“เฮ้ย! ตาชิด คุณผู้หญิงนะ เมื่อคืนเธอไม่เป็นอะไรเลยนะแก ตอนเช้าฉันก็คิดว่าเธอจะโดนดีเข้าชะแล้ว ก็เลยไปเรียกดู เห็นเธอบอกว่าเมื่อคืน นอนไม่ค่อยหลับนะ ก็เลยตื่นสายหน่อย” นางเล่าให้สามีฟังด้วยน้ำเสียงอย่างตื่นเต้นระคนดีใจนั่นเอง
“เฮ้ !!! ข้าก็โล่งอกไปชักที เห็นเธอสวย ๆ กลัวเธอจะเป็นแบบคนที่เช่าคนก่อนนะแก” บุรุษสูงวัยเองก็กังวนไม่แพ้กัน
“คุณเขาคงมีของดีอะไรติดตัวมามั๊ง” เสียงของนางจันเอ่ยขึ้นพร้อม “แกสังเกตไหมล่ะ ตั้งแต่เมื่อวานที่คุณมาจนป่านนี้ ไม่มีงูสักตัวเดี๋ยว แม้นแต่พวกสัตว์มีพิษที่เคยมีเยอะจนแทบจะเหยียบกันตายกลับหายไปหมด”นางกล่าวขึ้นอย่างที่นางสังเกตเห็น “ขนาดข้าเองลองมองหาก็ยังหาไม่เจอเลยสักตัว แกว่าแปลกไหมล่ะ”
“อุ้ย ! ! ! ข้าลืมไปคุณเธอให้มาบอกเอ็งว่าคุณอยากจะไปตลาดริมโขงหน่อย จะวานแกขับรถพาเธอไปตลาดริมโขงนะ”นางอุทานขึ้นอย่างตกใจเมื่อนึกขึ้นไดว่าหญิงสาวสั่งความอะไรมาบอกแก่สามีของนาง
“บ๊ะ...นั่งนี่ แล้วทำไมแกพึ่งมาบอกข้าล่ะ ป่านนี้คุณคงรอข้าแย่ล่ะ!!!” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบผ้าข้าวม้าที่พาดอยู่บนบ่าแล้วนำมามัดไว้ที่เอวทันที่อย่างเร่งรีบก้าวเท้าตรงไปยังเรือนหลังเล็กที่อยู่ทางด้านหน้าบ้านอย่างเร่งรีบ
“เห็นยายจันว่า คุณว่าคุณจะไปตลาดริมโขงหรอครับ” ชายสูงวัยเอ่ยขึ้นทันทีที่มาถึงบ้านหลังเล็กนั่นอย่างเร่งรีบ “คุณอยากไปดูพวกอัญมณีหรอครับ ระวังหน่อยนะครับพวกของย้อมแมวก็มีเยาะนะครับ ของจริงก็มีเหมือนกันแต่ถ้าจะให้ได้น้ำงาม ๆ นะต้องข้ามไปฝั่งโน้นนะครับ” ตาชิดเสนอความคิดเห็นขึ้น
“เหรอจ๊ะ ขอบใจมากนะค่ะที่บอก อร แต่อรแค่อยากไปเดินเล่นเฉย ๆ นะค่ะ” .หล่อนตอบชายสูงวัย อย่างเลี่ยง ๆ เพราะที่จริงหล่อนไม่ปรารถนาที่จะไปซื้อ อัญมณีชนิดใดเลย แต่หล่อนอยากจะนำของสิ่งหนึ่งไปคืนให้แก่ชายหนุ่มที่หล่อนได้เจอเขาเมื่อวานนี้ต่างหากล่ะ
ไม่ต้องตามฉันไปหรอจ๊ะรอฉันอยู่ที่รถนี่ล่ะ เดี๋ยวฉันเสร็จธุระแล้วจะกลับมาหาที่รถ หล่อนบอกชายสูงวัยในขณะเขากำลังจะก้าวเดินตามหล่อนไปยังร้านที่หล่อนตั้งใจมา
ร้าน นาคิน หล่อนอ่านป้ายชื่อร้าน เออ มันก็ร้านนี้นี่น่า แต่ทำไม่เมื่อวานเราไม่ทันสังเกตป้ายชื่อร้านหรือ อย่างไร เธอตัดสินใจเดินเขาไปภายในร้านทันที่ หล่อนเห็นพนักงานคนเดิมแต่งกายด้วยชุดท้องถิ่น
