#EthiopiaDiary Part 1 จากแอดดิสอาบาบา (Addis Ababa) ถึงวูโคร (Wukro)

อารัมภบท


Greetings! เรามาเที่ยวชมศิลปะวัฒนธรรมที่เอธิโอเปีย จุดประสงค์หลักคือมาดูโบสถ์คริสต์ที่สลักจากหินในภูมิภาคทิเกรย์ (Tigray) และเมืองลาลิเบลา (Lalibela) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ, ชมราชธานีโบราณที่เมืองอักสัม (Auxum), และวิหารคริสต์แห่งทะเลสาบทานา (Tana) โดยออกเดินทางในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2018 และแล้วเสร็จในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2018 ขอบอกว่าสนุกมาก ก.ไก่ร้อยตัว เราโพสต์เรื่องราวระหว่างทางลงเฟซบุ๊คเป็นไดอารี่ให้เพื่อนๆได้ติดตาม การโพสต์ลงพันทิปในครั้งนี้ เราได้รวมเล่มใหม่และแบ่งเนื้อหาเป็น 7 ส่วน เราใช้ iPhone X และกล้อง Nikon D850 ถ่ายรูปแล้วปรับสีและแสงในแอ๊พที่ติดมากับ iPhone หากสนใจลองอ่านดู คิดเห็นเช่นไรโปรดชี้แนะหรือมีข้อสงสัยก็ถามไถ่ได้เช่นกัน 🙏👌😀

ป.ล.

1. จะมีการแทรกเกล็ดความรู้เป็นระยะ แต่ขอให้เช็คข้อมูลก่อนเพราะอาจผิดพลาดได้
2. Highlights อยู่ที่ Part 3 กับ Part 5 อ่านข้ามไปข้ามมาได้ไม่เสียอรรถรส


...

DAY 1

8 พฤศจิกายน 2018

ถึงแอดดิสอาบาบาประมาณ 4 ทุ่ม เดินสะโหลสะเหลหน้าชื่นอกตรมเข้าไปในอาคารท่าอากาศยาน เราขอวีซ่ามาก่อนเลยไม่ต้องต่อคิวทำ visa on arrival (ถ้าเปลี่ยนเป็นคำไทยน่าจะใช้ว่า “ตรวจลงตราเมื่อมาถึง”) สนามบิน Bole International Airport (อ่านว่าโบเล่) ใหญ่โตกว่าที่คิด ค่าเงินที่นี่ 27 จุดจุ๋มจิ๋มหน่วยเท่ากับ 1 ดอลลาร์ แลกมา 2,000 ดอลล่าร์  ตอนเสมียนนารียื่นเงินมาให้ตกใจมาก ได้เงินมา 6 ฟ่อนเพราะแบงค์ใหญ่สุดคือแบงค์ร้อย (หน่วยเงินเอธิโอเปียคือ Birr อ่านว่าเบอหรือเบียก็ได้เพราะได้ยินใช้กันอยู่ทั้ง 2 คำ)

.

ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเงียบสงัดมีมนุษย์เดินไปมาอยู่หรอมแหรม ขณะกำลังหาทางไปมีพลขับแท็กซี่เข้ามาเสนอราคา นางบอกว่า 400 หน่วย ไม่รู้แพงหรือเปล่าแต่ตอบตกลงไว้ก่อน; จากสนามบินมาที่พักใช้เวลาขับไม่ถึง 5 นาที เราว่าราคาแพงไปนิด ถามเจ้าของเกสท์เฮาส์ นางบอกว่าไม่ควรเกิน 200-250 หน่วย โอเค รับทราบ จะได้จำไว้ต่อราคาในภายภาคหน้า

ที่พักอยู่ในย่านคหบดี ข้างๆมีร้านเหล้าเปิดเพลง EDM มีเอธิโอเปียนนั่งสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน

แท็กซี่หน้าสนามบิน


โซนที่พัก หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ


...

DAY 2

9 พฤศจิกายน 2018

1.
วันนี้ต้องเดินทางไปเมืองเมเคเล่ (Mekele) เมืองหน้าด่านของภูมิภาคทิเกรย์ ถ้าหากไปทางรถจะใช้เวลาเป็นวัน เราจึงเลือกบินกับ Ethiopian Airline; จากที่พักไปถนนใหญ่มีระยะกระจัดประมาณ 100 เมตร กำลังจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่ เจ้าของเกสท์เฮาส์เสนอว่าเดี๋ยวไปส่ง ขอค่าแท็กซี่ 100 หน่วย ดีแฮะไม่ต้องเดิน

ป้ายโรงแรม


กระบวนการพาสเจอไรซ์เครื่องนอนหมอนมุ้ง


สนามบิน Bole International Airport มี 2 อาคาร อาคาร 1 คือภายในประเทศ ก่อนเข้าต้องสแกนสัมภาระ ภายในมีเคาน์เตอร์ Ethiopian Airline เพียงสายการบินเดียว เช็คอินเสร็จเดินขึ้นมายังจุดรวมพล ภายในมีร้านขายของที่ระลึก, ร้านอาหาร, และ duty free ให้ความรู้สึกเหมือนสนามบินที่อุบลราชธานีที่เราคุ้นเคย




2.
ภูมิประเทศของภูมิภาคทิเกรย์ยามมองจากเครื่องบินดูแปลกตาดี เหมือนมีภูกระดึงหลายๆอันมาตั้งติดๆกัน ระหว่างภูก็เป็นที่ราบแคบๆ เห็นแม่น้ำที่ไร้น้ำและต้นไม้เขียวๆตั้งกระจัดกระจาย

.

