ขอบคุณบทความจากคุณ Nopchaphan (Kru Lom) #คัดลอกมาไว้อ่านทบทวน และ #ราชวงค์ผู้ทำร้ายทำลายพระศาสนา
ได้อ่านแล้ว เลยนึกถึง กรรมใดใครก่อ ทั้ง 2 ตอน ที่เพิ่งโพสท์ไป เป็นอย่างไรลองมาติดตามครับ
............................................................
อิสลามราชวงโมกุลที่ทำลายมหาลัยนาลันธาและมหาลัยวิกรมศิลานี้ คือวิบากกรรมชะตากรรมของเชื้อพระวงศ์โมกุลหลังตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ
เจ้าชายมีรซา นาซีร์ อุลมุลก์ รอดจากอังกฤษมาได้ แต่สุดท้ายไม่มีจะกินต้องมาเร่ร่อนขอทาน ขาข้างหนึ่งยังเป็นอัมพาต ต้องใช้ถุงห้อยที่คอ แล้วลากสังขารไปตามท้องถนนของเดลี เจอใครก็ได้แต่มองหน้าขอความเห็นใจ หากคนผู้นั้นทราบพระองค์เป็นเจ้าชายมาก่อนก็จะโยนเศษเหรียญลงในถุงที่ห้อยคอด้วยความเวทนา
มีคนถามว่าท่านคือใคร เจ้าชายจะตอบว่า นามของเราคือมีรซา นาซีร์ อุลมุลก์ เป็นพระนัดดาของจักรพรรดิบาฮาดูร์ชาห์
อีกพระองค์คือมีรซา กามาร์ ซุลตาน พระนัดดาขององค์จักรพรรดิเช่นกัน ต้องเร่ร่อนขอทานในเมืองหลวง ถนนสายเดียวกับที่พระองค์เคยควบอาชาผ่านมาแล้วชาวพาราต้องค้อมคำนับให้ มาวันนี้ทรงกลายเป็นคนจรขอทานเขายังชีพ และเพราะความอับอายจึงต้องหาเลี้ยงชีพยามค่ำคืน แต่เวลาจะขอใครเข้ากินท่านจะแสดงขัตติยะมานะอยู่บ้าง
ทั้ง 2 เรื่องนี้อยู่ในบทความชื่อ What happened to the Mughals after the fall of the Mughal Empire? ในเว็บไซต์ DailyO
แต่จะว่าไปแล้วชะตากรรมของเจ้าชายยาจกแห่งโมกุลทั้ง 2 พระองค์ ยังดีกว่าอีกหลายพระองค์ เช่น เจ้าชายมีร์ซามูฆัล ซึ่งนำการลุกฮือต้านอังกฤษ เมื่อทรงยอมแพ้แล้ว ถูกอังกฤษจับตัวขึ้นเกวียนกับพระโอรสอีก 2 พระองค์ ครั้นถึงประตูเมืองเดลี มีชาวอินดียมารุมต้อนรับ คิดว่าเป็นขบวนของเจ้าชายที่กำชัยชนะกลับมา แต่เมื่อมาถึงเจ้าชายทั้ง 3 พระองค์กลับถูกฝรั่งไล่ให้ลงมาจากเกวียน แล้วจับเปลื้องผ้าผ่อนท่อนบน จากนั้นยิงทิ้งต่อหน้าฝูงชน ตายไปแล้วยังถูกทหารอังกฤษปล้นทรัพย์ที่ติดตัวไว้อีก จากเจ้านายผู้สูงศักดิ์ กลายเป็นศพอนาถา เป็นที่น่าอนาจยิ่งนัก
ทุกวันนี้มีการตั้งมูลนิธิเพื่อติดตามเชื้อพระวงศ์โมกุลเพื่อช่วยเหลือ เพราะส่วนใหญ่มีฐานะยากจน มีคนหนึ่งดังมาก คือซุลตานา เบกุมภรรยาของพระราชปนัดดาของจักรพรรดิองค์สุดท้าย ขายน้ำชาริมถนนตามยถากรรม ส่วนสามีเชื้อพระวงศ์ตายไปนานแล้วอย่างแร้นแค้นแสนสาหัส
ชะตากรรมของพวกเชื้อพระวงศ์โมกุลแสดงถึงหลักอนิจจตาได้เป็นอย่างดี จากชีวิตหรูหราฟุ้งเฟื่อง ต้องมานั่งขอทานเขากิน ชีวิตคนเรานั้นอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้
นึกถึงเจตนารมณ์ในการบันทึกประวัติศาสต์ของคนโบราณ ดังในคัมภีร์มหาวงศ์ พงศาวดารพุทธศาสนาในลังกา ที่ชี้แจงไว้ว่าการบันทึกประวัติศาสตร์นั้นก็เพื่อ“จะให้เกิดความเลื่อมใสแลสังเวช”
เพราะแม้แต่ “ท้าวพระยาทั้งหลาย ... ก็มิได้เที่ยงถึงแก่มรณะสืบกันมา”
ผลแห่งกรรมเนื่องมาจาก ธรรมะเรื่อง "กรรมใดใครก่อ" มิแบ่งชนชั้นวรรณะเลย
ได้อ่านแล้ว เลยนึกถึง กรรมใดใครก่อ ทั้ง 2 ตอน ที่เพิ่งโพสท์ไป เป็นอย่างไรลองมาติดตามครับ
............................................................
