คือผมถูกทาบทามให้เข้าไปทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งหัวหน้าแผนก
ผมก็ถูกสอนและอบรมงานโดยรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เขาก็ดีกับผมมากๆนะครับ แต่อยู่มาวันหนึ่งเรามีปัญหากันและคร่อนแคระกันอยู่พักนึง ซึ่งโดยส่วนตัวของผมน่ะ ผมไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรเขาเลยนะครับ
แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ ผมเนี่ย จะต้องได้รับงานรับผิดชอบแผนก ซึ่งรุ่นพี่ท่านนี้ก็อยู่ในแผนกนั้นด้วย
แต่ผมกลับเห็นปัญหาร้ายแรง เป็นวัฒนธรรมองกร แย่ๆ ที่ทำสืบต่อกันมานานแล้วในแผนกนี้
ผมพยายามที่จะปรับเปลี่ยนให้มันถูกต้องตามความจริง เพื่อความอยู่รอดของแผนก ขืนปล่อยแบบนี้ต่อไป แผนกนี้คงจะถูกยุบ แล้วมันจะส่งผลกระทบต่อระบบทั้งหมดของบริษัท
ผมจึงส่งเรื่องไปทางท่านประธาน เพื่อให้ท่านรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางที่จะแก้ไข
แต่ดูเหมือนว่าท่านประธานจะไม่ค่อยสนใจถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้ ผมก็พยายามอธิบายให้ท่านประธานฟัง ว่ามันมีปัญหาอย่างไร
แต่ดูเหมือนว่าท่านประธานจะค่อนข้างมีความเชื่อลึกๆในใจว่า การที่ผมเข้าไปเปลี่ยนแปลงค่านิยมผิดๆในแผนก เป็นเพราะว่าผมอคติ กับรุ่นพี่ที่อบรมงานให้ผมน่ะครับ เพราะเราเคยมีปัญหากัน และปัญหานั้น ก็เป็นผมนี่แหละ ที่เป็นคนก่อเรื่องขึ้นเอง
คือผมน่ะ เป็นคนที่มีนิสัยตรงๆ เวลาผมจะทำอะไร หรือแก้ไขอะไร ผมจะไม่ดูหน้าว่าเค้าเป็นใคร แต่ผมจะดูว่าเขาทำผิดอะไรน่ะครับ แล้วผมจะพิจรณาว่าไปตามเนื้อผ้า พูดง่ายๆคือ ผมเที่ยงตรงมากๆ ไม่มีเอนเอียงเพราะรักหรือเกลียดเลย
แล้วนิสัยผมเนี่ย ผมเป็นคนปากดีครับ ปากกล้าเวลาพูดในที่ลับ ไม่มีวุฒิภาวะ อยู่กับเพื่อนสนิทนี่คือผมเป็นเด็กเลวๆคนนึงเลยครับ เพราะปากผมร้ายมากๆ
แต่เวลาอยู่ในสังคมงาน ผมจะกลายเป็นอีกคนนึงไปเลย คือวางตัวดีมากๆ จนเพื่อนนี่งงไปเลยว่ามันใช่คนๆเดียวกันจริงหรือเปล่า ผมไม่ได้ข่มความชั่วร้ายเอาใว้นะครับ แต่ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ
พูดง่ายๆคือ ผมเป็นคนที่มีสองบุคลิกครับ ดีที่สุด กับชั่วร้ายที่สุด มันอยู่ที่ว่าผมเอาด้านไหน ให้คนในชุมชนไหนได้เห็นมากกว่า
ซึ่งที่ผมมีปัญหากับรุ่นพี่คนนี้ ก็เป็นเพราะว่าเขามาเห็นด้านร้ายๆของผมน่ะครับ
เพราะอุปนิสัยผม ผมเป็นคนไม่เอาใครในองกรเขาให้ผมเลือกข้าง แต่ผมไม่เลือกข้างไหนเลย ผมยึดความถูกต้องเป็นหลัก ผมไม่มีความรู้สึกรักชอบ หรือเกลียด อันเนื่องมาจากอคติ แต่ถ้าผิดก็คือผิด ไม่ว่าใครจะทำผิดผมจะไม่ปล่อยปะละเลยกับความผิดนั้นๆ