“ขอโทษนะค่ะ ฉันขอพบคุณภุชงค์ หน่อยนะค่ะ” หล่อนแจ้งความประสงค์แก่พนักงานทันที
“เชิญค่ะ ท่านกำลังรอคุณอยู่ค่ะ” พนักงานคนนั้นตอบรับเธอพร้อมกับเดินนำเธอไปยังด้านในสุดของร้านแล้วเดินเลยเข้าไปอีก จนเหมือนว่า ร้านแห่งนี้ลึกจนสุดประมาณได้ อ้อที่แท้ด้านหลังของร้านนี้ก็อยู่ติดกับกับแม่น้ำโขงนี่เอง โดยเจ้าของร้านได้ทำระเบียงไม้ต่อยืนลงไปเพื่อเป็นที่พักผ่อนของเขาก็เป็นได้ หล่อนก้าวลงไปในห้องนั้นทันที ที่หญิงสาวผู้นำทางมาเปิดประตูให้ แล้วทันใดนั้นหล่อนก็ได้กลิ่นหอมแปลก ๆ ลอยมา “ เอ๊ะ” กลิ่นอะไรนะคุ้น ๆจัง เหมือนเคยได้กลิ่นอย่างนี้ที่ไหนมาก่อน เอมอรคิดอยู่ภายในใจ หล่อนเลือกที่จะนั่งรอเขาที่บริเวณเก้าอี้รับแขก ซึ่งทำมาจากไม้เนื้อแข็งอย่างดี แกะสลักลวดลายเป็นรูปพญานาคสองตัวคลอเคลียกันอยู่ หล่อนยังคงมองไปยังรอบ ๆ บริเวณห้อง มีชั้นหนังสืออยู่มุมหนึ่งของห้องบนชั้นนั้นหนังสือมากมาย แต่ที่หล่อนสังเกตได้คือหนังสือทุกเล่มที่อยู่บนชั้นนั้น คงจะมีอายุไม่น้อยเลยเพราะจากสีของกระดาษที่เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลืองเข้ม บ้างเล่มกระดาษเป็นสีน้ำตาล เจ้าของห้องนี้คงจะรักการอ่านมาก ขนาดหนังสือเก่าขนาดนี้ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี
“สวัสดีครับ....คุณเอมอร” เขาเอ่ยทักหล่อนขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนครั้งแรกที่หล่อนได้พบเขา
“สวัสดีค่ะ...คุณภุชงค์” หล่อนยิ้มให้เขาอีกครั้งหนึ่งแต่นั้นก็เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ที่ภุชงค์รับรู้ได้ว่าหญิงคนนี้เปลี่ยนไปจาก นาง...เมื่อครั้งในอดีตกาล อย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะความเด็ดเดี่ยวด้วยแล้ว เธอคนนี้ดูจะเข้มแข็งกว่านางอรุณวดี เสียหลายเท่านัก
“เมื่อวานผมต้องขอโทษด้วยครับที่ไปโดยไม่ทันได้กล่าวลาคุณเลย” ชายหนุ่มยิ้มอ่อนหวานให้แก่หล่อน “แล้ววันนี้คุณมีอะไรหรอครับ ถึงได้มาหาผมแต่เช้าเทียว” เหมือนเขาจะนึกรู้ว่าหล่อนจะมาหาเขา ชายหนุ่มถึงได้มารอหล่อนอยู่ที่นี่แค่เพียงก่อนที่หล่อนจะก้าวเข้ามาภายในร้านไม่นานนัก
“คือดิฉันจะเอา เอ่อ น้ำตานาคราช มาคืนคุณค่ะ” เอมอรกล่าวขึ้นพร้อมหยิบน้ำตานาคราชเม็ดนั้นออกมาจากกระเป๋าถือของหล่อนเพื่อส่งคืนให้แก่เขา
“มีอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเหมือนรู้ทันหล่อนอีกแล้ว
“คือดิฉันว่า มันอาจมีค่าสูงเกินไปที่คุณจะใช้มอบเป็นของขวัญให้กับมิตรใหม่เช่นฉันค่ะ” หล่อนยิ้มขึ้นอีกครั้งที่กล่าวจบ
“ผมคงรับไว้ไม่ได้เหรอครับ”
“ทำไมเหรอค่ะ ของสิ่งนี้มันมีค่าเกินกว่าที่คุณจะมาให้อะไรกันเปล่า ๆ นะค่ะ ถ้ายังไงดิฉันก็คงต้องคืนให้คุณดีกว่านะค่ะ” เธอกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกเกรงใจเหลือเกินแต่ก็แปลกใจที่อีกใจหนึ่งเธอกลับเสียดายที่จะต้องส่งน้ำตานาคราชคืนเขาไปด้วยเช่นกัน
“ก่อนอื่นผมขอถามคุณก่อนที่คุณที่คุณจะคือ น้ำตานาคราชเม็ดนี้ให้แก่ผมได้ไหมครับ” เขามองใบหน้าของหล่อนสลับกับน้ำตานาคราชที่อยู่ในมือของหล่อนที่ตอนนี้เริ่มเปล่งประกายอีกครั้งหนึ่ง
“ค่ะ ดิฉันยินดีค่ะ”
ถ้าอย่างนั้นเรานั่งคุยกันดีกว่ามั่งครับ เชิญครับ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินนำหล่อนไปที่ระเบียงริมแม่น้ำนั้นเอง “เมื่อคืนนี้คุณฝันอะไรแปลก ๆ ไหมครับ”
“ค่ะคุณรู้”หล่อนทำเสียงสูง พร้อมกับมองใบหน้าเข้มของชายหนุ่ม นี่ทำไมเขาถึงได้เรื่องราวที่เกิดเรื่องฝันแปลก ๆกับเราได้นะ หรือว่า อาจมีคนเคยเป็นเหมือนเรามาก่อน เอมอรคิดภายในใจ
“คุณฝันเห็นอะไรเหรอครับ บอกผมได้ไหม” เขาถามหล่อนขึ้นทันที ที่เข้านั่งลงตรงเก้าอี้หวายทาชะแลคอย่างดีเข้ากับโต๊ะตัวเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ด้านข้างที่มีแก้วน้ำวางอยู่ พร้อมกับผายมือเพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้หล่อนได้นั่งลงเช่นกัน ดูเหมือนว่า... ก่อนเขาจะเขาไปพบหล่อนภายในห้องเขาคงนั่นเล่นอยู่ที่นี่มาก่อนแน่นอน
“ค่ะ....เมื่อคืนฉันฝันเห็นสถานที่” หญิงสาวคิดทบทวนความฝันที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เองขึ้น “แต่ดิฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นที่ไหนกันแน่ รู้แต่ ว่าเป็นถ้ำ แต่ภายในมีหินงอกหินย้อย ระยิบระยับ ประดุจหนึ่งบนสรวงสวรรค์ อย่างนั้นเลยละค่ะ มีละอองหมอกที่เย็น จับใจ พร้อมกลิ่นหอม” หล่อนนิ่วหน้าขึ้น “กลิ่นคล้าย ๆ ที่เรากำลังได้กลิ่นกันอยู่นี่ล่ะค่ะ” ชายหนุ่มมองเธอที่บัดนี้สายตาคู่สวยของหล่อนกำลังมองหาที่มาของกลิ่นประหลาดนั่นเอง
