
อรรถรสของการเดินทางเพิ่มขึ้นเมื่อสายซ้อนมองเห็นธุรกิจรับหิ้วของฝากจากสถานที่ท่องเที่ยวที่เราเดินทางไปด้วยกัน จึงบังเกิดทริปด่วนสิงห์บุรีเพิ่มขึ้นมาจากแผนที่วางไว้กับ
“1 Day ทริป ทีเด็ดสิงห์บุรี ทริปนี้คัดเฉพาะระดับตำนาน”
เหมือนเดิม research กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง งานนี้ลองให้สายซ้อนคิดเป็นการบ้านว่าจะไปที่ไหนบ้าง หายไปสักพักก็ได้ได้คำตอบของจุด Check in ในครั้งนี้ นั่นก็คือ
วัดไทร ขนมเปี๊ยะโซวเม่งเฮง ผัดไทตลาดปากบาง ขนมในรูตลาดบ้านแป้ง
ส่วนตัวผมว่ากำลังดีเลย 3 จุดจอด 4 จุด Check in สำหรับทริปไปเช้าเย็นกลับ ระยะทางรวม 300 กม.กว่าๆ จัดสถานที่ได้น่าดูชมมาก
เช็คคิวงานแล้ว ว่าง! แล้วจะรออะไร
เอารถขึ้นสแตน ตรวจเช็ครถ ติดกระเป๋าข้าง ตั้ง GPS พร้อมออกเดินทาง ไปกันเลย เย้!
Tools ที่เลือกใช้ในการเดินทางครั้งนี้
พาหนะ CBR650F (เจ้าแว้น)
อุปกรณ์ถ่ายภาพ
Samsung Galaxy S9+
Sony Xperia XA Ultra
Olympus OM-D EM10 Mark ii - 14-42mm kit (รอบนี้ไม่เอามือหมุนไปเพื่อประหยัดพื้นที่)
Agenda
Section 1 สถานที่ท่องเที่ยว
Section 2 Budget
พร้อมแล้ว ไป!
Section 1 สถานที่ท่องเที่ยว
ในทริปนี้มีเวลาเพียงแค่ 1 วัน เริ่มเดินทางตอน 09.00น. และต้องกลับถึงบ้านก่อน 17.00น. ทำให้ทริปนี้เป็นทริปที่ทำการบ้านมาเยอะมากเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไป และคัดมาเฉพาะสถานที่ที่คิดว่าที่สุด เพิ่มความยากด้วย “สถานที่ที่คิดว่าไปแล้วจะไม่เสียใจ” ในสิงห์บุรี คงไม่ไปวัดโพธิ์เก้าต้น ตลาดย้อนยุคบ้านระจัน ตลาดต้องชม วัดอัมพวัน วัดพิกุลทอง วัดพระนอน หรือแวะของฝากแม่ลา มันก็ดูจะธรรมดาไป ทริปนี้เลยขอนำเสนอ จะเรียกว่ายังไงดี “สถานที่ทางเลือก” ดีกว่า และใช้เวลา 1 วันถ้วนได้สบายใจด้วย ไปกัน!!!
