มาร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ถึงวิธีการทำทีมชาติไทยของราเยวัช ย้ำอีกทีว่าขอเป็น "ข้อดี" ใครนึกออกข้อไหนก็ร่วมแสดงความเห็นได้ครับ
สิ่งที่ผู้ตั้งกระทู้เห็นคือ
1.แกมองขาดในเรื่องความสามารถ ของนักฟุตบอลไทย แกรู้ว่าไทยเก่งจริงในระดับอาเซียน แต่ไปตายในระดับเอเซีย ฉะนั้น สิ่งที่แกต้องปรับเปลี่ยนใหม่คือสไตล์การเล่น คือต้อง ปูเกมรับ ให้มันแข็งแรงก่อน ดังคำพูดที่ว่า "เกมรับที่ดีคือเกมรุกนั้นเอง" เพราะหากระดับเอเซีย หากเราขืนดันเล่นเกมรุกกับ ญี่ปุ่น ซาอุ ก็คงเละ เหมือนที่เราคัดบอลโลกในรอบที่ผ่านๆมา ตามที่แฟนบอลไทยได้เห็นนั้นแหละ เพราะเราสู้ความสามารถเขาไม่ได้ แต่ต้องสู้ด้วย กลยุทธ์ยุธพิธี นั้นคือ แท็คติกของโค้ชนั้นเอง สมมุตินะครับสมมุติ ว่า ญี่ปุ่นมีความสามารถ 10 คะแนน สมมุติความสามารถของเรา 5 คะแนน เราก็จะแพ้เขาอยู่ 5 คะแนน ฉะนั้น นั้นคือคำถามว่า แล้วอีก5 คะแนน เราจะเอามาจากไหน เพื่อไปสู้กับญี่ปุ่นที่เขามีถึง 10 คะแนน ซึ่งแน่นอน แท็คติกโค้ช คือคำตอบนั้น
2.แกรู้ว่าทีมชาติไทย เป็นชาวอาเซียน แน่นอนร่างกายไม่ได้แข็งแรงเหมือนพวก ญี่ปุ่น เกาหลี หรือ ตะวันออกกลาง แกก็เลยมองด้านสรีระ หานักเตะที่ตัวสูงใหญ่ ที่มีฝีเท้าดีหน่อย มาติดทีมชาติ เพื่อ2.1พัฒนาลูกตั้งเตะ เวลาเราได้ลูกเตะมุม หรือ ลูกฟีคิก เซ็นเตอร์ก็สามารถขึ้นไปชน ขึ้นไปทำประตูได้ ซึ่งก็ผลิดอก ออกผลจิงๆ พรรษา เฉลิมพงษ์ ทอมเบียร์ ขึ้นไปมีลุ้นในการทำประตูได้บ่อยขึ้นกว่ายุคก่อนๆ 2.2 ความสูงใหญ่นั้นนอกจากจะช่วยเกมรุกแล้ว เกมรับ ก็ยังสามารถป้องกันลูกกลางอากาศได้ดีกว่าทีมชาติไทยในยุคก่อนๆพอสมควร อย่างที่ทุกคนได้เห็นกัน
3.ธิติพันธ์ พ่วงจัน จากมิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ ตอนอยู่เมืองทอง แบ็กขวาก็เล่น ปีกขวาก็เล่น มิดฟิลด์ก็เล่น ถ้าขืนเล่นหลายตำแหน่งแบบนี้ นักเตะจะหยุดพัฒนาความสามารถในตำแหน่งนั้นๆ แต่แกฉลาด แกมองเห็นความขยันของ ธิติพันธ์ แกเลยจับธิติพันธ์ ปั้นขึ้นมาใหม่ โดยมองจาก 1.ความสามารถนักเตะ 2.นิสัยการเล่นของนักเตะ เอามาประกอบกัน แล้วพิจารณาว่า นักเตะที่มีคุณสมบัติแบบนี้ เราควรจะปั้นเขา ในตำแหน่งไหนดี เป็นประเด็นที่ 1 และบทบาทอะไรดี เป็นประเด็นที่ 2 คำตอบที่ได้ในประเด็นที่ 1 คือตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวกลาง คำตอบที่ได้ในประเด็นที่ 2 คือ บทบาทมิดฟิลด์แบบฮาร์ดแมน หรือ Box To Box ประมาณว่า เด่นทั้งเกมรุก และเกมรับ และต้องมีลูกขยัน กัดไม่ปล่อย ซึ่งก็โป๊ะเชะเลย "เจ้านิว" กลับมาเกิดอีกครั้งในยุคลุงวัช เราได้มิดฟิลด์จำพวกนี้เกิดขึ้นมาใหม่ เหตุเพราะ ความสามารถของนักเตะและนิสัยการเล่น ไปตรงกับคุณสมบัติของความสามารถของตำแหน่ง มิดฟิลด์แบบ Box To Box พอดี นี่แหละครับคือ 3 ข้อดีที่ผม ที่มองเห็นในแบบของผม และทุกท่านละครับ มองเห็นข้อดี อะไรจากลุงวัช บ้างครับ
