!!• เรื่องหลอนครั้งแรก ณ เขาใหญ่ •!!

สวัสดีครับ หลังจากเป็นผู้อ่านกระทู้พันทิปอยู่นาน ไม่เคยเขียนอะไรลงเพราะไม่มีอะไรจะเขียน แต่วันนี้ได้มีโอกาสมาเขียนเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตัวเองจริง ๆ สักที


ผมขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ได้เสริมเติมแต่งแต่อย่างใด ไม่ได้เมคเอง แต่มันเห็นกับตาทั้งสองข้างของผมจริง ๆ ครับ ภาพยังติดตราตรึงใจอยู่เลยตอนนี้ ฮ่าๆๆๆ (แต่ตอนนั้นขำไม่ออกครับ ฮ่าๆๆ) ปกติเคยได้พบเจอแต่แบบไม่เคยเห็นเป็นตัวตนนะ คือก็ไม่เคยเห็นกับตาชัด ๆ หรอกครับ ไม่รู้เพื่อนแกล้งบ้างหรือป่าว แต่ครั้งนี้บอกเลยว่ากลางวันเลยจ้า ช่วงเย็นๆนี่แหละ ใครไม่เชื่อ เชื่อว่าไม่จริงผมแต่งเอง เชิญด่าได้เลยครับ ผมชอบอ่านตลกดีฮ่าๆๆๆ


เข้าเรื่องเลยนะครับ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 61 นี่แหละครับ ถ้าจะว่ากันก็เมื่อวานซืนนี้แหละครับ คือผมกับแฟนสาวของผมจัดทริปเที่ยวกันกระทันหัน เลยเลือกที่จะมาเที่ยวที่เขาใหญ่ ระหว่างเดินทางออกจากกรุงเทพผมขับรถจึงให้แฟนสาวของผมจองโรงแรมให้หน่อย ก็เลือกกันหลายที่นะครับ แต่สุดท้ายก็ได้ที่พักที่นึงที่เขาใหญ่ โดยจองผ่านแอพ ๆหนึ่ง (ผมไม่เอ่ยชื่อที่พักนะครับ เพราะต้องการแค่มาแชร์เรื่องราวของผมให้เพื่อน ๆ ผู้อ่านได้เสพกันแค่นั้นครับ ไม่ได้จะมีเจตนาในการประจานหรืออะไร เพราะที่พักที่เกิดเรื่องนี้ดูแลผมและแฟนดีครับ)


เมื่อมาถึงเขาใหญ่เวลาช่วงนั้นเป็นเวลาสักสี่โมงครึ่งเกือบห้าโมงแล้วครับราว ๆ นั้น ผมกับแฟนก็ได้ตรงมาที่พักเลย คิดว่าจะมาเช็คอินเก็บของแล้วออกไปหาอะไรมาหม่ำ ๆ กัน อธิบายก่อนว่าที่พักดูดีครับ ถ้าใครชอบแนวแบบบารอคหรืออะไรนี่แหละผมเรียกไม่ถูกเหมือนกัน 5555 ถือได้ว่าจัดรูปแบบใช้ได้เลยครับ


ต่อครับโรงแรมนี้ดูไม่ใหม่ครับ ดูเหมือนสร้างมาหลายปีมาก ๆแล้ว แต่ก็ยังถือว่าดูดีจริง ๆ ครับ คนทำนี่เก่งมากเลยยอมรับ พอเช็คอินอะไรเรียบร้อยเจ้าหน้าที่โรงแรมก็ได้นำผมกับแฟนของผมขึ้นมาบนห้องพัก ห้องของผมอยู่ชั้นที่สามนะครับ ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่าผมมีความรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เดินเข้าโรงแรมมาแล้วครับ คือผมไม่ใช่คนมีเซ้นอะไรหรอกนะครับ อย่างที่บอกว่าไม่เคยเจอครับ แต่ผมกลับรู้สึกว่าห้องมันอึดอัดๆ ทะมึนทึน บรรยากาศแบบมืดๆหน่อย ตัวผมเองก็คิดแต่ว่าผมอาจจะแค่ไม่ถูกใจกับการตบแต่งแบบนี้แค่นั้นน่ะครับ เมื่อมาถึงห้องพักตัวผมก็จัดแจงเก็บของช่วยแฟนตัวน้อยของผม พอเก็บเสร็จแฟนก็เปิดทีวีแล้วเราก็มานอนเล่นบนเตียงกันตามปกติ และหลังจากนี้นี่แหละครับ กุ๊กๆกู๋เลยครับฮ่าๆๆๆ