โบกแท็กซี่จากสนามบินเมเคเล่มายังโรงแรม น้องสารถีเรียก 160 หน่วย ระยะทางไกลอยู่เลยใจป้ำให้ไปสองร้อย ระหว่างทางฝนตกปรอยๆ มีเอธิโอเปียนเดินกันให้ขวักไขว่ โรงแรมตั้งอยู่ปลายเมืองด้านทิศตะวันออก ข้างนอกมีวงเวียน นึกถึงวันวานตอนที่มาเที่ยวกรุงเทพแล้วต้องขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านที่วงเวียนยี่สิบสอง ลืมไปละว่ามันอยู่ตรงไหน


ตัวโรงแรมถือว่าอยู่ในระดับดีทีเดียว ราคาค่าห้องหนึ่งคืนเท่ากับ 52.17 ดอลลาร์ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมี .17 เราขอจ่ายเป็นเงินเอธิโอเปียเพราะต้องการระบายแบงค์ร้อยออกไปให้มากที่สุด (รู้สึกอันตรายเวลาพกเงินเป็นปึ๊ง)

บริเวณโรงแรม


.

ไม่ไกลจากโรงแรมมีพระราชวังเก่าของจักรพรรดิโยฮานเนสที่ 4 (Emperor Yohannes IV) ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนระบายสีขาวมุก ค่าเข้าชม 100 หน่วย ภายในมีเครื่องราชูปโภคจัดแสดง เสียดายที่การจัดโชว์ไม่ดีเลยกลายเป็นโกดังเก็บของเก่าไปซะฉิบ ชั้นสองมีพระที่นั่งที่จักรพรรดิออกว่าราชการ ตัวเรือนทำจากไม้เป็นฐานยกสูงต้องขึ้นบันไดเก้าขั้น ส่วนยอดพระที่นั่งมีไม้แกะสลักเป็นรูปมงกุฎทรงครึ่งวงกลมปลายสอบเล็กน้อย สวยงามอลังการใช้ได้

ป.ล. ทางการไม่ให้ถ่ายรูปในพระราชวัง

.

เกร็ดความรู้

แผ่นดินเอธิโอเปียสมัยก่อนปกครองด้วยระบบศักดินา มีจักรพรรดิ (King of Kings) เป็นใหญ่คอยแต่งตั้งเจ้านายจากส่วนกลางไปปกครองตามส่วนภูมิภาค (หรือแต่งตั้งคนที่มีอิทธิพลในภูมิภาคนั้นๆขึ้นเป็นใหญ่) ปัญหาสำคัญของระบบนี้คือรัฐบาลกลางไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเพราะเจ้านายทั้งหลายสามารถซ่องสุมกำลังพลเพื่อทัดทานอำนาจของรัฐบาลกลาง ผู้ปกครองส่วนภูมิภาคของเอธิโอเปียโบราณเรียกว่า Ras หรือบางครั้งก็เรียกว่า (หรือปราบดาภิเษกเป็น) พระมหากษัตริย์ (King) อย่างสมัยจักรพรรดิโยฮานเนสที่ 4 ก็มีพระเจ้าเมนิเลคที่ 2 (King Menilek II) เป็นหอกข้างแคร่ (ท้ายสุดเมนิเลคที่ 2 ก็ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ)

...

DAY 3

10 พฤศจิกายน 2018

1.
โบกรถตุ๊กๆสีฟ้าน่ารักไปท่ารถ บอกกับนางว่าจะไปวูโคร (Wukro) หวังว่านางจะเข้าใจ จากโรงแรมใช้เวลาประมาณ 10 นาที บริเวณท่ารถเป็นพื้นที่โล่งกว้างมีรั้วรอบขอบชิด มีรถตู้และมินิบัสจอดเรียงราย ข้างนอกมีร้านขายน้ำและอาหาร น้องสารถีใจดีพามาส่งถึงวิน ค่าเดินทางราคา 30 หน่วย จะเอาเป้ใบใหญ่เทินไว้บนรถก็กลัวหล่นหาย น้องพลขับรถตู้เสนอให้จ่ายเงินอีก 30 หน่วยเป็นค่าวางเป้ ก็จ่ายสิคะ รออะไร เกร๋ๆ ใช้เงินซื้อความสะดวกสบาย