“เอ๊ะ! กลิ่น เหมือนที่อยู่ในห้องเมื่อกี้นี้ ล่ะค่ะ” หล่อนตอบเขาและดูเหมือนว่าจะมีใครคนหนึ่งเดินถือแจกันที่มีดอกไม้สีชมพูอ่อน ๆ ลักษณะไม่เหมือนดอกไม้ทั่วไปนัก กลีบบาง ก้านยาวพลิ้วไหว้ไปตามแรงลมเหมือนจะหักแต่ก็ไม่หักก้านดอกเหมือนจะชูช่อส่งดอกให้สูงขึ้นจนดูเหมือนว่าดอกไม้นั้นจะหลุดออกจากก้าน
“กลิ่นนี้หรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มรับแจกันใบเล็กนั่นมาวางไว้ที่กลางโต๊ะนั่นเอง
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งหนึ่ง พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับเขาในทีนั่นเอง “ค่ะ กลิ่นนี้ล่ะค่ะ หอมเย็น ๆ ดิฉันจำได้ค่ะ”
“กลิ่นนี้เป็นกลิ่น ดอกปักษาสวรรค์นะครับ ทางฝั่งไทยไม่ค่อยมีคนนิยมปลูกกันมากหรอครับ ทางต้นตระกูลผมนำมาจากฝั่งโน้น นะครับ” ชายหนุ่มบอกหล่อน “แล้วในฝันคุณเห็นอะไรที่น่ากลัวไหมครับ”
“ไม่นี่ค่ะ ที่ฉันเห็นทุกอย่างสวยงามมาก อย่างที่ดิฉันเล่าให้คุณฟังนะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็มีสิทธิ์ได้ครอบครองน้ำตานาคราชเม็ดนี้โดย สมบูรณ์ ที่สุดครับ” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมมองที่ใบหน้าสวยของหล่อนอีกครั้งหนึ่งที่แฝงไว้ด้วยประกายแห่งความหวัง
“ทำไมเหรอค่ะ” หญิงสาวทำหน้าสงสัยขึ้น
“เมื่อวานผมบอกคุณแล้วใช่ไหมครับ ว่าน้ำตานาคราชเกิดจากอะไร ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มย้อนถามเธออีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการทบทวนความจำของหล่อนด้วยเช่นกัน
“ค่ะ ดิฉันทราบแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะขอเล่าเรื่องเล่าเรื่องราวของตระกูลผม ซึ่งได้รับการเล่าเรื่องนี้ตกทอดกันมาหลายรุ่นแล้ว” ชายหนุ่มมองหน้าหล่อนเป็นเชิงถาม “คุณอยากจะฟังไหมครับ”
“ถ้าคุณไม่รังเกลียดที่ดิฉันเป็นคนนอก ดิฉันเองก็อยากทราบค่ะ” หล่อนตอบเขาไปเช่นนั้นเพราะบ้างที่มันอาจเกี่ยวกับเรื่องที่หล่อนฝันแปลก ๆ ก็ได้ ชายหนุ่มจริงเริ่มเล่าเรื่องราวขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับสังเกตอาการของหล่อนไปพร้อมว่าหล่อนเห็นเป็นแค่เรื่องสนุกที่เขาพูดขึ้นหรือว่าหล่อนกำลังคิดอะไรกันอยู่แน่
“บรรพบุรุษของผม เป็น พญานาคราช ครับ” เขาหยุดพูดพร้อมมองที่ดวงตาของหล่อนที่บัดนี้แทนที่เธอจะหัวเราะแต่กลับเป็นเธอดูจะตั้งใจฝังเขามากขึ้น “คุณอย่าเพิ่งหัวเราะไปนะครับว่าเอานิทานอะไรมาเล่าให้คุณฟัง”