อิสลามราชวงโมกุลที่ทำลายมหาลัยนาลันธาและมหาลัยวิกรมศิลานี้ คือวิบากกรรมชะตากรรมของเชื้อพระวงศ์โมกุลหลังตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ
เจ้าชายมีรซา นาซีร์ อุลมุลก์ รอดจากอังกฤษมาได้ แต่สุดท้ายไม่มีจะกินต้องมาเร่ร่อนขอทาน ขาข้างหนึ่งยังเป็นอัมพาต ต้องใช้ถุงห้อยที่คอ แล้วลากสังขารไปตามท้องถนนของเดลี เจอใครก็ได้แต่มองหน้าขอความเห็นใจ หากคนผู้นั้นทราบพระองค์เป็นเจ้าชายมาก่อนก็จะโยนเศษเหรียญลงในถุงที่ห้อยคอด้วยความเวทนา
มีคนถามว่าท่านคือใคร เจ้าชายจะตอบว่า นามของเราคือมีรซา นาซีร์ อุลมุลก์ เป็นพระนัดดาของจักรพรรดิบาฮาดูร์ชาห์
อีกพระองค์คือมีรซา กามาร์ ซุลตาน พระนัดดาขององค์จักรพรรดิเช่นกัน ต้องเร่ร่อนขอทานในเมืองหลวง ถนนสายเดียวกับที่พระองค์เคยควบอาชาผ่านมาแล้วชาวพาราต้องค้อมคำนับให้ มาวันนี้ทรงกลายเป็นคนจรขอทานเขายังชีพ และเพราะความอับอายจึงต้องหาเลี้ยงชีพยามค่ำคืน แต่เวลาจะขอใครเข้ากินท่านจะแสดงขัตติยะมานะอยู่บ้าง
ทั้ง 2 เรื่องนี้อยู่ในบทความชื่อ What happened to the Mughals after the fall of the Mughal Empire? ในเว็บไซต์ DailyO
แต่จะว่าไปแล้วชะตากรรมของเจ้าชายยาจกแห่งโมกุลทั้ง 2 พระองค์ ยังดีกว่าอีกหลายพระองค์ เช่น เจ้าชายมีร์ซามูฆัล ซึ่งนำการลุกฮือต้านอังกฤษ เมื่อทรงยอมแพ้แล้ว ถูกอังกฤษจับตัวขึ้นเกวียนกับพระโอรสอีก 2 พระองค์ ครั้นถึงประตูเมืองเดลี มีชาวอินดียมารุมต้อนรับ คิดว่าเป็นขบวนของเจ้าชายที่กำชัยชนะกลับมา แต่เมื่อมาถึงเจ้าชายทั้ง 3 พระองค์กลับถูกฝรั่งไล่ให้ลงมาจากเกวียน แล้วจับเปลื้องผ้าผ่อนท่อนบน จากนั้นยิงทิ้งต่อหน้าฝูงชน ตายไปแล้วยังถูกทหารอังกฤษปล้นทรัพย์ที่ติดตัวไว้อีก จากเจ้านายผู้สูงศักดิ์ กลายเป็นศพอนาถา เป็นที่น่าอนาจยิ่งนัก
ทุกวันนี้มีการตั้งมูลนิธิเพื่อติดตามเชื้อพระวงศ์โมกุลเพื่อช่วยเหลือ เพราะส่วนใหญ่มีฐานะยากจน มีคนหนึ่งดังมาก คือซุลตานา เบกุมภรรยาของพระราชปนัดดาของจักรพรรดิองค์สุดท้าย ขายน้ำชาริมถนนตามยถากรรม ส่วนสามีเชื้อพระวงศ์ตายไปนานแล้วอย่างแร้นแค้นแสนสาหัส
ชะตากรรมของพวกเชื้อพระวงศ์โมกุลแสดงถึงหลักอนิจจตาได้เป็นอย่างดี จากชีวิตหรูหราฟุ้งเฟื่อง ต้องมานั่งขอทานเขากิน ชีวิตคนเรานั้นอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้
นึกถึงเจตนารมณ์ในการบันทึกประวัติศาสต์ของคนโบราณ ดังในคัมภีร์มหาวงศ์ พงศาวดารพุทธศาสนาในลังกา ที่ชี้แจงไว้ว่าการบันทึกประวัติศาสตร์นั้นก็เพื่อ“จะให้เกิดความเลื่อมใสแลสังเวช”
เพราะแม้แต่ “ท้าวพระยาทั้งหลาย ... ก็มิได้เที่ยงถึงแก่มรณะสืบกันมา”