SANCHO & NELSON ปรากฏการณ์ใหม่ฟุตบอลอังกฤษ ในดินแดนเยอรมัน

ต้นยุค 2000s เป็นช่วงที่แฟนๆทีมชาติอังกฤษทั้งหลายมีความสุข แม้ทีมจะยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่องค์ประกอบทีมกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ทีมมีนักเตะหนุ่มที่เป็นตัวหลักในทีมชั้นนำในประเทศมากมาย ด้วยแผงหลัง ริโอ เฟอดินานด์, โซล แคมเบลล์, แกรี่ เนวิลล์, แอชลี่ โคล และ จอห์น เทอร์รี่ กองกลางมี เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์,สตีเวน เจอร์ราด, แฟรงค์ แลมพาร์ด ขาดก็แต่ผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ กับกองหน้าดีๆอีกซักคน หลังจากการแจ้งเกิดของ Wayne Rooney ในช่วงปี 2003 ก็ทำให้วงการลูกหนังอังกฤษคึกคักขึ้นไปอีก กองหน้าดีๆที่ทีมชาติขาดแคลนไปนานได้ถือกำเนินขึ้นแล้ว แฟนๆก็คาดหวังว่าทีมชาติจะประสบความสำเร็จได้ซักที แต่ก็อย่างที่รู้กัน ถึงแม้จะเป็นยุคที่ซุปเปอร์สตาร์เต็มทีม แต่ทีมชาติอังกฤษก็ไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี ไม่ใกล้เคียงคำว่าประสบความสำเร็จเลยด้วยซ้ำ และหลังจากนั้นทีมชาติอังกฤษก็ดูจะมีแต่สาละวันเตี้ยลง ในช่วงต้นของยุค 2010s ทีมชาติอังกฤษกลายเป็นทีมที่มีแต่ชื่อเสียง มองไปที่รายชื่อผู้เล่น นักเตะระดับสตาร์ในทีมก็ยังพอมีอยู่บ้าง แต่ก็เริ่มเข้าสู่วัยโรยรา Ashly Cole, Steven Gerrard, John Terry ล้วนอายุทะลุ 30 กันไปแล้ว ผู้เล่นอนาคตของทีมอย่าง Theo wallcot, Andy Carroll, Jordan Henderson, Alex oxlaid-Chamberlain, Danny Welbeck หรือแม้แต่ Jack Wilshere ฟอร์มก็ไม่มีความสม่ำเสมอ วูบวาบประเดี๋ยวประด๋าว บางคนเจ็บแล้วเจ็บอีก เรียกได้ว่าเป็นยุคมืดของทีมชาติอังกฤษ


ทีมชาติอังกฤษสมัยดาวดังเต็มทีม


         การขาดหายไปของดาวรุ่งชั้นดี ที่ใช้งานได้จริงของทีมชาติ ส่วนหนึ่งก็มาจากนโยบายทุนนิยมของทีมในประเทศ ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ ก็ใช้เงินซื้อมันซะสิ การเปิดกว้างในการเป็นเจ้าของทีมได้ง่ายกว่าทีมประเทศสเปน หรือ เยอรมัน อีกทั้งความเป็นลีกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก ทำให้มหาเศรษฐีจากทั่วทุกมุมโลกพร้อมที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลในประเทศนี้ โรมัน อับราโมวิช ถือเป็นผู้บุกเบิกในการเข้ามาทำทีม และไม่กี่ปีหลังจากการเข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรเชลซี ก็ทำให้สิงโตตัวนี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกได้สำเร็จ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการครองลีกของทีมเพียง 2 ทีม คือ แมนเชสเตอร์ ยูในเต็ด กับ อาร์เซน่อล ที่ผลัดกันเป็นเบอร์ 1 และ 2 กัน ยากที่ทีมอื่นจะสอดแทรกขึ้นมาได้ หลังจากความสำเร็จของเสี่ยโรมัน ก็ทำให้เกิดการเทคโอเวอร์ขึ้นมากมายกับทีมในประเทศอังกฤษ ทำให้การต่อสู้แย่งชิงแชมป์เปิดกว้างมากขึ้น การแข่งขันรุนแรงขึ้น เมื่อทีมต้องการแต่ผู้เล่นที่ใช้งานได้ทันที พื้นที่สำหรับนักเตะดาวรุ่งก็ลดน้อยลง พรีเมียร์ลีกกลายเป็นลีกที่มีอัตราส่วนนักเตะต่างชาติสูงที่สุดในโลก โดยมีแข้งจากประเทศอื่นมากถึง 69.2% มากกว่าอันดับ 2 ที่มี 57.1% มากถึง 12.1% ซึ่งอันดับ 2 นี้ ก็ไม่ใช่ประเทศที่มีลีกชั้นนำอะไรที่ไหน แต่เป็นประเทศเล็กๆที่ชื่อว่าไซปรัส ถ้าดูเปรียบเทียบเฉพาะลีกใหญ่ 5 ลีก (อังกฤษ,สเปน,อิตาลี,เยอรมัน,ฝรังเศส) ประเทศที่มีนักเตะนอกประเทศมาเล่นมากกว่า 50% มีเพียงแค่อังกฤษ (69.2%) กับอิตาลี (55.5%) เท่านั้น อีก 3 ลีกชั้นนำที่เหลือ มีการใช้บริการนักเตะในประเทศมากกว่านักเตะนอกประเทศ


ทีมประเทศอังกฤษ แต่มีเพียง 3 ทีมที่มีนักเตะอังกฤษมากกว่า 50%
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่