Check in ที่ 1
วัดไทร - ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี สิงห์บุรี
https://goo.gl/maps/fbhDTFMbNvs

วัดไทร เป็นวัดร้าง ไม่มีพระจำวัด ลักษณะโดยรอบตัวโบสถ์ถูกปกคลุมด้วยต้นไทรขนาดใหญ่ที่ปกคลุมอยู่ ไม่ใช่ต้นไทรขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมนะ มันปกคลุมแบบนี้

งดงาม ตระการตา เป็นการผสมผสานกันของธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น คล้ายกับวัดสังกระต่าย จ.อ่างทอง และ วัดบางกุ้ง จ.สมุทรสงคราม อีก 1 สถานที่ต้องห้ามพลาดในสิงห์บุรี เอาความรู้ด้านประวัติศาสตร์สักเล็กน้อยเพื่อให้กระทู้นี้ดูเป็นกระทู้ความรู้
“วัดไทร” เดิมชื่อ “วัดทะยาน” เพี้ยนมาจาก “ท้ายย่าน” ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่หากดูจาก บานประตูและหน้าต่างผมเดาว่ามีลักษณะคล้ายกับศิลปะอยุธยา สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีลักษณะโค้งแหลม ในอดีตเรียกพระประธานว่า “พระขาว” เพราะเป็นพระที่ทำมาจากปูน อีกชื่อหนึ่งคือ “หลวงพ่อทะยาน” ปัจจุบันเรียก “หลวงพ่อวัดไทร” หลายชื่อเหลือเกิน คนเฒ่าคนแก่เล่ามาว่าเดิมองค์หลวงพ่อเป็นหุ่นปูนหุ้มทอง ต่อมาได้ถูกพม่าสุมไฟหลอมเอาทองไปเหลือแต่หุ่นปูนด้านใน เศียร์ถูกตัดออกไป ต่อมาชาวบ้านเรี่ยรายเงินมาต่อเติมเศียร์องค์พระพุทธรูป ชาวบ้านเรียกโบสถ์นี้ว่าโบสถ์มหาอุด เพราะเข้าออกได้ทางเดียว เคยมีคนจะบูรณะทำหลังคาโบสถ์ให้ แต่พอลงมือทำก็มีเหตุฟ้าผ่าขึ้นอย่างประหลาด และมีคนฝันว่าองค์พระประธานบอกไม่ให้สร้างหรือดัดแปลงใดๆ จากนั้นมาจึงไม่มีใครทำหลังคาโบสถ์ให้อีกเลย จบ พาร์ทความรู้ และนี่คือบรรยากาศ

ด้านนอกบรรยากาศร้อนๆ เหงื่อซึมๆ แต่พอเข้าไปด้านใน เย็นดีมาก ขนาดใส่เสื้อการ์ดเต็มยศยังรู้สึกเย็นเลย พอถอดเสื้อการ์ดออก โอ่...นี่มันสวรรค์ชัด ถึงว่าเวลาเข้าวัดเข้าวา เขาถึงพูดกันว่าจะสงบ ร่มเย็น วัดนี้จริง ให้เป็นไปตามนั้น บรรยากาศโดยรอบ มีสินค้าชุมชนจากชาวบ้านแถวนี้ให้ได้ลิ้มลองกันด้วยนะครับ ไหนๆ มาแล้วคนละนิดละหน่อย กระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนครับ แต่ผมขอผ่านก่อนเพราะมีเป้าหมายที่ตลาดปากบาง และบ้านแป้ง ขอเก็บท้องไว้จุดหมายถัดไป

ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ค่าดอกไม้ = 40 บาท
ทำบุญบำรุงวัด = 100 บาท
รวม 140 บาท
หลังจากอิ่มอกอิ่มใจกับความงดงามที่ผสานกันของมนุษย์และธรรมชาติสร้างร่วมกันแล้ว เริ่มหิวแล้วหละ รีบออกเดินทางไปหาของกินที่ “เขาเล่าว่า” มาถึงสิงห์บุรีต้องลองกิน
Check in ที่ 2
โซวเม่งเฮง - ตลาดปากบาง สิงห์บุรี
https://goo.gl/maps/xeyqGLCovhA2

เป็นร้านที่หายากอีกร้านหนึ่ง เข้ามาตอนแรกคิดว่าหลง เพราะตลาดโดยรอบมันเงียบมาก แต่เมื่อนั่งจดออเดอร์ไปสักพัก คนมาเรื่อยๆ ตลอดๆ ขัดกับบรรยากาศเงียบเชียบโดยรอบ ถ้าหากจะตามไปผมปัก location ไว้ให้ตรงเป๊ะหน้าร้านเลย รับรองไม่หลง เจ้าของร้านตอนนี้เป็นรุ่น 3 แล้ว เล่าขานตำนานความอร่อยมามากกว่า 60 ปี ทีเด็ดของร้านนี้คือ หากคุณชอบขนมเปี๊ยะแบบมีไข่ บอกเลยหั่นยังไงก็โดนไข่ ไม่รู้จะอธิบายยังไง คือมันดีมาก ดีจริงๆ แป้งนิ่มบาง ไม่ร่วน ไส้แน่น มีหลายไส้ หลายไซด์ เล็กใหญ่ราคาแสนน่ารักดังนี้
ฟักล้วน (เล็ก 50/ ใหญ่ 100)
ถั่วล้วน (เล็ก 50 / ใหญ่ 100)
ฟักไข่ (เล็ก 50 / ใหญ่ 100)
ถั่วไข่ (เล็ก 50/ ใหญ่ 100)
ทุเรียนล้วน (ใหญ่ 100)
ทุเรียนไข่ (ใหญ่ 100)
หลังจากที่ได้ชิม “ฟักไข่ size ใหญ่” อันเท่าฝ่ามือไปเรียบร้อยแล้ว
“หื้ม…!!! เชร็ด…...โด่…….!!!”
