หลายๆ คนคงเคยประสบปัญหา Passion หมดกระทันหัน ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน เช้ามาไม่อยากตื่น ระหว่างทำงานก็ช่างเอื่อยเฉื่อยเสียนี่กระไร ได้เที่ยวต่างจังหวัดสักนิด สูดอากาศสักหน่อย ก็คงจะดีขึ้น แต่ชีวิตก็ไม่เคยง่ายแบบนั้น เพราะเงินไม่มี!  
เราประสบปัญหาเรื่องนี้บ่อยค่ะ 55555 เก็ทฟีลขั้นสูงสุด ในวันนี้ เราเลยมีทริปพักใจชั่วคราว เดินทางง่ายๆ งบน้อยก็ไม่ซีเรียสมานำเสนอ นั่นก็คือ “การเที่ยวภาคกลาง ในจังหวัดที่ไม่ไกลจากรุงเทพฯ” นั่นเอง รอบนี้ไปหลายโปรแกรมเลยค่ะ ยังไงเพื่อนๆ ลองเลือกดูนะคะ ว่าส่วนไหนน่าสนใจบ้าง แล้วลองออกแบบเเพลนดูด้วยตัวเองค่ะ เพราะเที่ยวง่ายจริง ค้างสักคืนก็ฟิน วันเดย์ทริปก็ไหว ไม่เหนื่อยเกินไปแน่นอน

แต่รอบนี้เราไปมาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน อย่างที่เอ่ยไปว่าโปรแกรมแน่นมาก!! กินพื้นที่ทั้งสิ้น 3 จังหวัด ได้แก่

- ลพบุรี เมืองเก่าที่ชาวต่างชาติแวะมาเยี่ยมเยอะมาก แต่คนไทยไม่ค่อยเที่ยว
- อ่างทอง ศูนย์รวมความอร่อย และกิจกรรมมากมาย
- อยุธยา วิถีชีวิตผู้คนในกรุงเก่า และไม่ได้มีแค่วัดแน่นอน

แต่ละจังหวัดก็ไกลจากกรุงเทพไม่เกิน 2 ชั่วโมงแน่นอนค่ะ เวลาดี ไม่เหนื่อยเกินไป กลับมาทำงานต่อได้ชิลล์มากกก เรากลับมาวันอาทิตย์ วันจันทร์ทำงาน ไหว!!

มาจ้า วันแรก
“จังหวัดลพบุรี”

เริ่มต้นที่ตึก ททท. (องค์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)

มีทีมงาน และทีมผู้บริหารให้การต้อนรับดีมาก มีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยว และการตั้งกระทู้ มีอาหารเช้า ของที่ระลึก และอุปกรณ์การเดินทางมอบให้ด้วย ถูกใจมาก กับหมอนรองคอที่มาพร้อมหมวกของพันทิป นอนหลับสบายสุดๆ

นอนได้ตื่นเดียว ตื่นเดียวจริงๆ!! ก็ถึงที่หมายแล้วค่ะกับจังหวัดแรก “ลพบุรี” ใช้เวลาการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้น

ลพบุรี หรือละโว้ (ชื่อเก่า) เป็นเมืองเก่าที่มีโบราณสถาน โบราณวัตถุเยอะมาก ด้วยความที่เป็นที่ตั้งของเมืองโบราณ ในสมัยที่ “ขอม” มีอำนาจในขณะนั้น และยังเป็นราชธานี (เมืองหลวง) มาก่อนในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ทำให้มีร่องรอยประวัติศาสตร์ที่มีเรื่องราวให้ศึกษาความเป็นมาในสมัยก่อนเยอะ ใครที่ชอบประวัติศาสตร์มาตามรอยสนุกสนานแน่ๆ