ในห้องของผมเนี่ยเตียงวางชิดฝาผนังห้องนะครับ เพื่อนๆ นึกภาพตามปลายเตียงหันหาทีวีครับ ถ้าเราหันหน้าไปทางทีวีหรือกล่าวคือหันหน้าไปทางปลายเตียงด้านซ้ายมือ เตียงจะชิดผนังห้องครับ ส่วนทางด้านขวาเนี่ยจะมีพื้นที่ว่างจนไปจรดกับประตูระเบียงที่ออกไปเดินเล่นที่ระเบียงได้ครับ ประตูนั้นเป็นกระจกใสทั้งด้านเลยครับ มีเพียงผ้าม่านที่จะปิดกันการมองเห็นจากภายนอกได้
ง่ายๆคือผนังด้านนั้นเป็นกระจกแบบเลื่อนได้นั่นเองครับ ส่วนด้านนอกที่เป็นระเบียงนั้นมีเก้าอี้นั่งเล่นอยู่สองตัวพร้อมกับโต๊ะตัวกระจ้อยร่อย หากเรายืนมองออกไปที่ประตูกระจกนั้น ทั้งชุดนั้นจะอยู่ทางซ้ายมือครับติดกับกำแพงอีกฝั่งหนึ่ง โดยจะมีเก้าอี้ตัวหนึ่งหันหน้าออกไปทางสวนและเก้าอี้อีกตัวหนึ่งหันไปทางขวามือของคนที่มองออกนอกหน้าต่างไป ผมกับแฟนเนี่ยก็นอนเล่นกันบนเตียง คุยนู่นนี่นั่นกัน รอเวลาไปหาอะไรหม่ำๆกันครับ


ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยมันเป็นจังหวะที่ผมบังเอิญมองไปทางขวาคือทางกระจกนั่นแหละครับ ไอเราก็อยากมองสวนเนอะ มันเขียวดีครับหาในกรุงเทพไม่ค่อยได้ ปรากฎว่าผมเห็นคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงระเบียงห้องของผมครับ เป็นเก้าอี้ตัวที่หันหน้าออกไปทางสวน กล่าวคือพี่เขานั่งหันหลังให้ผมนั่นแหละครับ ทีแรกผมก็คิดว่าเอ่ออ ผมคงตาฝาดไปเองเพราะว่าตั้งแต่ขับรถออกจากกรุงเทพผมยังไม่ได้พักเลยตียาวมาเขาใหญ่เลยครับแต่ตกใจนะไม่ใช่ไม่ตกใจ เลยหันหน้ากลับลองหลับตาเผื่อตาจะดีขึ้นฮ่าๆๆๆ พอลืมตาแล้วหันกลับไปมองอีก เอ๋...ผมยังเห็นพี่เขานั่งอยู่เหมือนเดิม ผมก็เริ่มตงิด ๆในใจละ แต่ว่าด้วยความเป็นคนไม่เคยเจอผีอะไรโผล่งๆ ก็คิดว่ามี “คน” มานั่งอยู่ตรงระเบียงแน่ ๆเลย แต่ก็คิดอีกใครมันจะเขามานั่งได้วะ ดีที่ผมยังพอมีสติผมเลยเงียบ ๆ ตามคำโบราณที่เขาว่า “เวลาเจออะไรแปลก ๆ อย่าทัก”

ผมเลยหันไปหาแฟนของผม นางก็นอนเล่นมือถือ ไม่ได้สนใจอะไร ผมจึงหันไปมองอีกรอบนึง(โดยยังคิดว่าตัวเองตายังฝาดอยู่ ยังอุตส่าคิดในแง่ดี ฮ่าๆๆๆ) พี่แกก็ยังนั่งอยู่เหมือนเดิม นั่งนิ่งเชียว

ผมหลับตาเลยครับพร้อมกับนอนนิ่งเลยทีนี้ สวดมนต์ นึกอะไรไม่ออกก็อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา ท่องผิด ๆ ถูก ๆ มั่วไปหมด เข้าใจอารมณ์คนเจอแล้วสวดมนต์เลยทีนี้ ผมลืมตาขึ้นพี่แกก็ยังนั่งอยู่

ผมสะกิดแฟนเลยทีนี้ว่า “เตงๆๆ ไปหาไรกินกัน” แต่หน้าผมนี่ไม่เหมือนคนหิวเลยหน้าหยั่งกับคนจะร้องไห้ ขนลุกไปหมด แต่ก็ได้แต่ทำตัวปกติๆ ไม่อยากให้แฟนตกใจไปด้วย นางก็say yes พร้อมกับลุกขึ้นไปแต่งตัวที่หน้ากระจก ผมก็เกาะนางไปด้วยเลยนาทีนั้นเธอไปไหนผมไปด้วยฮ่าๆๆ  ตาก็ยังมองพี่ที่นั่งอยู่ตรงระเบียงเหมือนเดิมนะครับ ไม่ใช่อะไรครับคือมันจะยังคิดว่าตูไม่น่าจะเจอน้า อยู่มาตั้ง20กว่าปีแล้วไม่เคยเจอนาฮ่าๆๆ แต่พี่แกก็ยังนั่งอยู่เหมือนเดิมครับนั่งนิ่งเชียว