หลุดปากอุทาน มันเป็นการผสมผสานกันของแป้งบางๆ กัดเข้าไป ไม่มีแป้งร่อนเป็นแผ่นมาให้เห็น เนื้อสัมผัสของแป้งดีไม่แห้ง ไม่แข็ง รวมกับไส้ฟักหวานกำลังดี รสกลมกล่อมของฟักเชื่อม และเทกเจอร์นุ่มๆ ตัดกับความกรุบกรอบ มันช่างลงตัวเสียจริงๆ ต่อไปนี้เวลาที่คุณแม่มาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน คงชวนคุณแม่มาแวะ “โซว เม่ง เฮง” แน่นอน
มาสิงห์บุรีต้องแวะ ทดไว้เลยว่านี่คือ “ทีเด็ดแห่งสิงห์บุรี”
หลังจากออเดอร์เสร็จแล้ว ถามทางต่อไปผัดไทปากบาง
ตัวผม: “คุณน้า ผัดไทที่ว่าอร่อยๆ ไปทางไหนครับ”
คุณน้า: (ตอบด้วยอัธยาศัยอันดีมากว่า) “อ๋อ ร้านแค่นี้เอง เดินไปก็ได้ จอดรถไว้นี่แหละ เดินตามทางไปนี่ อยู่ข้างธนาคาร หมวกกับเสื้อผ้า(เสื้อการ์ด) ฝากไว้นี่แหละ มันร้อน”
ได้ยินน้ำตาแทบไหลกันเลยทีเดียว เราก็ถอดกระเป๋าสะพาย เสื้อการ์ด เก็บไว้ภายในร้านวางไว้ที่แคร่หน้าร้าน เพราะในร้านมีขนมเปี๊ยะวางไว้ใส่กล่องเต็มไปหมด ว่ากันต่อที่สถานที่ถัดไป
Check in ที่ 3
ผัดไท ปากบาง - ตลาดปากบาง สิงห์บุรี
https://goo.gl/maps/nDmiwJWCDXR2

เมื่อมาถึงก็งงๆ เพราะคนดูบางตา สงสัยเพราะว่าเรามาในช่วงที่เลยเที่ยงไปแล้ว กับอีกอย่างหนึ่งคือมีการก่อสร้างอยู่ทางด้านหน้าทางเข้า อาจจะทำให้คนไม่เข้ามาเที่ยวสักเท่าไรเลยทำให้คนน้อย เอาหละสั่งข้าวเถอะหิวแล้ว
ตัวผม: พี่ครับสั่งอาหารหน่อยครับ
พี่รับออเดอร์: เอาอะไรดีครับ
ตัวผม: ขอผัดไท 2 จาน เกาเหลาหมูแดง 1 ครับ
พี่รับออเดอร์: ได้
สั่งเสร็จก็เริ่มมองซ้ายมองขวา ทำไมไม่ให้สั่งน้ำ ไม่มีใครรับออเดอร์น้ำ ทำไมน้ำไม่มา หันซ้ายหันขวา อ๋อ…!
