ม่ายฉ่าย ไม้ฉ่าย” ป้าพูดสำเนียงใต้ แล้วบอกทางไปร้านป้าทิ้ง
ร้านป้าทิ้ง เป็นร้านอาหารท้องถิ่น ที่ ปากคลองดอนสัก ไม่ไกลจากวัดสุวรรณประดิษฐ์ เท่าไร นัก ร้านเป็น ร้านคนพื้นเพดอนสัก อาหารน่าจะเป็นแบบ ชาวประมงทำกินกันมาก่อน
แหม เสียดาย ลุงป้าอย่างเรา ห้าสิบกันแล้ว นี่ถ้าเป็นหนุ่มสาม ขนาด พ่ออรชุน กับแม่การะเกด คงดีไม่น้อย เอา นะ มากับป้า การะเกิน ก็ดีอีกแบบ
อาหารในร้านมีน่ากินเยอะ แต่ เราเลือก หมึกผัดโบราณ กับ ต้มยำปลากระพง ข้าวจานเดียวแต่แบ่งกันกินสองคน เย็นแล้วนี่ กินแป้งเยอะ ไม่ดี หรอก หมึกนี่ถ้าไม่เห็นน่ากินไม่ตัดใจหรอกครับ
อืม อาหารเยี่ยมมากครับ รสดีมาก ต้มยำรสดีไม่ต้องปรุงเลย มา ในชามร้อนๆ
สุดท้ายตบะแตก
“ผมขอข้าวอีกจานนะ อาหารอร่อยมาก” ป้าค้อนขวับ เพราะไม่อยากให้กิน ข้าวเย็นเยอะ
สุดท้ายได้ข้าวอีกนาน อิ่มแปล้เลย
หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน นอน ซิครับหาที่พัก
ต้องขับรถ มาทางท่าเรือดอนสัก ถึงจะมีที่พัก แถวนี้ไม่ต้องหาโรงแรมหรอก เป็นรีสอร์ท เล็ก ๆ ไม่ใช่ม่านรูดนะครับ คืนหนึ่ง แค่ห้าร้อยบาท นอนๆ ไปคืนเดียวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว คืนนั้น ลุงป้านอนหัวค่ำ ตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม เอาแรง ไว้ไป เกาะหมุยๆๆ
เช้าแล้ว ตื่นเช้ามา แล้ว อาบน้ำ ให้สดชื่น ขับรถมาท่าเรือ ที่นี่มี ท่าเรือเห็นๆ สองท่า ท่าแรก คือ ซีทรานเฟอร์รี่ อีกท่า คือ ราชาเฟอรี่
เราเลือก ซีทรานเฟอรี่ เพราะใกล้ กว่าแล้ว เข้าไป เตรียมบัตรประชาชน รปภ จะสแกน บัตรเราที่ป้อมก่อนนะครับ เตรียมได้เลย แล้วจากนั้นจะเอาไง
ขึ้นเรือไปตัวเปล่า หรือ ขับรถขึ้น เรือ เฟอรี่ไป
รู้สึกว่าขับรถขึ้นไป จะราว 4-5 ร้อยบาท มัง แต่เราเลือกที่จะจอดรถไว้ที่ท่าเรือ ที่นี่มีที่ฝากรถ ไว้ จะไม่ฝากก็ได้นะครับ ถ้าไม่ฝากก็จอดรถข้างทางตากแดด ไว้แต่ฝาก คิดห้าชั่วโมง หนึ่งร้อยบาท ถ้ามาเอาหลังสองทุ่มเขาค่อยคิดราคาเพิ่ม แต่ ไงก็กลับมาก่อนแน่ก็ตอนนี้เพิ่ง 07.00 น นี่นา