แต่ผมเนี่ย ก็ไม่ใช่คนที่หัวดื้ออะไร ถ้าเขาสามารถปรับปรุงตัวได้ ให้อยู่ในร่องรอยที่ถูกต้อง ผมก็ยินดีมากๆ แต่มันจะต้องอยู่ในร่องรอยจริงๆ ไม่ใช่ว่าจะขอหย่อนตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย เพื่อให้เกิดเงื่อนไขนำไปสู่การเกิดวัฒนธรรมองกรที่เสื่อมๆ อีกครั้ง อันนี้ผมยอมไม่ได้
สรุปเลยก็คือปัญหาตอนนี้
1. ทางท่านประธาน ไม่ทราบเจตนาที่แท้จริงของผม
2. ท่านประธาน คิดว่าผม มีอคติกับรุ่นพี่ที่สอนงานผม เขาคิดว่าผมจะเล่นงานรุ่นพี่คนนี้ ผ่านทางการปฎิรูปและปรับปรุงแผนก เพราะความจริงผมหวังดีต่อแผนกจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาที่คิดจะเล่นงานเขา เพราะอคติส่วนตัว
3. ผมเป็นคนมีสองบุคลิก มีดีและชั่ว แต่มันไม่ใช่ว่าผมข่มมันเอาใว้ไม่ให้เกิดชั่ว ถ้าดี ก็คือดีไปเลย แต่ถ้าชั่ว ก็คือชั่วไปเลย มันอยู่ที่ว่าผมจะเอาด้านไหนออกมาใช้ แต่ส่วนใหญ่แล้วผมจะใช้ด้านชั่วเฉพาะพื้นที่ส่วนตัว กับเพื่อนที่สนิทกันสุดๆเท่านั้น เพราะผมโตมาแบบนี้ ส่วนเรื่องวางตัวไม่เคยเป็นปัญหาเลย ผมอาจจะใจดำก็จริง แต่ผมรู้ว่าควรปฎิบัติต่อชุมชนอย่างไร ไม่ให้เสื่อมเสียต่อบริษัทน่ะครับ
ผมมีปัญหาในที่ทำงานใหม่ครับ
ผมก็ถูกสอนและอบรมงานโดยรุ่นพี่ท่านหนึ่ง เขาก็ดีกับผมมากๆนะครับ แต่อยู่มาวันหนึ่งเรามีปัญหากันและคร่อนแคระกันอยู่พักนึง ซึ่งโดยส่วนตัวของผมน่ะ ผมไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรเขาเลยนะครับ
แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ ผมเนี่ย จะต้องได้รับงานรับผิดชอบแผนก ซึ่งรุ่นพี่ท่านนี้ก็อยู่ในแผนกนั้นด้วย
แต่ผมกลับเห็นปัญหาร้ายแรง เป็นวัฒนธรรมองกร แย่ๆ ที่ทำสืบต่อกันมานานแล้วในแผนกนี้
ผมพยายามที่จะปรับเปลี่ยนให้มันถูกต้องตามความจริง เพื่อความอยู่รอดของแผนก ขืนปล่อยแบบนี้ต่อไป แผนกนี้คงจะถูกยุบ แล้วมันจะส่งผลกระทบต่อระบบทั้งหมดของบริษัท
ผมจึงส่งเรื่องไปทางท่านประธาน เพื่อให้ท่านรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางที่จะแก้ไข
แต่ดูเหมือนว่าท่านประธานจะไม่ค่อยสนใจถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้ ผมก็พยายามอธิบายให้ท่านประธานฟัง ว่ามันมีปัญหาอย่างไร
แต่ดูเหมือนว่าท่านประธานจะค่อนข้างมีความเชื่อลึกๆในใจว่า การที่ผมเข้าไปเปลี่ยนแปลงค่านิยมผิดๆในแผนก เป็นเพราะว่าผมอคติ กับรุ่นพี่ที่อบรมงานให้ผมน่ะครับ เพราะเราเคยมีปัญหากัน และปัญหานั้น ก็เป็นผมนี่แหละ ที่เป็นคนก่อเรื่องขึ้นเอง