แวะสักการะศาลพระกาฬ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองลพบุรี ชมพระปรางค์สามยอด โบราณสถานอายุ 800 กว่าปี ที่สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน และบูรณะในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ พร้อมเล่นกับน้องลิง ซิกเนเจอร์ประจำจังหวัดที่วิ่งเล่นกันอยู่รอบๆ ปรางค์สามยอด น่ารักมากมายยยยย แสนรู้ ขี้แกล้งด้วย! 5555
อากาศค่อนข้างร้อนค่ะ  ใครที่จะมาอย่าลืมอุปกรณ์กันแดด พัดลมพกพามาให้เรียบร้อยนะคะ

โปรแกรมที่ 2: ร้านอาหารฉัตรนารา

ได้เวลาอาหารกลางวัน มื้อนี้ฝากท้องไว้ที่ “ร้านฉัตรนารา” ร้านอาหาร พร้อมเครื่องดื่มมากมายหลายชนิด ร้านขนาดใหญ่ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มได้สบายๆ ตกแต่งร้านได้สวยงามเลยทีเดียวค่ะ
เป็นร้านอาหารที่มีกลิ่นอายแบบคาเฟ่ขนาดใหญ่ มีกลิ่นหอมของกาแฟสดกรุ่นๆ เป็นกลิ่นประจำร้าน รู้สึกว่าอาหารร้านนี้ รสชาติค่อนข้างเน้นไปทางหวานค่ะ ส่วนตัวเป็นคนทานหวานน้อยมากอยู่แล้วก็เลยสัมผัสความหวานได้มากกว่าคนอื่นเค้า แต่รวมๆ แล้วถือว่าค่อนข้างโอเคเลย อาหารหลากหลาย หน้าตาสวยงาม รสชาติกลมกล่อม วัตถุดิบดีค่ะ




อิ่มท้องแล้ว ก็ไปเดินย่อยกันต่อที่วังนารายณ์ วังที่สร้างในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายหลังการสวรรคตก็ถูกปล่อยทิ้งให้รกร้าง และมีการบูรณะอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 4 เนื้อที่กว้างขวางกว่า 41 ไร่ ต้นไม้ใหญ่อายุเป็นร้อยๆ ปีมากมายแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ร่มรื่นระดับ 10 (น่าพกเสื่อมาปูนอนมาก 555) เดินชมร่องรอยประวัติศาสตร์เพลินมากค่ะ แต่ละพื้นที่มีเรื่องราวที่ทำให้เราย้อนกลับไปทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นความทันสมัยในวัง และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยุคนั้น ซึ่งเป็นยุคทองยุคนึงของประวัติศาตร์ชาติไทย




ตลาดน้ำ 4 ภาค เป็นสถานที่อบจ.จังหวัดลพบุรี สร้างเพื่อจัดไว้รองรับนักท่องเที่ยว มารอบนี้มีอาหารไทยทั้งโบราณ และอาหารไทยปัจจุบันคอยรองรับแบบบุฟเฟต์ กินจนจุกเลยค่ะ 55555 แถมด้วยความบรรยากาศไทยๆ ของตลาดที่นี่ เราสามารถหยิบชุดไทยมาแต่งองค์ทรงเครื่องถ่ายรูปกันได้แบบเก๋ๆ สไตล์ย้อนยุค สนุกดีค่ะ นานๆ ได้แต่งที คนอื่นๆ แต่งกันครบเครื่องครบเซ็ต แต่ความรักสบายของเรา ขอเป็นคอกระเช้าง่ายๆ เน้นสบายดีกว่า เพราะไม่ชอบอึดอัดค่ะ (ความเอาแต่ใจที่แท้จริง)




คืนนี้นอนพักผ่อนค้างคืนกันที่นี่ค่ะ โรงแรมโอทู ในจังหวัดลพบุรี อยู่ชานเมืองหน่อย แต่ด้านหน้าโรงแรมก็มีร้านค้าคอยอำนวยความสะดวกเยอะอยู่นะคะ โรงแรมจัดห้องไว้สวย น่ารักดีมาก เป็นความหรูในระดับกลางค่ะ มีอ่างอาบน้ำด้วย และในส่วนของอาหารเช้านั้น! อร่อยเชียวละค่ะ เรียบๆ ง่ายๆ รสชาติดี






