[CR] Indonesia Trip|Yogyakarta| ยอกยา ไม่ธรรมดาเลย

ฮัลโหล สวัสดีทุกคน

ทริปนี้เกิดขึ้นแบบจับพลัดจับผลูมากๆ ด้วยการเห็นพี่คนหนึ่งโพสต์หาเพื่อนไปเที่ยว Yogyakarta ช่วงวันวิสาขบูชาโดยมีรูปการลอยโคม Floating lantern เหนือBorobudur โบโรบุดูร์ มาเป็นแรงจูงใจ
Photo: ANTARA FOTO/Anis Efizudin

ดูรูปสิแกกกกกก สวยขนาดบวกกับความใจง่ายและมือไวเลยไปเมนต์ขอไปด้วย แค่นั้นยังไม่พอ ยังลากเพื่อนตัวเองไปด้วยอีกหนึ่งให้ไปเป็นภาระพี่เค้า ก็ต้องขอขอบคุณพี่เค้ามาณ.ที่นี้ด้วย ที่อุตส่าห์แบกเราสองคนไปด้วย เราไปกัน ห้าวันสี่คืน เวลาเหลือๆเลยจ้า แต่ถ้าใครตั้งใจจะไปลอยโคมก็ต้องเช็ควันให้ดีๆนะ

คนไปด้วย เราไปกัน ห้าวันสี่คืน เวลาเหลือๆเลยจ้า แต่ถ้าใครตั้งใจจะไปลอยโคมก็ต้องเช็ควันให้ดีๆนะ

Itinerary 

26.05.18 : Fly to Yogyakarta | city tour | stay in city
27.05.18 : Goa Jomblang tour
28.05.18 : Taman siri | Prambanan | Plaosan| Borobudur Sunset
29.05.18 : Borobudor Flying Lantern
30.05.18 : Fly back

เอาจริงๆเนี้ยเราไปแบบกลวงมากคือไม่รู้เรื่องอะไรเลย ในใจคือขอแค่ได้เห็นโคมลอยก็พอละ ทีเหลือถือเป็นกำไร ดังนั้นขอเล่าเป็นจุดที่น่าสนใจละกันเนอะ ว่าไปYogyakartaเนี้ยไปทำอะไรกันบ้างดี

Borobudur 
แน่นอนละจ้า ถ้ามาถึง Yogyakarta จุดมุ่งหมายของคนส่วนมากก็ต้องเป็น Borobudur ศาสนสถานของพุทธนิกายมหายาน ซึ่งถือว่าเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ซึ่งการเข้าชมในแต่ละช่วงเวลาก็จะมีค่าเข้าชมที่ต่างกัน ถ้าเป็นช่วง Sunrise and Sunset ก็จะแพงขึ้นมาหน่อย ตกที่คนละประมาณ 900บาท แต่ถ้าใครไม่อยากจ่ายตรงนี้ก็ให้เข้าพักที่โรงแรม Manohara Hotel ที่อยู่ติดกับ Borobudur เลย จะมีแพคเกจพร้อมตั๋วทำให้สามารถเดินเข้าชมได้ตลอดเวลา





Borobudur ออกเสียงว่าโบโรบุดูร์ หรือถ้าเรียกตามสำเนียงไทยก็บุโรพุทโธ มีขนาดกว้างประมาณ 121เมตร สูง 123เมตร สร้างจากหินภูเขาไฟ แบ่งออกเป็น 8ชั้น 5ชั้นล่างเป็นสี่เหลี่ยม 3ชั้นบนจะเป็นวงกลม ที่ด้านบนโดมตรงกลางจะล้อมรอบด้วยพระพุทธรูป72องค์ แต่ละองค์จะอยู่ภายในสถูปเจาะรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด 






Floating Lantern at Borobudur 
มาแล้วจ้า Highlight ของทริป ที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมดทั้งมวลของทริปนี้ คือการมาร่วมงานเทศการลอยโคม Borobudur Waisak Lampion Festival โดยถือเป็นพิธีกรรมทางศาสนาของนิกายมหายานที่จัดขึ้นทุกปีในช่วงนี้