มาแชร์ข้อดีๆ ที่ราเยวัช ปรับเปลี่ยนฟุตบอลทีมชาติไทยกัน
สิ่งที่ผู้ตั้งกระทู้เห็นคือ
1.แกมองขาดในเรื่องความสามารถ ของนักฟุตบอลไทย แกรู้ว่าไทยเก่งจริงในระดับอาเซียน แต่ไปตายในระดับเอเซีย ฉะนั้น สิ่งที่แกต้องปรับเปลี่ยนใหม่คือสไตล์การเล่น คือต้อง ปูเกมรับ ให้มันแข็งแรงก่อน ดังคำพูดที่ว่า "เกมรับที่ดีคือเกมรุกนั้นเอง" เพราะหากระดับเอเซีย หากเราขืนดันเล่นเกมรุกกับ ญี่ปุ่น ซาอุ ก็คงเละ เหมือนที่เราคัดบอลโลกในรอบที่ผ่านๆมา ตามที่แฟนบอลไทยได้เห็นนั้นแหละ เพราะเราสู้ความสามารถเขาไม่ได้ แต่ต้องสู้ด้วย กลยุทธ์ยุธพิธี นั้นคือ แท็คติกของโค้ชนั้นเอง สมมุตินะครับสมมุติ ว่า ญี่ปุ่นมีความสามารถ 10 คะแนน สมมุติความสามารถของเรา 5 คะแนน เราก็จะแพ้เขาอยู่ 5 คะแนน ฉะนั้น นั้นคือคำถามว่า แล้วอีก5 คะแนน เราจะเอามาจากไหน เพื่อไปสู้กับญี่ปุ่นที่เขามีถึง 10 คะแนน ซึ่งแน่นอน แท็คติกโค้ช คือคำตอบนั้น
2.แกรู้ว่าทีมชาติไทย เป็นชาวอาเซียน แน่นอนร่างกายไม่ได้แข็งแรงเหมือนพวก ญี่ปุ่น เกาหลี หรือ ตะวันออกกลาง แกก็เลยมองด้านสรีระ หานักเตะที่ตัวสูงใหญ่ ที่มีฝีเท้าดีหน่อย มาติดทีมชาติ เพื่อ2.1พัฒนาลูกตั้งเตะ เวลาเราได้ลูกเตะมุม หรือ ลูกฟีคิก เซ็นเตอร์ก็สามารถขึ้นไปชน ขึ้นไปทำประตูได้ ซึ่งก็ผลิดอก ออกผลจิงๆ พรรษา เฉลิมพงษ์ ทอมเบียร์ ขึ้นไปมีลุ้นในการทำประตูได้บ่อยขึ้นกว่ายุคก่อนๆ 2.2 ความสูงใหญ่นั้นนอกจากจะช่วยเกมรุกแล้ว เกมรับ ก็ยังสามารถป้องกันลูกกลางอากาศได้ดีกว่าทีมชาติไทยในยุคก่อนๆพอสมควร อย่างที่ทุกคนได้เห็นกัน
3.ธิติพันธ์ พ่วงจัน จากมิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ ตอนอยู่เมืองทอง แบ็กขวาก็เล่น ปีกขวาก็เล่น มิดฟิลด์ก็เล่น ถ้าขืนเล่นหลายตำแหน่งแบบนี้ นักเตะจะหยุดพัฒนาความสามารถในตำแหน่งนั้นๆ แต่แกฉลาด แกมองเห็นความขยันของ ธิติพันธ์ แกเลยจับธิติพันธ์ ปั้นขึ้นมาใหม่ โดยมองจาก 1.ความสามารถนักเตะ 2.นิสัยการเล่นของนักเตะ เอามาประกอบกัน แล้วพิจารณาว่า นักเตะที่มีคุณสมบัติแบบนี้ เราควรจะปั้นเขา ในตำแหน่งไหนดี เป็นประเด็นที่ 1 และบทบาทอะไรดี เป็นประเด็นที่ 2 คำตอบที่ได้ในประเด็นที่ 1 คือตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวกลาง คำตอบที่ได้ในประเด็นที่ 2 คือ บทบาทมิดฟิลด์แบบฮาร์ดแมน หรือ Box To Box ประมาณว่า เด่นทั้งเกมรุก และเกมรับ และต้องมีลูกขยัน กัดไม่ปล่อย ซึ่งก็โป๊ะเชะเลย "เจ้านิว" กลับมาเกิดอีกครั้งในยุคลุงวัช เราได้มิดฟิลด์จำพวกนี้เกิดขึ้นมาใหม่ เหตุเพราะ ความสามารถของนักเตะและนิสัยการเล่น ไปตรงกับคุณสมบัติของความสามารถของตำแหน่ง มิดฟิลด์แบบ Box To Box พอดี นี่แหละครับคือ 3 ข้อดีที่ผม ที่มองเห็นในแบบของผม และทุกท่านละครับ มองเห็นข้อดี อะไรจากลุงวัช บ้างครับ