จอดรถเรียบร้อย หาข้าวที่ท่าเรือ กินให้อิ่มเอาแรง ก่อน
เรือ ออกทุกชั่วโมง ไม่ต้องกลัวไม่ต้องรีบ ค่าตั๋วเรือ คนละ 140 บาท สองคน ลุงป้าก็ 280 บาท เอาจริงๆ ผมเกิดมาก็ไม่เคย มาสมุยหรอก ส่วนป้าก็ ชีวิต สามสิบปี ทำงานพยาบาลหลายแห่งในโรงพยาบาลไม่เคย ไปไหน มาสมุย ครั้งเดียวมังแล้วก็เลยไปต่อพะงัน ก็กลับ ไม่ได้พักกันเท่าไร
08.00เรือออกแล้ว เรือ เฟอรี่นี่มันสบายจริงๆ ผิดกับ เรือไปเกาะสีชัง หรือ เกาะล้าน ที่เขาใช้เรือประมงดัดแปลง นี่ที่นั่งสบายๆ มีให้เลือก นั่งในห้องแอร์ หรือ ท้ายเรือ ที่มี ทั้งในร่ม ลมพัดเย็นสบาย หรือ รับสายลมและแสงแดดเช้า ก็มีให้เลือก ส่วนใหญ่คนนั่งเรือประจำ เขาก็จะเข้าห้องแอร์ นอนขดกันเลย แต่ ลุงป้า สนุกกับการถ่ายรูป มันเป็นอะไรที่สุข มากๆ
ความเป็นผุ้ใหญ่ ทำให้เรา ได้ คุยกัน สบายๆ ไปเรื่อยๆ เรื่องงาน คอมพิวเตอร์ของผม ผม ถามเรื่องงานโรงพยาบาล ที่เขาทำให้กำลังใจกัน
ถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ
ถึงสมุย ด้วยครั้งหนึ่งในชีวิต ผมเคยทำงานเป็นครูพิเศษที่ชลบุรี และมีศิษย์คนหนึ่ง มาอยู่ รร ในเกาะสมุย ทำให้ สะดวก ขึ้นเยอะ
เรือจอดแล้วที่ท่าทอน เจ้าปิงปองศิษย์รักมากับคุณแม่ รับลุงป้าที่นี่
“หวัดดี คุณครู มาหมุยเหนื่อยหมายยยยยยยยยย เช่ามอไซด์ดีไหม มานี่มอไซด์สะดวกสุดๆ” แม่เจ้าปิงปอง แนะนำ
ที่ท่าเรือมีร้านให้เช่ามอเตอร์ไซด์ เราแค่เอาบัตร ประชาชนแลกกับ กุญแจ และจ่ายค่าเช่า สองร้อยบาท ได้มอเตอร์ไซด์ น้ำมันเต็มถังแค่นี้ เองง่ายๆขากลับน้ำมันเหลือเท่าไร ก็คืนเขาเท่านั้น
สมุย เป็นเกาะใหญ่อันดับสามของประเทศ รองจากเกาะช้างและภูเก็ต รอบเกาะ มีระยะทาง60 กม
“คนเยอะนะครับ บนเขาก็มีบ้าน บรรยากาศดีจัง”
“ครู บนเขา นั่นบ้านฝรั่งทั้งนั้น ไม่มีคนไทยหรอกที่ดินที่นี่แพง ไร่ละเป็นสิบล้านเลย” เจ้าปิงปองรายงาน
สุดท้ายทักทายกันนิดหน่อย เจ้าปิงปอง ก็ ขี่มอไซด์คันหนึ่ง ลุงป้าก็ขี่อีกคัน แต่งานนี้ ป้าคงนึกสนุก ขึ้นมา ไล่ ลุงอย่างผมให้ ไปซ้อนท้าย ป้าขี่เอง เพราะ มอไซด์ เกียร์ออโต้ แรงดี บิดสนุก ป้าซิ่ง!!