“ไม่เป็นไรเหรอค่ะ ..ดิฉันยินดีรับฟังค่ะ เชิญเล่าต่อสิค่ะ”
น้ำตานาคราช ตอนที่ 2/1
“เฮ้ !!! ข้าก็โล่งอกไปชักที เห็นเธอสวย ๆ กลัวเธอจะเป็นแบบคนที่เช่าคนก่อนนะแก” บุรุษสูงวัยเองก็กังวนไม่แพ้กัน
“คุณเขาคงมีของดีอะไรติดตัวมามั๊ง” เสียงของนางจันเอ่ยขึ้นพร้อม “แกสังเกตไหมล่ะ ตั้งแต่เมื่อวานที่คุณมาจนป่านนี้ ไม่มีงูสักตัวเดี๋ยว แม้นแต่พวกสัตว์มีพิษที่เคยมีเยอะจนแทบจะเหยียบกันตายกลับหายไปหมด”นางกล่าวขึ้นอย่างที่นางสังเกตเห็น “ขนาดข้าเองลองมองหาก็ยังหาไม่เจอเลยสักตัว แกว่าแปลกไหมล่ะ”
“อุ้ย ! ! ! ข้าลืมไปคุณเธอให้มาบอกเอ็งว่าคุณอยากจะไปตลาดริมโขงหน่อย จะวานแกขับรถพาเธอไปตลาดริมโขงนะ”นางอุทานขึ้นอย่างตกใจเมื่อนึกขึ้นไดว่าหญิงสาวสั่งความอะไรมาบอกแก่สามีของนาง
“บ๊ะ...นั่งนี่ แล้วทำไมแกพึ่งมาบอกข้าล่ะ ป่านนี้คุณคงรอข้าแย่ล่ะ!!!” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบผ้าข้าวม้าที่พาดอยู่บนบ่าแล้วนำมามัดไว้ที่เอวทันที่อย่างเร่งรีบก้าวเท้าตรงไปยังเรือนหลังเล็กที่อยู่ทางด้านหน้าบ้านอย่างเร่งรีบ
“เห็นยายจันว่า คุณว่าคุณจะไปตลาดริมโขงหรอครับ” ชายสูงวัยเอ่ยขึ้นทันทีที่มาถึงบ้านหลังเล็กนั่นอย่างเร่งรีบ “คุณอยากไปดูพวกอัญมณีหรอครับ ระวังหน่อยนะครับพวกของย้อมแมวก็มีเยาะนะครับ ของจริงก็มีเหมือนกันแต่ถ้าจะให้ได้น้ำงาม ๆ นะต้องข้ามไปฝั่งโน้นนะครับ” ตาชิดเสนอความคิดเห็นขึ้น
“เหรอจ๊ะ ขอบใจมากนะค่ะที่บอก อร แต่อรแค่อยากไปเดินเล่นเฉย ๆ นะค่ะ” .หล่อนตอบชายสูงวัย อย่างเลี่ยง ๆ เพราะที่จริงหล่อนไม่ปรารถนาที่จะไปซื้อ อัญมณีชนิดใดเลย แต่หล่อนอยากจะนำของสิ่งหนึ่งไปคืนให้แก่ชายหนุ่มที่หล่อนได้เจอเขาเมื่อวานนี้ต่างหากล่ะ
ไม่ต้องตามฉันไปหรอจ๊ะรอฉันอยู่ที่รถนี่ล่ะ เดี๋ยวฉันเสร็จธุระแล้วจะกลับมาหาที่รถ หล่อนบอกชายสูงวัยในขณะเขากำลังจะก้าวเดินตามหล่อนไปยังร้านที่หล่อนตั้งใจมา
ร้าน นาคิน หล่อนอ่านป้ายชื่อร้าน เออ มันก็ร้านนี้นี่น่า แต่ทำไม่เมื่อวานเราไม่ทันสังเกตป้ายชื่อร้านหรือ อย่างไร เธอตัดสินใจเดินเขาไปภายในร้านทันที่ หล่อนเห็นพนักงานคนเดิมแต่งกายด้วยชุดท้องถิ่น
“ขอโทษนะค่ะ ฉันขอพบคุณภุชงค์ หน่อยนะค่ะ” หล่อนแจ้งความประสงค์แก่พนักงานทันที