โดยการจะเข้าร่วมงานได้นั้นจะต้องมีตั๋วร่วมงานด้วย ไม่ใช่เดินดุ่มๆเข้าไปได้นะจ๊ะ และการได้มาซึ่งตั๋วนั้นก็ยากเย็นเหลือเกิน เพราะมันเป็นเทศการสำหรับคนพื้นที่ ตั๋วไม่ได้มีขายทั่วไป นักท่องเที่ยวตาดำๆอย่างเราเลยใช้วิธีขอให้โรงแรมช่วยหาตั๋วเข้างานให้หน่อย แต่......โรงแรมเราก็ไม่รู้อีกว่าจะหาให้เราจากไหน ห้าๆๆ แต่นางรับปากว่าจะช่วยหาให้ จนไปถึงวันก่อนงานเราก็ยังไม่มีตั๋ว ใจนี่แป่วละเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ลอย แต่ในที่สุดเช้าวันงานนางก็หาตั๋วมาให้เราจนได้ 3ใบ ราคาคนละ IDR100,000 ดีใจสุดๆ
หน้าตาของตั๋วก็คือประมาณนี้ จะมีส่วนสำหรับเข้างาน และส่วนเข้าบริเวณลอยโคม ซึ่งตั๋วลอยโคมเนี้ยมีจำนวนจำกัดที่นั่งประมาณ 6,000 ใบ แต่ถ้าหาบัตรไม่ทันก็ไม่ต้องเสียใจไป เรายังสามารถไปยืนรอดูอยู่ด้านนอกได้แค่ไม่ได้เป็นคนปล่อยเท่านั้นเอง

เมื่อถึงกำหนดการเค้าก็จะเรียกให้ผู้มีบัตรเข้าไปนั่งด้านใน ขอแถมทริคนิดนึงคือ ถ้าอยากได้รูปสวยให้เข้าช้าๆนิดนึงให้อยู่ช่วงกลางๆหรือหลังๆ เพราะเวลาปล่อยโคมจะติดโคมเยอะๆพร้อมมีBorobudur เป็นBackground อยู่ด้านหลัง 
พอทำพิธีอะไรเสร็จ ซักเกือบๆเที่ยงคืนได้เราก็จะได้ลอยโคม โดยจะแบ่งออกเป็นสามรอบ รอบละ2,000ดวง เราเข้าใจว่าเพื่อความปลอดภัยและง่ายต่อการดูแล 




ชาวอินโดเรียกโคมเหล่านี้ว่า Lampion โคมกว่า 6,000ดวง ค่อยถูกทยอยปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อให้เราอธิษฐานเอาสิ่งไม่ดีออกไป และขอพรให้เกิดแต่สิ่งดีๆขึ้นในชีวิตเรา 


เก็บภาพบรรยากาศตอนปล่อยโคมมาให้ดูด้วยจ้า ก็จะประมาณนี้เนอะ

ถ้าใครสนใจอยากจะไปร่วมเทศกาลนี้บ้าง ให้ลองวางแผนดูจะมีสองช่วงที่ไปได้ก็คือช่วงวันวิสาขบูชา และช่วงวันปีใหม่ ยังไงก็ลองดูละกันนะ

Goa Jomblang 

อะสายบุญจบไป ขอกลับเป็นสาย Adventure ตามสไตล์เดิมดีกว่า สำหรับเรานะเราว่าถ้าใครมีเวลาควรมาที่นี่อย่างยิ่ง ทำไมนะหรอ ก็เพราะว่ามันสนุกมาก และก็เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากๆเลย

Goa Jomblang อาจจะเป็นสถานที่ที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักมากนัก เป็นลักษณะถ้ำใต้ดินมีสองปล่อง โดยการจะเข้าไปได้จะต้องผ่านการโรยตัวลงจากปากถ้ำสูงกว่า 80m และเดินเท้าเข้าไปในถ้ำมืด (มืดแบบสนิทเลยนะแก) อีกประมาณเกือบๆชั่วโมง ก็จะไปถึงปล่องแสงที่เห็นด้านบนนั้นแหละ ส่วนเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องกังวัล ปลอดภัยแน่นอนเพราะที่พูดมาทั้งหมด มีเจ้าหน้าทีคุมเข้มนำทางไปตลอด รวมถึงจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวแค่ 80กลุ่มต่อวัน ดังนั้นโทรไปจองล่วงหน้าก่อนเลย มีคนมาหลังๆโดน reject กลับไปด้วย