“น้ำดื่มบริการตัวเอง” ที่นี่น้ำบริการตนเองนะครับ ก็ไปตักน้ำแข็งตามระเบียบ แต่มาถึงโต๊ะ! นี่มันกาอะไร พอเปิด ผ่าม…!!! นี่มัน “น้ำชา” ที่นี่เสิร์ฟน้ำชาฟรีครับ บอกเลยชอบมาก ส่วนตัวผมมีความเชื่อว่าร้านเก่าๆที่เสิร์ฟน้ำชาฟรี มันมักจะเป็นร้านที่อร่อย เริ่มใจชื่นว่าร้านนี้ไม่น่าพลาดแน่นอนแต่จะผิดหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ จิบชาเพลินๆ ไปแล้ว รอไม่ถึงอึดใจ

เกาเหลามาก่อน ตามมาติดๆด้วยผัดไท ด้วยความหิวรีบถ่ายรูป ฉับๆ เสร็จแล้วก็ “งั่ม”
ให้ตายเถอะ นี่เราสั่งอะไรมาเนี่ย “จืดสนิท” เกิดอะไรขึ้น ผิดร้านเหรอ เช็คดูใน Facebook ที่เช็คอินกันก็ใช่ที่นี่แหละ หา ref. จาก youtube ก็ไปเจอรายการหนึ่งที่ออนแอร์ทางทีวีช่วงบ่ายๆ วันธรรมดา ในคลิปลงไว้เมื่อปี ค.ศ.2015 ก็ใช้ร้านนี้ เกิดอะไรขึ้นกับรสชาติ ทำไมดูรสชาติธรรมดาสุดๆ หันไปหาผัดไทย้อมใจ รสชาติไม่ต่างกัน จืดมาทั้งคู่ ก็เลยคิดว่าอาจจะเปลี่ยนคนทำไปแล้ว หรือว่ารสชาติดั้งเดิมคือสูตรที่มาจากเมืองจีน รสชาติจะชืดๆ มันๆ หน่อย
เอาหละนานาจิตตังอาหารทุกจานที่ตั้งใจทำขึ้นมานั้น มันมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจาน แต่ที่เหนือกว่ารสชาติคือความตั้งใจของผู้ที่ทำอาหารให้เราทานมากกว่า ผมว่ามันจืด แต่หลายท่านอาจจะว่าอร่อยก็ได้ จริงหรือไม่ครับ ดังนั้นหากเพื่อนๆท่านใดอยากลองชิมก็ตามไปดูกันได้
สิ่งที่กินในมื้อนี้
ผัดไท = จืด
เกาเหลาหมูแดง = จืด
ค่าใช้จ่าย
ผัดไท 2 จาน = 60
เกาเหลาหมูแดง = 30
รวมมื้อนี้ 90 บาท
อิ่มแล้วกลับไปเก็บของ เตรียมรถ และออกเดินทางกันต่อกับจุดหมายถัดไปที่ ตลาดบ้านแป้ง
Check in ที่ 4
ขนมในรู (ขนมหวานลุงจำเนียร) - บ้านแป้ง สิงห์บุรี
https://goo.gl/maps/r5nxKkSwGdB2

เมื่อมาถึงตลาดบ้านแป้ง เรียกได้ว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สถานที่ทำให้ผมไม่แน่ใจว่ามาถูกที่หรือไม่ เมื่อก่อนนั้นสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ฮอตฮิตติดชาร์ตต้องมา ถามรุ่นพ่อรุ่นแม่รู้จักแน่นอน จอดรถหันซ้ายหันขวา ไม่มีวี่แววว่าร้านเด็ดจะอยู่ในสถานที่แห่งนี้ จนเดินมาสุดตลาด เจอกับป้ายไวนิลขนาด 80x60 ซม. เขียนว่า “ขนมหวานบ้านแป้ง” เจอแล้ว!!! ฮาเล่ลูย่า…!!!
สมแล้วที่ชื่อว่า “ขนมในรู” มันอยู่ในรูจริงๆ เดินมาจนสุดตลาด ทางเข้าร้านเป็นตรอกเล็กๆ ด้านหน้ามีร้านขายกาแฟโบราณ มีคุณลุงจำเนียร เจ้าของร้านนอนอยู่ที่ตั่งไม้ ข้างกายมีขนมไทยเรียงรายโดยรอบ เดินเข้าไปใกล้ๆ คุณลุงก็ตื่นขึ้นมาต้อนรับ นี่เรามาปลุกเวลาพักผ่อนคุณลุงหรือเปล่าเนี่ย