“เชิญค่ะ ท่านกำลังรอคุณอยู่ค่ะ” พนักงานคนนั้นตอบรับเธอพร้อมกับเดินนำเธอไปยังด้านในสุดของร้านแล้วเดินเลยเข้าไปอีก จนเหมือนว่า ร้านแห่งนี้ลึกจนสุดประมาณได้ อ้อที่แท้ด้านหลังของร้านนี้ก็อยู่ติดกับกับแม่น้ำโขงนี่เอง โดยเจ้าของร้านได้ทำระเบียงไม้ต่อยืนลงไปเพื่อเป็นที่พักผ่อนของเขาก็เป็นได้ หล่อนก้าวลงไปในห้องนั้นทันที ที่หญิงสาวผู้นำทางมาเปิดประตูให้ แล้วทันใดนั้นหล่อนก็ได้กลิ่นหอมแปลก ๆ ลอยมา “ เอ๊ะ” กลิ่นอะไรนะคุ้น ๆจัง เหมือนเคยได้กลิ่นอย่างนี้ที่ไหนมาก่อน เอมอรคิดอยู่ภายในใจ หล่อนเลือกที่จะนั่งรอเขาที่บริเวณเก้าอี้รับแขก ซึ่งทำมาจากไม้เนื้อแข็งอย่างดี แกะสลักลวดลายเป็นรูปพญานาคสองตัวคลอเคลียกันอยู่ หล่อนยังคงมองไปยังรอบ ๆ บริเวณห้อง มีชั้นหนังสืออยู่มุมหนึ่งของห้องบนชั้นนั้นหนังสือมากมาย แต่ที่หล่อนสังเกตได้คือหนังสือทุกเล่มที่อยู่บนชั้นนั้น คงจะมีอายุไม่น้อยเลยเพราะจากสีของกระดาษที่เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลืองเข้ม บ้างเล่มกระดาษเป็นสีน้ำตาล เจ้าของห้องนี้คงจะรักการอ่านมาก ขนาดหนังสือเก่าขนาดนี้ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี
“สวัสดีครับ....คุณเอมอร” เขาเอ่ยทักหล่อนขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนครั้งแรกที่หล่อนได้พบเขา
“สวัสดีค่ะ...คุณภุชงค์” หล่อนยิ้มให้เขาอีกครั้งหนึ่งแต่นั้นก็เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ที่ภุชงค์รับรู้ได้ว่าหญิงคนนี้เปลี่ยนไปจาก นาง...เมื่อครั้งในอดีตกาล อย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะความเด็ดเดี่ยวด้วยแล้ว เธอคนนี้ดูจะเข้มแข็งกว่านางอรุณวดี เสียหลายเท่านัก
“เมื่อวานผมต้องขอโทษด้วยครับที่ไปโดยไม่ทันได้กล่าวลาคุณเลย” ชายหนุ่มยิ้มอ่อนหวานให้แก่หล่อน “แล้ววันนี้คุณมีอะไรหรอครับ ถึงได้มาหาผมแต่เช้าเทียว” เหมือนเขาจะนึกรู้ว่าหล่อนจะมาหาเขา ชายหนุ่มถึงได้มารอหล่อนอยู่ที่นี่แค่เพียงก่อนที่หล่อนจะก้าวเข้ามาภายในร้านไม่นานนัก
“คือดิฉันจะเอา เอ่อ น้ำตานาคราช มาคืนคุณค่ะ” เอมอรกล่าวขึ้นพร้อมหยิบน้ำตานาคราชเม็ดนั้นออกมาจากกระเป๋าถือของหล่อนเพื่อส่งคืนให้แก่เขา
“มีอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเหมือนรู้ทันหล่อนอีกแล้ว