เก้านาฬิกาสิบเอ็ดนาทีล้อหมุน มีผู้โดยสารทั้งหมด 11 คน ระยะทางจากเมเคเล่ไปวูโครประมาณ 45 กิโลเมตร รถตู้โดยสารที่นั่งมาเหมือนหาซื้อชิ้นส่วนจากร้านเชียงกงมาประกอบเอง เวลาขับขึ้นเขาหรือแซงรถคันข้างหน้าเรานี่จิกเท้าลุ้นไปด้วย สองข้างทางสวยมากเพราะขับรถไต่สันเขาเห็นแคนยอน มีคนจูงวัว, แพะ, และแกะให้เห็นเป็นระยะ ที่นี่ใช้ลาในการขนส่ง เพิ่งสังเกตอย่างจริงจัง ลานี่ก็น่ารักดี ตัวเล็กกะทัดรัดดูปราดเปรียว

รวมรูป




.

ถึงวูโครตอนสิบโมงพอดีเป๊ะ ดีใจว่ามาถูกที่ค่าที่เห็นป้ายยินดีต้อนรับ เด็กรถบอกว่าถึงแล้วและก็ปล่อยเราลงในดาวน์ทาวน์ จุดนี้งงมาก ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป รวบรวมสติแล้วกวักมือเรียกรถตุ๊กๆสีฟ้าบอกนางว่าจะไป Wukro Lodge นางเสนอราคาที่ 100 หน่วย แพงหรือเปล่าไม่รู้แต่จำต้องไปเพราะไม่มีทางเลือก

ตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเขามองเห็นตัวเมืองและบริเวณรายรอบ หลังจากเก็บข้าวของเข้าห้องก็ออกมาเจรจาราคาค่างวดทัวร์โบสถ์สลักหินในวูโครและปริมณฑลสองวันเต็ม ตกลงกันที่ 320 ดอลลาร์ ราคานี้รวมทุกอย่าง คนจัดทัวร์การันตี ไม่ยอมรับเงินเอธิโอเปียด้วยนะ เลยต้องจ่ายเป็นดอลลาร์แล้วแบกแบงค์ร้อยเป็นปึ๊งต่อไป แนะนำนะคะให้แลกเงินเป็นหน่วยโลคั่ลแต่พอประมาณแล้วพกดอลล่าร์แทน

2.
เดินลงเขาไปยังเมืองเบื้องล่าง ลัดเลาะตามทางหลวงชนบทเพื่อไปเยี่ยมชมโบสถ์ Wukro Chirkos เจอลูกเด็กเล็กแดงวิ่งร้องทักทายตลอดทาง วันนี้ที่โบสถ์มีกิจกรรม มีคริสตศาสนิกชนจำนวนมากมาร่วมงาน ทุกคนใส่ผ้าผวยสีขาวคลุมกายเป็นธีมเดียวกัน ส่วนใหญ่จะมีไม้เท้าปลายครึ่งวงกลมติดตัวมาด้วย นอกจากนี้ลางคนจะถือร่มสีสวยสด, ไม้กางเขนที่ทำจากไม้, และพระคัมภีร์ที่ห่อด้วยผ้าคล้ายผ้าเยียระบับ ดูอลังการใกล้เคียงกับโรมันคาทอลิก

ตัวโบสถ์สกัดจากหินติดกับหน้าผาเตี้ยๆ ภายในเป็นรูปกางเขนมีจิตรกรรมฝาผนังที่ร่วงโรยตามวัยแต่ยังพอเห็นเค้าความสวยงาม ผู้คุมโบสถ์บอกว่าโบสถ์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 โดยกษัตริย์ที่มีชื่อว่า อับราฮา (Abraha) และ อัทสบีฮา (Atsbeha) แต่นักโบราณคดีเชื่อว่าสร้างหลังจากยุคนั้น

รวมรูป















.

เกร็ดความรู้

เอธิโอเปียนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกาย Ethiopian Tawahedo Orthodox Church โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Oriental Orthodox Church (คนละอย่างกับ Eastern Orthodox Church จำง่ายๆ Eastern จะเป็นนิกายของยุโรปตะวันออกแต่ Oriental จะเป็นนิกายของพวกตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ) โดยมีอะบูนา (Abuna) เป็นหัวหน้าคณะนักบวช โดยตำแหน่งนี้จะถูกแต่งตั้งจาก Patriarch of Alexandria ในอียิปต์ (Coptic Church เป็นหนึ่งใน Oriental Othodox Church เช่นกัน) แล้วอิมพอร์ตมายังเอธิโอเปีย ฉะนั้นอะบูนาจึงเป็นคนอียิปต์ ธรรมเนียมนี้เลิกปฏิบัติประมาณปีค.ศ. 1950 ปัจจุบันอะบูนาเป็นคนเอธิโอเปีย

To be continued

ป.ล. โพสต์ที่สนามบินระหว่างรอขึ้นเครื่องกลับค่าที่มาตั้งแต่ไก่โห่

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่