ผมก็เอาวะก็ยังคิดว่าตาฝาดมันไม่มีอะไรหรอก ระหว่างแฟนยืนส่องกระจกอยู่ ผมจับเธอหันไปทางประตูกระจกบานนั้นให้นางมองออกไปเผื่อนางจะเห็นแบบที่ผมเห็น (ในใจยังคงแอบคิดว่า กูต้องตาฝาดแน่ ๆ) นางก็มองออกไปข้างนอกนะครับ สามวิต่อมานางก็หันหน้าเขากระจกพร้อมกับจัดผมเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นฮ่าๆๆ ผมนี่เข่าแทบทรุดคิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูกเลย ในหัวตอนนั้นคิดแต่ว่า “อั้ยยยย่า...กูโดนแล้วววว” พอออกมาจากห้อง ผมถามแฟนของผมว่า “นี่ๆ เตงงไม่เห็นอะไรหรอ” นางบอก “แล้วจะต้องเห็นอะไรหรอ” ผมนี่แทบขำทั้งน้ำตาเลย พลางเล่าให้นางฟังว่าผมเห็นอะไร นางก็ทำหน้าตกใจ ผมบอกนางว่า “เตงง เค้าไม่ได้โกหกนะ เค้าเห็นจริง ๆ” พลางชูแขนที่ขนลุกตั้งชันประกอบ เราสองคนจึงรีบพากันเข้าไปเก็บกระเป๋าพร้อมกับรีบออกมาจากห้องและพูดกันว่า ไม่อยู่แล้ว (แต่เข้าไปรอบนี้ ผมไม่เห็นพี่เขาแล้วนะครับ)

ระหว่างรีบลงบันไดไปล็อบบี้ ชั้นพักบันไดอ่ะครับ ผมเรียกไม่ถูกที่มันจะไม่มีชั้น จะเป็นเหมือนตัวพักให้เราหันลงบันไดไปอีกทางอ่ะครับ มันมีหน้าต่างที่มองออกไปทางสวนได้ จังหวะที่ผมกำลังรีบลงบันไดสายตาผมก็ดันมองออกนอกหน้าต่างไป ผมนี่เรียกแฟนผมเลยครับ “เตงงๆๆ นั่นๆๆ” เราสองคนหยุดกึกระหว่างทางพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง สิ่งที่ผมและแฟนเห็นคือ มีศาลตั้งอยู่ แต่มันเป็นศาลไม้เก่าๆ มีผ้าสามสีผูก แล้วถ้าเทียบกับตำแหน่งที่มันตั้งก็ไม่น่าจะห่างจากห้องที่ผมพักสักเท่าไหร่ ทีนี้ผมและแฟนแทบวิ่งเลยจ้า

พอมาถึงล็อบบี้ผมบอกกับพี่พนักงานว่า พอดีติดธุระที่กรุงเทพเลยต้องรีบกลับด่วน เอากุญแจมาคืนครับ พนักงานบอกว่าเสียดายที่ไม่ได้ดูแลผมและแฟน ฮ่าๆๆ ผมก็ไม่ได้เล่าให้พนักงานฟังหรอกครับ เพราะกลัวว่าเขาจะให้ผมเปลี่ยนห้อง คือวินาทีนั้นให้เปลี่ยนเป็นห้องแพงสุดในโรงแรมผมก็ไม่อยู่แล้วฮ่าๆๆๆ

ระหว่างที่ผมรอเช็คเอ้าท์ผมเลยแกล้งถามพี่เขาว่าโรงแรมนี้สร้างมานานหรือยังครับ เขาเล่าว่าสร้างมานานแล้ว แต่เดิมเป็นอีกชื่อ ภายหลังมาเปลี่ยนชื่อใหม่พร้อมทำใหม่ ตึกที่ผมอยู่เป็นตึกเก่าใช้โครงสร้างเดิมตบแต่งใหม่ ผมร้องอ๋อออออออกมา พี่พนักงานแก่ก็ทำหน้างง ๆ ผมก็ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน แล้วชมว่าเขาตบแต่งสวยดีนะครับฮ่าๆๆ พอทำการเช็ตเอ้าท์เสร็จเราสองคนรีบจูงมือกันเดินออกมาจากโรงแรมเลยทันที พลางมองหน้ากันแล้วยิ้มๆ

จบแล้วครับ

ป.ล. ผมเล่าอาจจะไม่หน้ากลัวเท่าไหร่แต่ถ้าทุกคนเป็นผมตอนนั้นบอกเลยบรรยากาศมันได้จริง ๆ ครับฮ่าๆๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่