“คือดิฉันว่า มันอาจมีค่าสูงเกินไปที่คุณจะใช้มอบเป็นของขวัญให้กับมิตรใหม่เช่นฉันค่ะ” หล่อนยิ้มขึ้นอีกครั้งที่กล่าวจบ
“ผมคงรับไว้ไม่ได้เหรอครับ”
“ทำไมเหรอค่ะ ของสิ่งนี้มันมีค่าเกินกว่าที่คุณจะมาให้อะไรกันเปล่า ๆ นะค่ะ ถ้ายังไงดิฉันก็คงต้องคืนให้คุณดีกว่านะค่ะ” เธอกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกเกรงใจเหลือเกินแต่ก็แปลกใจที่อีกใจหนึ่งเธอกลับเสียดายที่จะต้องส่งน้ำตานาคราชคืนเขาไปด้วยเช่นกัน
“ก่อนอื่นผมขอถามคุณก่อนที่คุณที่คุณจะคือ น้ำตานาคราชเม็ดนี้ให้แก่ผมได้ไหมครับ” เขามองใบหน้าของหล่อนสลับกับน้ำตานาคราชที่อยู่ในมือของหล่อนที่ตอนนี้เริ่มเปล่งประกายอีกครั้งหนึ่ง
“ค่ะ ดิฉันยินดีค่ะ”
ถ้าอย่างนั้นเรานั่งคุยกันดีกว่ามั่งครับ เชิญครับ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินนำหล่อนไปที่ระเบียงริมแม่น้ำนั้นเอง “เมื่อคืนนี้คุณฝันอะไรแปลก ๆ ไหมครับ”
“ค่ะคุณรู้”หล่อนทำเสียงสูง พร้อมกับมองใบหน้าเข้มของชายหนุ่ม นี่ทำไมเขาถึงได้เรื่องราวที่เกิดเรื่องฝันแปลก ๆกับเราได้นะ หรือว่า อาจมีคนเคยเป็นเหมือนเรามาก่อน เอมอรคิดภายในใจ
“คุณฝันเห็นอะไรเหรอครับ บอกผมได้ไหม” เขาถามหล่อนขึ้นทันที ที่เข้านั่งลงตรงเก้าอี้หวายทาชะแลคอย่างดีเข้ากับโต๊ะตัวเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ด้านข้างที่มีแก้วน้ำวางอยู่ พร้อมกับผายมือเพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้หล่อนได้นั่งลงเช่นกัน ดูเหมือนว่า... ก่อนเขาจะเขาไปพบหล่อนภายในห้องเขาคงนั่นเล่นอยู่ที่นี่มาก่อนแน่นอน
“ค่ะ....เมื่อคืนฉันฝันเห็นสถานที่” หญิงสาวคิดทบทวนความฝันที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เองขึ้น “แต่ดิฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นที่ไหนกันแน่ รู้แต่ ว่าเป็นถ้ำ แต่ภายในมีหินงอกหินย้อย ระยิบระยับ ประดุจหนึ่งบนสรวงสวรรค์ อย่างนั้นเลยละค่ะ มีละอองหมอกที่เย็น จับใจ พร้อมกลิ่นหอม” หล่อนนิ่วหน้าขึ้น “กลิ่นคล้าย ๆ ที่เรากำลังได้กลิ่นกันอยู่นี่ล่ะค่ะ” ชายหนุ่มมองเธอที่บัดนี้สายตาคู่สวยของหล่อนกำลังมองหาที่มาของกลิ่นประหลาดนั่นเอง
“เอ๊ะ! กลิ่น เหมือนที่อยู่ในห้องเมื่อกี้นี้ ล่ะค่ะ” หล่อนตอบเขาและดูเหมือนว่าจะมีใครคนหนึ่งเดินถือแจกันที่มีดอกไม้สีชมพูอ่อน ๆ ลักษณะไม่เหมือนดอกไม้ทั่วไปนัก กลีบบาง ก้านยาวพลิ้วไหว้ไปตามแรงลมเหมือนจะหักแต่ก็ไม่หักก้านดอกเหมือนจะชูช่อส่งดอกให้สูงขึ้นจนดูเหมือนว่าดอกไม้นั้นจะหลุดออกจากก้าน