คุณลุงก็ทำหน้าคล้ายตกใจ เมื่อเจอเราหนุ่มสาวกับชุดขับมอเตอร์ไซด์สีดำ หมวกกันน๊อคเต็มใบคล้ายกับแก๊งทวงหนี้ ต้องขอโทษคุณลุงด้วยนะครับ หลังจากถอดหมวก ถอดโม่งออก เห็นหน้าตาก็คุยกันเพลินเลยทีนี้ คุณลุงน่ารักมาก คุยเก่ง คุยสนุก ถามหาข้าวตู อยากกินข้าวตู คุณลุงก็บอกว่า “ฤดูฝนแบบนี้จะไม่ได้กินข้าวตูหรอก มันไม่มีแดดให้ตาก” แอบลองถามเคล็ดลับความอร่อย คุณลุงก็บอกอย่างง่ายดายโดยไม่หวงสูตรว่า
“อยากให้อร่อยเหรอไม่ยาก ต้องใช้ไข่เป็ดไล่ทุ่งเท่านั้น”
เราก็ถามไปอีกด้วยความสงสัยว่าทำไม คุณลุงบอกว่า
“ถ้าใช้ไข่เป็ดเลี้ยง มันไม่มัน สีไม่สวย ไม่ข้น เอามาทำแล้วดูไม่น่ากิน รสมันไม่อร่อย ลุงเลยไม่ใช้”
เป็นไงหละ ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้ามาหาคุณลุงแล้วไม่ได้กินขนมที่อยากกิน เพราะถ้าวัตถุดิบไม่ดีพอที่จะเอามาทำ คุณลุงก็ไม่ทำนะครับ รักษาคุณภาพสินค้าสุดๆ
คุยไปคุยมาก็พูดเรื่องไปเที่ยววัดไทรมา คุณลุงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวมาอีกคือ วัดกระต่าย จ.อ่างทอง กับ ศาลเจ้าตึก จ.กาญจนบุรี เพิ่มมาพร้อมเสียงแทรกข้อมูลจากคุณป้ามาไกลๆ เสริมมาด้วยว่า “ศาลเจ้าตึกเคยไปขอหวยแล้วถูก” ใครสายหวยลองไปดูนะครับ ถ้าถูกบอกด้วยจะไปลองบ้าง ก่อนทิ้งท้ายประโยคด้วยว่า “ลองไปดูนะ ลุงเคยไปตอนหนุ่มๆ” แหม่ ถึงว่าคุยถูกคอ สายเที่ยวเหมือนกันที่เอง เรียกได้ว่านอกจากมาซื้อของแล้ว ยังได้มากระทบไหลกับ Traveler รุ่นบุกเบิกเสียอีกคุ้มจริงๆ
ร่ำลาคุณลุง คุณป้า เสร็จแต่งตัว แพ็คของและเดินทางกลับ
เป็นอันว่าจบทริป ถึงบ้านอย่างปลอดภัย
Section 2 Budget
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม = 210 บาท
ค่าที่พัก = 0 บาท
ค่าเดินทาง = 300 บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว = 0 บาท
ค่าใช่จ่ายอื่นๆ
ค่าดอกไม้ = 40 บาท
ทำบุญบำรุงวัด = 100 บาท
รวม 650 บาท
จบแล้ว เจอกันใหม่ กระทู้หน้านะครับ สวัสดีครับ^^
[CR] ออฟฟิศติดเที่ยว: ทีเด็ดสิงห์บุรี ทริปนี้คัดเฉพาะระดับตำนาน [1d trip]
เหมือนเดิม research กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง งานนี้ลองให้สายซ้อนคิดเป็นการบ้านว่าจะไปที่ไหนบ้าง หายไปสักพักก็ได้ได้คำตอบของจุด Check in ในครั้งนี้ นั่นก็คือ
วัดไทร ขนมเปี๊ยะโซวเม่งเฮง ผัดไทตลาดปากบาง ขนมในรูตลาดบ้านแป้ง
ส่วนตัวผมว่ากำลังดีเลย 3 จุดจอด 4 จุด Check in สำหรับทริปไปเช้าเย็นกลับ ระยะทางรวม 300 กม.กว่าๆ จัดสถานที่ได้น่าดูชมมาก
เช็คคิวงานแล้ว ว่าง! แล้วจะรออะไร
เอารถขึ้นสแตน ตรวจเช็ครถ ติดกระเป๋าข้าง ตั้ง GPS พร้อมออกเดินทาง ไปกันเลย เย้!
Tools ที่เลือกใช้ในการเดินทางครั้งนี้
พาหนะ CBR650F (เจ้าแว้น)
อุปกรณ์ถ่ายภาพ
Samsung Galaxy S9+
Sony Xperia XA Ultra
Olympus OM-D EM10 Mark ii - 14-42mm kit (รอบนี้ไม่เอามือหมุนไปเพื่อประหยัดพื้นที่)
Agenda
Section 1 สถานที่ท่องเที่ยว
Section 2 Budget
พร้อมแล้ว ไป!
