“ลูกบุญทรง" รับต้องการช่วยพ่อจริง เหตุซบ "พปชร." น้ำตาคลอยกพ่อป่วยไร้ดูแลแถมผูกโยงการเมือง ซัดทนายอดีตนายกฯโจมตีเสียหาย กล่าวหามีดีลวงในเพื่อได้รักษา เกิดความไม่วางใจขึ้นเป็นเหตุลาออกเข้าพปชร เผยพ่อแนะคุย "สมศักดิ์ -สุริยะ" พาเข้าพรรค และลงเขตเดิมของพ่อ
เมื่อเวลา 12.45 น.ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายของนายบุญทรง
เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยนายเดชนัฐวิทย์ กล่าวถึงการตัดสินใจที่เข้าสมัคร พปชร.ว่า คุณพ่อของตนถูกโจมตีอย่างเสียหาย จากฝั่งทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ทั้งที่บทบาททางการเมืองของคุณพ่อได้จบไปตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุกแล้ว
และในระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ ก็ไม่มีข่าวออกมาเลย เมื่อถึงเวลาที่เจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษา
แต่กลับมาออกข่าวเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ นาๆ ทั้งที่เป็นการรักษาตัว บางคนก็ไปตั้งข้อสังเกตว่าไปดิวอะไรมาหรือไม่
จึงอาจจะทำให้คนไม่อยากจะเข้ามาช่วยเหลือและแพทย์ก็ไม่แน่ใจว่าป่วยจริงหรือเปล่า เพราะถูกโยงไปเกี่ยวกับการเมืองหมด
ดังนั้นเมื่อมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น จึงกังวลว่าการเดินหน้าการเมืองในอนาคตของตนจะมีปัญหาจึงคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจถอยออกมาก้าวหนึ่ง
โดยการลาออกจากพรรคเดิมโดยที่ยังไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่พรรคไหนต่อ แต่เพื่อความสบายใจกับพรรคเพื่อไทยและตัวของคุณพ่อ
พรรคเพื่อไทยก็จะได้ไม่มาพะวง และเดินหน้าได้เต็มที่.
นายเดชนัฐวิทย์ กล่าวว่า เมื่อลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้วก็ได้ปรึกษากับคุณพ่อว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตทางการเมืองและจุดประสงค์ของครอบครัวคือต้องการรักษาคุณพ่อให้หายดี
และจากนี้ตนจะตัดสินใจทางการเมืองเอง เนื่องจากชีวิตทางการเมืองของคุณพ่อจบไปแล้ว โดยคุณพ่อแนะนำผู้ใหญ่ที่นับถือสมัยพรรคไทยรักไทยคือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จึงปรึกษาว่า จะทำอย่างไรต่อ และได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ที่มองเห็นศักยภาพของตน
และแนวทางที่สามารถไปด้วยกันได้ จึงตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคนี้ ซึ่งคุณพ่อก็เคารพการตัดสินใจของตน
ที่ต้องเดินต่อไป
"ผมถูกมองว่าการมาอยู่พรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้เพราะต้องการช่วยคุณพ่อนั้น ก็ยอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริง
"นายเดชนัฐวิทย์ กล่าว
เมื่อถามต่อว่า จะไม่กลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและไทยรักษาชาติใช่ไหม
นายเดชณัฐวิทย์ ตอบว่า จะบอกว่าไม่กลับไปร่วมงานก็ไม่ได้ เพราะสุดท้ายถ้าลงเลือกตั้งแล้วได้รับเลือกและอยู่สภาเดียวกัน
หากผู้แทนไม่ได้ทำเพื่อประชาชนท้ังหมดก็คงไม่ได้ การทำงานในสภาเชื่อมโยงเพื่อทำงานร่วมกันก็ไม่มีปัญหา ส่วนจุดที่มองเห็นและตัดสินใจ
เพราะเรามองเจตนารมณ์ทางการเมืองเหมือนกัน
..