เป็นโปรแกรมที่เราตั้งตารอมากที่สุด เพราะอยากเรียนรู้เรื่องการปลูกต้นไม้ อย่างน้อยจะได้เอาไปปลูกผักสวนครัวที่บ้านได้ แต่ที่ฟาร์มนี้ เขาไปไกลกันกว่านั้นค่ะ! 555555 เพราะที่นี่จะสอนการทำสวนเกษตรเยอะมากกกก และเป็นการทำฟาร์มแบบครบวงจร ทั้งปลูก ทั้งเลี้ยงสัตว์ และการบริหารจัดการน้ำเลยค่ะ ได้ความรู้ดีมากๆ
สักพักวิทยากรก็ชวนไปกินไข่เจียวไควาเระ เป็นต้นอ่อนของหัวไชเท้า อร่อยมาก แถมยังให้ทดลองช่วยตัดต้นออกจากที่เพาะด้วย สนุก และอร่อยมากค่ะตรงนี้ 55555 สำหรับใครที่ติดใจผักออร์เเกนิคเพราะรสชาติดีมากๆ ที่นี่เค้าก็มีจำหน่ายด้วยนะคะ ราคาไม่แพงเลย




ไม่รู้จะพูดยังไง เอาเป็นว่าอร่อยทุกอย่างงงง เมนูที่นี่ก็ไม่ได้หวือหวาอะไรมากนะคะ เป็นเมนูที่เรากินบ่อยๆ อยู่แล้ว เพราะร้านก็จะขายเมนูอาหารไทยทั่วไป มีประยุกต์บ้างเล็กน้อย ไฮท์ไลท์ของร้านนี้คือ “แกงกะทิสายบัว” จัดใส่ถ้วยปิ่นโต แถมยังมีปลาทูตัวโตทั้งตัวอยู่ในนั้น! คลาสสิกฉบับเครื่องแน่นๆ น่าทานมาก เพราะกลิ่นอายชุมชนมันคละคลุ้งไปหมด จ๊าก.. ถูกใจมากมาย แบบนี้ต้องมาซ้ำ




มาถึงอยุธยากันแล้วววว โปรแกรมนี้รายละเอียดไม่มากค่ะ เพราะจำประวัติศาสตร์ที่เค้าเล่าให้ฟังไม่ค่อยได้ แง ขนาดตอนเรียนยังจำไม่ได้เลยจะเอาอะไรกับสมองวัยนี้เนอะ 55555 แต่ได้เข้าไปไหว้พระหลายวัดเลยค่ะ เพลินๆ ดี มีไกด์คอยชี้นู่นนี่ให้ดู เป็นภาพจริงๆ ที่ตัดสลับกับประวัติศาสตร์ที่ไกด์เล่าให้ฟังค่ะ ^^




โปรแกรมนี้ชอบมาก เพราะชอบนั่งเรือ แล้วก็ไม่เคยนั่งเรือที่ได้บรรยากาศขนาดนี้มาก่อน ระหว่างทางการล่องเรือ จะมีทั้งการแวะเข้าไปไหว้พระในวัดต่างๆ ที่เป็นทั้งวัดในปัจจุบัน และวัดในอดีตที่เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ไปแล้วเรียบร้อย ช่วงนี้เห็นคนอินออเจ้าเยอะ แต่งชุดไทยมาถ่ายรูปกันตามวัดในอยุธยาเต็มไปหมดเลยค่ะ ได้บรรยากาศดี