เมื่อมาถึงแล้วให้รีบไปลงทะเบียนเอาคิวแล้วก็จะได้นั่งรอเรียกคิวเพื่อลงไปด้านล่าง เราได้คิวที่ 6รอประมาณชั่วโมงนิดๆก็ได้ลงไป

นั่นละพี่เสื้อแดงคนนั้นละจะหย่อนเราลงไปที่ละคู่ๆ มันก็เลยช้าหน่อย อดทนรอนิดนึง


เราไม่ค่อยกลัวความสูงเลยไม่รู้สึกอะไรเท่าไร แต่ถ้าคนกลัวก็ทำใจเอาละกัน ไม่นานก็ลงถึงพื้นข้างล่างแล้วจ้า




เมื่อลงมาแล้วก็ต้องรอคนให้ได้กลุ่มละประมาณ20คน ก็จะมีเจ้าหน้าทีมาพาเดินเข้าไปในถ้ำ ตอนนี้บอกเลยว่าเละมาก ถ้ำมันเป็นโคลนแบบจมครึ่งแข้งอะ ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อม กระเป๋ากันน้ำ ไฟฉาย กล้องก็ขอให้เป็นแบบลุยๆหน่อยละกัน




เดินไปเหอะ เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงซะที วิวก็ไม่มี มืดขนาดที่ว่าเห็นแค่เสื้อคนข้างหน้าอะ อาจจะนึกภาพไม่ออก ลองดูจากVideo เอาละกัน


เมื่อเดินไปจนสุดทางถ้ำเราก็จะได้เจอกับสิ่งที่เราดั้นด้นมาหา ก็คือปล่องแสงที่ปลายทาง ให้เราได้ชื่นชมถ่ายรูป บางคนอาจจะห๊ะ ลำบากมาเพื่อแค่เนี้ยอะหรอ แต่สำหรับเรา เราว่ามันสนุก และคุ้มมากๆเลยละ







ตรงบริเวณปล่องแสง ค่อนข้างสูงชัน ดังนั้นใช้ความระมัดระวังกันด้วย เพราะตกลงไปนี่ถ้าจะลำบากมาก

เสร็จจากตรงนี้ก็ต้องเดินออกทางเดิม เพื่อกลับมาขึ้นสลิงดึงตัวกลับขึ้นไป ตอนแรกเราก็นึกว่าเค้าใช้เครื่องยนต์ในการดึงพวกเรา ที่ไหนได้ แรงงานคนล้วนๆ เรียกได้ว่าขนกันมาทั้งหมู่บ้าน ดังนั้นก่อนไป Diet นิดนึงนะพวกเธอ สงสารพี่ๆเค้า ห้าๆๆ


บอกเลยกว่าจะเดินไปเดินกลับ รอคิวนั้นนี่ก็แทบจะหมดวันละ ไม่อยากจะคิดว่าคนที่ได้คิว 80 นี้ไม่รอถึงเย็นเลยหรอ ละแสงจะพอมั๊ยละ เอาเป็นว่าใครอยากไปก็ไปให้เช้าหน่อยละกัน น่าจะดีที่สุด

ปกติใครก็ตามที่จองแพคเกจรถมาที่นี้ เค้าจะพาไปเที่ยวลอยห่วงยางในน้ำตกอีกทีหนึ่งก่อนกลับ แต่พวกเราไม่อยากไป ก็เลยให้เค้าส่งกลับโรงแรมเลย แต่ถ้าใครอยากลองก็ได้นะ เพราะไหนๆตัวก็เลอะแล้วไปล้างที่น้ำตกซะหน่อยก็อาจจะดี ราคา Tour Package รวมรถ Ticket อาหารกลางวัน อยู่ที่ 1,660,000IDR ต่อสามคน