คือผมน่ะ เป็นคนที่มีนิสัยตรงๆ เวลาผมจะทำอะไร หรือแก้ไขอะไร ผมจะไม่ดูหน้าว่าเค้าเป็นใคร แต่ผมจะดูว่าเขาทำผิดอะไรน่ะครับ แล้วผมจะพิจรณาว่าไปตามเนื้อผ้า พูดง่ายๆคือ ผมเที่ยงตรงมากๆ ไม่มีเอนเอียงเพราะรักหรือเกลียดเลย
แล้วนิสัยผมเนี่ย ผมเป็นคนปากดีครับ ปากกล้าเวลาพูดในที่ลับ ไม่มีวุฒิภาวะ อยู่กับเพื่อนสนิทนี่คือผมเป็นเด็กเลวๆคนนึงเลยครับ เพราะปากผมร้ายมากๆ
แต่เวลาอยู่ในสังคมงาน ผมจะกลายเป็นอีกคนนึงไปเลย คือวางตัวดีมากๆ จนเพื่อนนี่งงไปเลยว่ามันใช่คนๆเดียวกันจริงหรือเปล่า ผมไม่ได้ข่มความชั่วร้ายเอาใว้นะครับ แต่ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ
พูดง่ายๆคือ ผมเป็นคนที่มีสองบุคลิกครับ ดีที่สุด กับชั่วร้ายที่สุด มันอยู่ที่ว่าผมเอาด้านไหน ให้คนในชุมชนไหนได้เห็นมากกว่า
ซึ่งที่ผมมีปัญหากับรุ่นพี่คนนี้ ก็เป็นเพราะว่าเขามาเห็นด้านร้ายๆของผมน่ะครับ
เพราะอุปนิสัยผม ผมเป็นคนไม่เอาใครในองกรเขาให้ผมเลือกข้าง แต่ผมไม่เลือกข้างไหนเลย ผมยึดความถูกต้องเป็นหลัก ผมไม่มีความรู้สึกรักชอบ หรือเกลียด อันเนื่องมาจากอคติ แต่ถ้าผิดก็คือผิด ไม่ว่าใครจะทำผิดผมจะไม่ปล่อยปะละเลยกับความผิดนั้นๆ
แต่ผมเนี่ย ก็ไม่ใช่คนที่หัวดื้ออะไร ถ้าเขาสามารถปรับปรุงตัวได้ ให้อยู่ในร่องรอยที่ถูกต้อง ผมก็ยินดีมากๆ แต่มันจะต้องอยู่ในร่องรอยจริงๆ ไม่ใช่ว่าจะขอหย่อนตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย เพื่อให้เกิดเงื่อนไขนำไปสู่การเกิดวัฒนธรรมองกรที่เสื่อมๆ อีกครั้ง อันนี้ผมยอมไม่ได้
สรุปเลยก็คือปัญหาตอนนี้
1. ทางท่านประธาน ไม่ทราบเจตนาที่แท้จริงของผม
2. ท่านประธาน คิดว่าผม มีอคติกับรุ่นพี่ที่สอนงานผม เขาคิดว่าผมจะเล่นงานรุ่นพี่คนนี้ ผ่านทางการปฎิรูปและปรับปรุงแผนก เพราะความจริงผมหวังดีต่อแผนกจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาที่คิดจะเล่นงานเขา เพราะอคติส่วนตัว
3. ผมเป็นคนมีสองบุคลิก มีดีและชั่ว แต่มันไม่ใช่ว่าผมข่มมันเอาใว้ไม่ให้เกิดชั่ว ถ้าดี ก็คือดีไปเลย แต่ถ้าชั่ว ก็คือชั่วไปเลย มันอยู่ที่ว่าผมจะเอาด้านไหนออกมาใช้ แต่ส่วนใหญ่แล้วผมจะใช้ด้านชั่วเฉพาะพื้นที่ส่วนตัว กับเพื่อนที่สนิทกันสุดๆเท่านั้น เพราะผมโตมาแบบนี้ ส่วนเรื่องวางตัวไม่เคยเป็นปัญหาเลย ผมอาจจะใจดำก็จริง แต่ผมรู้ว่าควรปฎิบัติต่อชุมชนอย่างไร ไม่ให้เสื่อมเสียต่อบริษัทน่ะครับ