“กลิ่นนี้หรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มรับแจกันใบเล็กนั่นมาวางไว้ที่กลางโต๊ะนั่นเอง
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งหนึ่ง พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับเขาในทีนั่นเอง “ค่ะ กลิ่นนี้ล่ะค่ะ หอมเย็น ๆ ดิฉันจำได้ค่ะ”
“กลิ่นนี้เป็นกลิ่น ดอกปักษาสวรรค์นะครับ ทางฝั่งไทยไม่ค่อยมีคนนิยมปลูกกันมากหรอครับ ทางต้นตระกูลผมนำมาจากฝั่งโน้น นะครับ” ชายหนุ่มบอกหล่อน “แล้วในฝันคุณเห็นอะไรที่น่ากลัวไหมครับ”
“ไม่นี่ค่ะ ที่ฉันเห็นทุกอย่างสวยงามมาก อย่างที่ดิฉันเล่าให้คุณฟังนะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็มีสิทธิ์ได้ครอบครองน้ำตานาคราชเม็ดนี้โดย สมบูรณ์ ที่สุดครับ” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมมองที่ใบหน้าสวยของหล่อนอีกครั้งหนึ่งที่แฝงไว้ด้วยประกายแห่งความหวัง
“ทำไมเหรอค่ะ” หญิงสาวทำหน้าสงสัยขึ้น
“เมื่อวานผมบอกคุณแล้วใช่ไหมครับ ว่าน้ำตานาคราชเกิดจากอะไร ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มย้อนถามเธออีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการทบทวนความจำของหล่อนด้วยเช่นกัน
“ค่ะ ดิฉันทราบแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะขอเล่าเรื่องเล่าเรื่องราวของตระกูลผม ซึ่งได้รับการเล่าเรื่องนี้ตกทอดกันมาหลายรุ่นแล้ว” ชายหนุ่มมองหน้าหล่อนเป็นเชิงถาม “คุณอยากจะฟังไหมครับ”
“ถ้าคุณไม่รังเกลียดที่ดิฉันเป็นคนนอก ดิฉันเองก็อยากทราบค่ะ” หล่อนตอบเขาไปเช่นนั้นเพราะบ้างที่มันอาจเกี่ยวกับเรื่องที่หล่อนฝันแปลก ๆ ก็ได้ ชายหนุ่มจริงเริ่มเล่าเรื่องราวขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับสังเกตอาการของหล่อนไปพร้อมว่าหล่อนเห็นเป็นแค่เรื่องสนุกที่เขาพูดขึ้นหรือว่าหล่อนกำลังคิดอะไรกันอยู่แน่
“บรรพบุรุษของผม เป็น พญานาคราช ครับ” เขาหยุดพูดพร้อมมองที่ดวงตาของหล่อนที่บัดนี้แทนที่เธอจะหัวเราะแต่กลับเป็นเธอดูจะตั้งใจฝังเขามากขึ้น “คุณอย่าเพิ่งหัวเราะไปนะครับว่าเอานิทานอะไรมาเล่าให้คุณฟัง”
“ไม่เป็นไรเหรอค่ะ ..ดิฉันยินดีรับฟังค่ะ เชิญเล่าต่อสิค่ะ”