Section 1 สถานที่ท่องเที่ยว
ในทริปนี้มีเวลาเพียงแค่ 1 วัน เริ่มเดินทางตอน 09.00น. และต้องกลับถึงบ้านก่อน 17.00น. ทำให้ทริปนี้เป็นทริปที่ทำการบ้านมาเยอะมากเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไป และคัดมาเฉพาะสถานที่ที่คิดว่าที่สุด เพิ่มความยากด้วย “สถานที่ที่คิดว่าไปแล้วจะไม่เสียใจ” ในสิงห์บุรี คงไม่ไปวัดโพธิ์เก้าต้น ตลาดย้อนยุคบ้านระจัน ตลาดต้องชม วัดอัมพวัน วัดพิกุลทอง วัดพระนอน หรือแวะของฝากแม่ลา มันก็ดูจะธรรมดาไป ทริปนี้เลยขอนำเสนอ จะเรียกว่ายังไงดี “สถานที่ทางเลือก” ดีกว่า และใช้เวลา 1 วันถ้วนได้สบายใจด้วย ไปกัน!!!
Check in ที่ 1
วัดไทร - ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี สิงห์บุรี
https://goo.gl/maps/fbhDTFMbNvs
“วัดไทร” เดิมชื่อ “วัดทะยาน” เพี้ยนมาจาก “ท้ายย่าน” ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่หากดูจาก บานประตูและหน้าต่างผมเดาว่ามีลักษณะคล้ายกับศิลปะอยุธยา สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีลักษณะโค้งแหลม ในอดีตเรียกพระประธานว่า “พระขาว” เพราะเป็นพระที่ทำมาจากปูน อีกชื่อหนึ่งคือ “หลวงพ่อทะยาน” ปัจจุบันเรียก “หลวงพ่อวัดไทร” หลายชื่อเหลือเกิน คนเฒ่าคนแก่เล่ามาว่าเดิมองค์หลวงพ่อเป็นหุ่นปูนหุ้มทอง ต่อมาได้ถูกพม่าสุมไฟหลอมเอาทองไปเหลือแต่หุ่นปูนด้านใน เศียร์ถูกตัดออกไป ต่อมาชาวบ้านเรี่ยรายเงินมาต่อเติมเศียร์องค์พระพุทธรูป ชาวบ้านเรียกโบสถ์นี้ว่าโบสถ์มหาอุด เพราะเข้าออกได้ทางเดียว เคยมีคนจะบูรณะทำหลังคาโบสถ์ให้ แต่พอลงมือทำก็มีเหตุฟ้าผ่าขึ้นอย่างประหลาด และมีคนฝันว่าองค์พระประธานบอกไม่ให้สร้างหรือดัดแปลงใดๆ จากนั้นมาจึงไม่มีใครทำหลังคาโบสถ์ให้อีกเลย จบ พาร์ทความรู้ และนี่คือบรรยากาศ
ค่าดอกไม้ = 40 บาท
ทำบุญบำรุงวัด = 100 บาท
รวม 140 บาท
หลังจากอิ่มอกอิ่มใจกับความงดงามที่ผสานกันของมนุษย์และธรรมชาติสร้างร่วมกันแล้ว เริ่มหิวแล้วหละ รีบออกเดินทางไปหาของกินที่ “เขาเล่าว่า” มาถึงสิงห์บุรีต้องลองกิน
Check in ที่ 2
โซวเม่งเฮง - ตลาดปากบาง สิงห์บุรี
https://goo.gl/maps/xeyqGLCovhA2
ฟักล้วน (เล็ก 50/ ใหญ่ 100)
ถั่วล้วน (เล็ก 50 / ใหญ่ 100)
ฟักไข่ (เล็ก 50 / ใหญ่ 100)
ถั่วไข่ (เล็ก 50/ ใหญ่ 100)
ทุเรียนล้วน (ใหญ่ 100)
ทุเรียนไข่ (ใหญ่ 100)
หลังจากที่ได้ชิม “ฟักไข่ size ใหญ่” อันเท่าฝ่ามือไปเรียบร้อยแล้ว
“หื้ม…!!! เชร็ด…...โด่…….!!!”