น้ำตกหินลาด เป็นทีแรก เป็นน้ำตกเล็ก ๆมีวัด อยู่ด้วย ได้ไปให้อาหารปลา ได้นั่งคุยกัน กันถามสารทุกข์สุขดิบ กับเจ้าศิษย์รัก เรื่องเรียนต่อ มหาวิทยาลัย จะเลือกเรียนที่ นคร หรือ สฎ
แล้วจากนั้นก็ ไปต่อ วัดคุณาราม หรือวัด หลวงพ่อแดง ที่คนสมุยนับถือ ท่าน มรณภาพในท่านั่งสมาธิ
“ปิงปองไปหาร้านอร่อย ให้ครู กินหน่อย”
เจ้าปิงปองกับแม่ พาขี่รถ เลาะตามทางเล็กไปเรื่อยๆ จอดหน้าร้านเขาแล่แลวิว
“ร้านนี้เจ้าของร้าน เป็นครูหนู สอน ประวัติศาสตร์เหมือนครู และ แต่สอน ม.4”
“ร้านนี้เป็นร้านอาหารพื้นๆ ของสมุย กินอร่อยๆ” แม่เจ้าปิงปอง สำทับอีกแรง
กินก็กินซิ อะไรก็กิน
ว่าแล้ว ก็นั่งกินกัน ร้านนี้เป็นร้าน เชิงเขา นั่งสบายๆ ปลาทรายทอดขมิ้น ส้มตำ ยำสาหร่าย แกงส้ม กุ้งใส่ยอดมะพร้าว แหมมันสุดยอดจริงๆ
กิน อิ่มมาก มื้อนี้ ผมไม่ได้เจอเจ้าปิงปองมา 4-5 ปี ได้แต่ กดไลค์กันใน Facebook
ดูเหมือนคนสมุย จะ พูดแกมบังคับให้ ไปหินตาหินยายจริงๆ มันจะอะไรนักหนา เป็นซิกเนเจอร์ ของสมุย หรือไง
ขี่รถไป อีกพักใหญ่ ป้าซิ่งเหมือนเดิม ขี่รถในสมุย รถน้อยคนน้อย แต่ก็ต้องระวัง เพราะด้วยความเป็นเมืองที่รถน้อย คนจะไม่ค่อยระวังรถใหญ่กัน
ป้า ซิ่งเกือบ ชน สาววัยรุ่นวิ่งข้ามถนนแบบไม่ดู มาแล้ว
หินตายาย เป็น หิน รูปร่างเหมือน ของผู้ชายนั่นแหละ ครับ ไม่มีอะไร ตั้งโด่เด่ ริมทะเล ใจก็นึกว่า นี่ขนาด เป็นตา ยังตั้งขนาดนี้ ถ้าตาหนุ่มๆ จะ ขนาดไหน
หินตาหินยายแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ กาละแม สมุย กาละแมสมุยนี่ เป็นของหวานเลิศมากสำหรับ นักท่องเที่ยว
เพราะ มะพร้าวที่นี่เยอะ กาละแม เลยได้กะทิ เยอะ นุ่มมากครับ
เที่ยวสมุยกันค่อนวัน ผมต้องลา เจ้าปิงปองกับแม่กลับก่อน เพราะรุ่งขึ้น วันอาทิตย์ต้องบินกลับ กทม แม้ไม่ได้มีรูปสวยๆ ของ หาด แต่ ก็อยากให้รู้ว่า สมุยมีที่น่าเที่ยวชวนให้กลับมาอีก และมาอีก
คน วัยกลางคนแล้ว เที่ยวไม่ต้องระหกระเหินมากนัก เที่ยวกับคนที่รู้ใจ พักสบายๆ มันเหมือน เติมไฟในการทำงานอีกเยอะ
เย็นวันนั้น ผมนั่งเรือ เข้าฝั่งอีกครั้ง ขับรถ มานอนใน เมือง สฎ เพราะอยากกิน อาหาร แถวในตลาด เลยบอกป้าว่า ไม่ต้อง นอนบ้านป้าที่พุนพินดีกว่า นอนในเมืองรุ่งเช้า ก็ เลยไปส่งผมที่ สนามบิน แค่หัวเตยเอง
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ฟังผมโม้มาเยอะ ไว้ทริปหน้าเราคงได้เที่ยวแล้วจะมาเล่าแบบ ลุงป้าอีกครับ