นายเดชณัฐวิทย์ กล่าวว่า ส่วนการเลือกตั้งตั้งใจจะลงเขตเดิมที่คุณพ่อเคยลง เพราะมีโอกาสได้พบปะประชาชนและเสียงประชาชนก็สนับสนุนให้เป็นตัวแทนมาสานงานต่อ
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่จะได้รับเลือกเพราะเปลี่ยนพรรคแล้ว นายเดชณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยอมรับกระทบกับฐานเสียงอยู่แล้ว
ตัวผู้สมัครเปรียบเหมือนกับลาบ แต่ส่วนพรรคเปรียบเสมือนภาชนะที่เราไว้รองรับลาบที่เราอยากกิน ถ้าสุดแล้วประชาชนอยากกินลาบ
จะไปอยู่บนจาน ในถ้วยหรือในแก้วเขาก็ได้กินลาบเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการให้สัมภาษณ์
นายเดชนัฐวิทย์มีอาการสะกดกั้นอารมณ์ในการตอบคำถามที่เกี่ยวกับนายบุญทรง และตั้งใจจะลงเขตเดิมที่นายบุญทรงสมัคร ส.ส
ข่าวเศร้า 4.0 จาก มติชน วัลลี 2 “ลูกบุญทรง” น้ำตาคลอ พ่อป่วย พท.ไม่ดูแล ยอมรับเข้า พปชร.อยากช่วยพ่อ
เมื่อเวลา 12.45 น.ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายของนายบุญทรง
เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยนายเดชนัฐวิทย์ กล่าวถึงการตัดสินใจที่เข้าสมัคร พปชร.ว่า คุณพ่อของตนถูกโจมตีอย่างเสียหาย จากฝั่งทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ทั้งที่บทบาททางการเมืองของคุณพ่อได้จบไปตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุกแล้ว
และในระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ ก็ไม่มีข่าวออกมาเลย เมื่อถึงเวลาที่เจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษา
แต่กลับมาออกข่าวเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ นาๆ ทั้งที่เป็นการรักษาตัว บางคนก็ไปตั้งข้อสังเกตว่าไปดิวอะไรมาหรือไม่
จึงอาจจะทำให้คนไม่อยากจะเข้ามาช่วยเหลือและแพทย์ก็ไม่แน่ใจว่าป่วยจริงหรือเปล่า เพราะถูกโยงไปเกี่ยวกับการเมืองหมด
ดังนั้นเมื่อมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น จึงกังวลว่าการเดินหน้าการเมืองในอนาคตของตนจะมีปัญหาจึงคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจถอยออกมาก้าวหนึ่ง
โดยการลาออกจากพรรคเดิมโดยที่ยังไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่พรรคไหนต่อ แต่เพื่อความสบายใจกับพรรคเพื่อไทยและตัวของคุณพ่อ
พรรคเพื่อไทยก็จะได้ไม่มาพะวง และเดินหน้าได้เต็มที่.
นายเดชนัฐวิทย์ กล่าวว่า เมื่อลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้วก็ได้ปรึกษากับคุณพ่อว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตทางการเมืองและจุดประสงค์ของครอบครัวคือต้องการรักษาคุณพ่อให้หายดี
และจากนี้ตนจะตัดสินใจทางการเมืองเอง เนื่องจากชีวิตทางการเมืองของคุณพ่อจบไปแล้ว โดยคุณพ่อแนะนำผู้ใหญ่ที่นับถือสมัยพรรคไทยรักไทยคือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จึงปรึกษาว่า จะทำอย่างไรต่อ และได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ที่มองเห็นศักยภาพของตน
และแนวทางที่สามารถไปด้วยกันได้ จึงตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคนี้ ซึ่งคุณพ่อก็เคารพการตัดสินใจของตน
ที่ต้องเดินต่อไป
"ผมถูกมองว่าการมาอยู่พรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้เพราะต้องการช่วยคุณพ่อนั้น ก็ยอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริง
"นายเดชนัฐวิทย์ กล่าว
เมื่อถามต่อว่า จะไม่กลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและไทยรักษาชาติใช่ไหม
นายเดชณัฐวิทย์ ตอบว่า จะบอกว่าไม่กลับไปร่วมงานก็ไม่ได้ เพราะสุดท้ายถ้าลงเลือกตั้งแล้วได้รับเลือกและอยู่สภาเดียวกัน
หากผู้แทนไม่ได้ทำเพื่อประชาชนท้ังหมดก็คงไม่ได้ การทำงานในสภาเชื่อมโยงเพื่อทำงานร่วมกันก็ไม่มีปัญหา ส่วนจุดที่มองเห็นและตัดสินใจ
เพราะเรามองเจตนารมณ์ทางการเมืองเหมือนกัน
..
นายเดชณัฐวิทย์ กล่าวว่า ส่วนการเลือกตั้งตั้งใจจะลงเขตเดิมที่คุณพ่อเคยลง เพราะมีโอกาสได้พบปะประชาชนและเสียงประชาชนก็สนับสนุนให้เป็นตัวแทนมาสานงานต่อ
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่จะได้รับเลือกเพราะเปลี่ยนพรรคแล้ว นายเดชณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยอมรับกระทบกับฐานเสียงอยู่แล้ว
ตัวผู้สมัครเปรียบเหมือนกับลาบ แต่ส่วนพรรคเปรียบเสมือนภาชนะที่เราไว้รองรับลาบที่เราอยากกิน ถ้าสุดแล้วประชาชนอยากกินลาบ
จะไปอยู่บนจาน ในถ้วยหรือในแก้วเขาก็ได้กินลาบเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการให้สัมภาษณ์
นายเดชนัฐวิทย์มีอาการสะกดกั้นอารมณ์ในการตอบคำถามที่เกี่ยวกับนายบุญทรง และตั้งใจจะลงเขตเดิมที่นายบุญทรงสมัคร ส.ส