หลุดปากอุทาน มันเป็นการผสมผสานกันของแป้งบางๆ กัดเข้าไป ไม่มีแป้งร่อนเป็นแผ่นมาให้เห็น เนื้อสัมผัสของแป้งดีไม่แห้ง ไม่แข็ง รวมกับไส้ฟักหวานกำลังดี รสกลมกล่อมของฟักเชื่อม และเทกเจอร์นุ่มๆ ตัดกับความกรุบกรอบ มันช่างลงตัวเสียจริงๆ ต่อไปนี้เวลาที่คุณแม่มาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน คงชวนคุณแม่มาแวะ “โซว เม่ง เฮง” แน่นอน
มาสิงห์บุรีต้องแวะ ทดไว้เลยว่านี่คือ “ทีเด็ดแห่งสิงห์บุรี”
หลังจากออเดอร์เสร็จแล้ว ถามทางต่อไปผัดไทปากบาง
ตัวผม: “คุณน้า ผัดไทที่ว่าอร่อยๆ ไปทางไหนครับ”
คุณน้า: (ตอบด้วยอัธยาศัยอันดีมากว่า) “อ๋อ ร้านแค่นี้เอง เดินไปก็ได้ จอดรถไว้นี่แหละ เดินตามทางไปนี่ อยู่ข้างธนาคาร หมวกกับเสื้อผ้า(เสื้อการ์ด) ฝากไว้นี่แหละ มันร้อน”
ได้ยินน้ำตาแทบไหลกันเลยทีเดียว เราก็ถอดกระเป๋าสะพาย เสื้อการ์ด เก็บไว้ภายในร้านวางไว้ที่แคร่หน้าร้าน เพราะในร้านมีขนมเปี๊ยะวางไว้ใส่กล่องเต็มไปหมด ว่ากันต่อที่สถานที่ถัดไป
Check in ที่ 3
ผัดไท ปากบาง - ตลาดปากบาง สิงห์บุรี
https://goo.gl/maps/nDmiwJWCDXR2
ตัวผม: พี่ครับสั่งอาหารหน่อยครับ
พี่รับออเดอร์: เอาอะไรดีครับ
ตัวผม: ขอผัดไท 2 จาน เกาเหลาหมูแดง 1 ครับ
พี่รับออเดอร์: ได้
สั่งเสร็จก็เริ่มมองซ้ายมองขวา ทำไมไม่ให้สั่งน้ำ ไม่มีใครรับออเดอร์น้ำ ทำไมน้ำไม่มา หันซ้ายหันขวา อ๋อ…!
“น้ำดื่มบริการตัวเอง” ที่นี่น้ำบริการตนเองนะครับ ก็ไปตักน้ำแข็งตามระเบียบ แต่มาถึงโต๊ะ! นี่มันกาอะไร พอเปิด ผ่าม…!!! นี่มัน “น้ำชา” ที่นี่เสิร์ฟน้ำชาฟรีครับ บอกเลยชอบมาก ส่วนตัวผมมีความเชื่อว่าร้านเก่าๆที่เสิร์ฟน้ำชาฟรี มันมักจะเป็นร้านที่อร่อย เริ่มใจชื่นว่าร้านนี้ไม่น่าพลาดแน่นอนแต่จะผิดหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ จิบชาเพลินๆ ไปแล้ว รอไม่ถึงอึดใจ
ให้ตายเถอะ นี่เราสั่งอะไรมาเนี่ย “จืดสนิท” เกิดอะไรขึ้น ผิดร้านเหรอ เช็คดูใน Facebook ที่เช็คอินกันก็ใช่ที่นี่แหละ หา ref. จาก youtube ก็ไปเจอรายการหนึ่งที่ออนแอร์ทางทีวีช่วงบ่ายๆ วันธรรมดา ในคลิปลงไว้เมื่อปี ค.ศ.2015 ก็ใช้ร้านนี้ เกิดอะไรขึ้นกับรสชาติ ทำไมดูรสชาติธรรมดาสุดๆ หันไปหาผัดไทย้อมใจ รสชาติไม่ต่างกัน จืดมาทั้งคู่ ก็เลยคิดว่าอาจจะเปลี่ยนคนทำไปแล้ว หรือว่ารสชาติดั้งเดิมคือสูตรที่มาจากเมืองจีน รสชาติจะชืดๆ มันๆ หน่อย
เอาหละนานาจิตตังอาหารทุกจานที่ตั้งใจทำขึ้นมานั้น มันมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจาน แต่ที่เหนือกว่ารสชาติคือความตั้งใจของผู้ที่ทำอาหารให้เราทานมากกว่า ผมว่ามันจืด แต่หลายท่านอาจจะว่าอร่อยก็ได้ จริงหรือไม่ครับ ดังนั้นหากเพื่อนๆท่านใดอยากลองชิมก็ตามไปดูกันได้