และไฮท์ไลท์ของการล่องเรือ เราขอยกให้ น้องช้างค่าาา น้องน่ารักมากอีกแล้ว เป็นมิตร และช่วยคุณพ่อช้างทำมาหากินมากๆ เอาแบงก์ยี่สิบกวักเรียกน้องจะลุยน้ำมาหาเลยค่ะ โดนไปหลายแบงก์เหมือนกัน เพราะอยากลูบน้องเยอะๆ 55555 เห็นว่าแถวนี้มีกิจกรรมอาบน้ำให้ช้างด้วย เป็นอีกที่ที่เราบุคมาร์กไว้แล้วค่ะ ว่าจะมาอาบน้ำให้น้องให้ได้เลย ใกล้ๆ กรุงเทพนี่เอง วันเดย์ทริปยังไหว




อาหารที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น อาหารที่ไม่เคยกินก็ได้กิน แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสกินด้วย! ที่จริงก็คิดค่ะว่าอาหารไทยโบราณจะถูกใจหรือเปล่า แต่พอกินแล้วก็ลบข้อสงสัยในใจไปจนหมดสิ้น เพราะอร่อยถูกปากจริงๆ ให้บรรยากาศการกินอาหารที่บ้าน ในรสชาติที่ลุ่มลึกตามแบบฉบับชาววัง ด้วยความที่คุณยายซึ่งเป็นเจ้าของเดิมของร้านนี้เป็นคนที่เคยถวายงานรับใช้ให้ ร.7 เลยทำให้อาหารเป็นตำหรับชั้นสูงทั้งนั้น
เราสังเกตดูเป็นอาหารที่เราไม่เคยกินมาก่อนทั้งนั้นเลยค่ะ เปิดจักรวาลลิ้นสุดๆ ถูกใจ ร้านนี้ก็มาร์คไว้ จะพาครอบครัวไปกิน เย้! เมนูเด่นๆ ที่เราชอบมากเลยคือ แกงคั่วปู ปูเน้นๆ ทานคู่กับเส้นหมี่ คล้ายกินขนมจีนกับแกง แต่รายละเอียดรสชาติไม่เหมือนกัน น้ำพริกขี้กา แล้วก็กุ้งผัดพริกเกลือค่ะ บอกเลยว่าเซ็ตนี้ ข้าวสวยหมดโถจริงๆ ใครสนใจพาครอบครัวมาทานถือว่าคุ้มมากเลยนะคะ แต่มายากหน่อยเพราะร้านตั้งอยู่บนเกาะค่ะ รถเข้าไม่ถึงต้องนั่งเรือต่อมา เซิร์ท GPS มาเลยแล้วถามคนแถวนี้ได้เลย เเนะนำมากๆ ร้านนี้




คืนที่ 2 เราจะเข้าพักที่นี่ค่ะ ซึ่ง! ขึ้นชื่อว่า Kantary ที่ไหนๆ ก็หรู! ไม่ต้องพูดมาก ครบครันทุกสิ่งเอฟวี่ติงจิงกะเบล โรงแรมใส่ใจความต้องการของคนมาเข้าพักดีมากๆ ค่ะ มาแต่ตัวก็ไม่ขาดอะไรไม่ต้องลงไปซื้อเซเว่น เพราะเค้ามีให้ครบ รีวิวเยอะอยู่แล้วที่นี่ ไม่พูดมากเนอะ 10 10 10! และที่สุดยอดไปกว่านั้นก็คือ อาหารเช้าแบบนานาชาติค่าาาาาา เดินเข้ามาแบบกรี๊ดกร๊าดมากเพราะอาหารละลานตาไปหมด เลือกทานไม่ถูกเลย เบสิคเบรคฟาสก็มี ฝรั่งเศสก็มา ไทยก็ได้ ลาวก็ดี ญี่ปุ่นก็มี ฝรั่งก็จัดให้ได้ จะเอาไร มีให้กินหมด เลิฟมาก

ชาร์จแบตจนเต็ม ชาร์จพลังจนแน่น ต่อไป วันที่ 3 วันสุดท้ายแล้วค่ะ

เต็มแล้วววว ต่อในคอมเมนต์ 1 นะคะ ^^