สิ่งที่กินในมื้อนี้
ผัดไท = จืด
เกาเหลาหมูแดง = จืด
ค่าใช้จ่าย
ผัดไท 2 จาน = 60
เกาเหลาหมูแดง = 30
รวมมื้อนี้ 90 บาท
อิ่มแล้วกลับไปเก็บของ เตรียมรถ และออกเดินทางกันต่อกับจุดหมายถัดไปที่ ตลาดบ้านแป้ง
Check in ที่ 4
ขนมในรู (ขนมหวานลุงจำเนียร) - บ้านแป้ง สิงห์บุรี
https://goo.gl/maps/r5nxKkSwGdB2
สมแล้วที่ชื่อว่า “ขนมในรู” มันอยู่ในรูจริงๆ เดินมาจนสุดตลาด ทางเข้าร้านเป็นตรอกเล็กๆ ด้านหน้ามีร้านขายกาแฟโบราณ มีคุณลุงจำเนียร เจ้าของร้านนอนอยู่ที่ตั่งไม้ ข้างกายมีขนมไทยเรียงรายโดยรอบ เดินเข้าไปใกล้ๆ คุณลุงก็ตื่นขึ้นมาต้อนรับ นี่เรามาปลุกเวลาพักผ่อนคุณลุงหรือเปล่าเนี่ย
คุณลุงก็ทำหน้าคล้ายตกใจ เมื่อเจอเราหนุ่มสาวกับชุดขับมอเตอร์ไซด์สีดำ หมวกกันน๊อคเต็มใบคล้ายกับแก๊งทวงหนี้ ต้องขอโทษคุณลุงด้วยนะครับ หลังจากถอดหมวก ถอดโม่งออก เห็นหน้าตาก็คุยกันเพลินเลยทีนี้ คุณลุงน่ารักมาก คุยเก่ง คุยสนุก ถามหาข้าวตู อยากกินข้าวตู คุณลุงก็บอกว่า “ฤดูฝนแบบนี้จะไม่ได้กินข้าวตูหรอก มันไม่มีแดดให้ตาก” แอบลองถามเคล็ดลับความอร่อย คุณลุงก็บอกอย่างง่ายดายโดยไม่หวงสูตรว่า
“อยากให้อร่อยเหรอไม่ยาก ต้องใช้ไข่เป็ดไล่ทุ่งเท่านั้น”
เราก็ถามไปอีกด้วยความสงสัยว่าทำไม คุณลุงบอกว่า
“ถ้าใช้ไข่เป็ดเลี้ยง มันไม่มัน สีไม่สวย ไม่ข้น เอามาทำแล้วดูไม่น่ากิน รสมันไม่อร่อย ลุงเลยไม่ใช้”
เป็นไงหละ ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้ามาหาคุณลุงแล้วไม่ได้กินขนมที่อยากกิน เพราะถ้าวัตถุดิบไม่ดีพอที่จะเอามาทำ คุณลุงก็ไม่ทำนะครับ รักษาคุณภาพสินค้าสุดๆ
คุยไปคุยมาก็พูดเรื่องไปเที่ยววัดไทรมา คุณลุงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวมาอีกคือ วัดกระต่าย จ.อ่างทอง กับ ศาลเจ้าตึก จ.กาญจนบุรี เพิ่มมาพร้อมเสียงแทรกข้อมูลจากคุณป้ามาไกลๆ เสริมมาด้วยว่า “ศาลเจ้าตึกเคยไปขอหวยแล้วถูก” ใครสายหวยลองไปดูนะครับ ถ้าถูกบอกด้วยจะไปลองบ้าง ก่อนทิ้งท้ายประโยคด้วยว่า “ลองไปดูนะ ลุงเคยไปตอนหนุ่มๆ” แหม่ ถึงว่าคุยถูกคอ สายเที่ยวเหมือนกันที่เอง เรียกได้ว่านอกจากมาซื้อของแล้ว ยังได้มากระทบไหลกับ Traveler รุ่นบุกเบิกเสียอีกคุ้มจริงๆ
ร่ำลาคุณลุง คุณป้า เสร็จแต่งตัว แพ็คของและเดินทางกลับ
เป็นอันว่าจบทริป ถึงบ้านอย่างปลอดภัย
Section 2 Budget
ค่าอาหารและเครื่องดื่ม = 210 บาท
ค่าที่พัก = 0 บาท
ค่าเดินทาง = 300 บาท
ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว = 0 บาท
ค่าใช่จ่ายอื่นๆ
ค่าดอกไม้ = 40 บาท
ทำบุญบำรุงวัด = 100 บาท
รวม 650 บาท
จบแล้ว เจอกันใหม่ กระทู้หน้านะครับ สวัสดีครับ^^
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้