[CR] " รีวิวการทำเลสิค" - เตรียมเข้าสู่ปี 2019 แบบ FullHD - ชัดเห็นผลทันตา !

โลกมืดไปเลยประมาณ 3 วินาที
หลังจากนั้นภาพที่เห็นคือ "ไฟดวงเล็กๆ 2 ดวง" คล้ายๆพลุไฟเย็น
แต่เป็นสีเขียว 1 ดวง สีแดง 1 ดวง สว่างอยู่ประมาณ 30 วินาที (พอๆกับการจุดไฟเย็นหมด 1 ก้าน) .... แล้วก็จบ


มีคำกล่าวว่า การเปลี่ยนชีวิตแบบเดิมๆของเรา ไปสู่ชีวิตแบบใหม่ มันเกิดขึ้นได้จาก "การตัดสินใจเพียงครั้งเดียว"
(You're only one decision away from a totally different life) การทำเลสิคเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆ
ผมตัดสินใจไปทำมาแล้ว แล้วชีวิตก็เปลี่ยนไปมากจริงๆ วันนี้จะมารีวิวให้ได้รู้กันครับ

รีวิวนี้จะไม่พูดเยอะ (พิมพ์เอา) ..... คือเอาแค่ 3 เรื่อง

1.ก่อนทำ

2.ตอนทำ

3.หลังทำ

แค่นี้ก็คิดว่าครอบคลุม พอรู้เรื่องรู้ฟิลแล้ว .... เริ่มเลยๆ



1. ** ก่อนทำ **

ขวาสั้น 500 ซ้ายสั้น 450 แถมเอียงอีกข้างละ 150 คือค่าสายตาของผม "สายตาสั้นระดับนี้ไม่สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้"
หากไม่มีแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ ..... ค่าคงที่อยู่ประมาณนี้ 2-3 ปี แต่ก็ไม่เคยคิดจะแก้ไขเพราะ "ความเคยชิน" จริงๆมันไม่สะดวกนะ
การต้องใส่แว่นติดหน้าหรือคอย ล้าง + แช่ + ถู + เปลี่ยน จากการใส่คอนแทคเลนส์อยู่ทุกวันๆ แต่เป็นเพราะ "มันลำบากจนชิน"
ทำซ้ำๆจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเลยไม่คิดอะไร ได้ยินเรื่องเลสิคมาบ้างแต่ไม่เคยศึกษาอย่างจริงจัง

จุดเปลี่ยนคือ "ดวงตาเริ่มผิดใจกับคอนแทคเลนส์" จริงๆก็มีระหองระแหงกันมาสักพักนึง แต่คิดว่าจะเคลียร์กันได้
ปวดหัวปวดตาบ้าง นานๆที คงไม่มีอะไร แต่พักหลังมันหนักขึ้นเรื่อยๆ วันไหนใช้สายตาเยอะ ตาจะแห้ง
บางครั้งถึงขั้นทำให้ "ปวดไมเกรนอย่างหนัก" ... ไม่อยากทนอีกต่อไป เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะแยกกันอยู่ "การทำเลสิค" ก็คือทางออก

ตัดสินใจโทรนัดหมอ + งดใส่คอนแทค 1 สัปดาห์ + ไป รพ. ให้มันรู้ไป !




ถึงวันจริง มีขั้นตอน 5-6 ขั้นตอนก่อนทำไม่มีอะไรมาก "วัดความดัน เช็คค่าสายตา หยอดยา สอนเช็ดตา เข้าอบรม" ชิลลลมาก
จนมาถึงขั้นตอนที่เจ็บที่สุดนั่นคือ"ขั้นตอนจ่ายตังค์".... แฮ่
(จุกอยู่นะตั้งหลายหมื่น 55 เพราะขั้นตอนอื่นความเจ็บทางร่างกายมันไม่มีเลยครับ)
แต่เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ มันจะได้ฟิลว่านี่คือ ** Point of No return ** หันหลังกลับไม่ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้อาจจะมีกังวลบ้าง หมออาจจะไม่อนุญาติให้ทำเพราะกระจกตาหนาไม่พอ
หรือ เปลี่ยนใจทิ้งบัตรคิวไม่ทำแล้วดีกว่า แต่พอจ่ายตังค์ เรามาถึงขนาดนี้คงไม่เปลี่ยนใจโยนเงินเกือบ 40000 ทิ้งหรอกมั๊ง
จ่ายตังค์เสร็จก็พักเที่ยงทานข้าว รอภาคบ่าย .... "เพื่อเอาจริง"   

2. ** ตอนทำ **

หากคุณมาเช้าจะได้ทำเป็นคิวแรกๆ "1 ชั่วโมงหมอทำได้ 6 คน" (ถ้าคิวคุณคือ 1-6 คุณคือทีมแรก ได้ทำตั้งแต่บ่ายโมง
คิวที่ 7-12 คือชั่วโมงถัดไป) เลขที่บนบัตรคิวจะทำให้เราพอคำนวณได้ว่าเราจะได้เข้าห้องเลเซอร์กี่โมง
วันที่ผมไปเป็นวันเสาร์คนจะเยอะประมาณ 30 คนได้ (ผู้ชาย 4 ที่เหลือผู้หญิงทั้งหมด)
ผมได้คิวหลังๆ ข้อเสียคือต้องรอเฉยๆประมาณ 3 ชม.กว่าๆ แต่กลับกลายว่ามันก็มีข้อดี (เดี๋ยวจะบอกตอนหลังว่าดียังไง)

เมื่อถึงคิว เข้าไปนอนบนเตียง ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ *** ใช้เวลาประมาณ 5-6 นาทีเท่านั้น ***  
หมอมือนิ่ม ใจเย็น เครื่องมือทำงานแม่นยำ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี

มานึกย้อนกลับไปเอาจริงๆมีอย่างเดียวที่ทำร้ายเรานั่นคือ "ความคิดของเราเอง" หมอและเครื่องมือไม่ได้ทำร้ายอะไรเราเลย
ความกังวล ลังเลสงสัย นั่นแหละทำให้เรากลัว คนเราจะกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ ยิ่งนั่งเฉยๆ รอนานๆ ยิ่งคิดมาก ยิ่งกังวลใจ
หมอทำมาเป็นหมื่นเคสไม่มีผิดพลาด แต่เราก็อดคิดไม่ได้ว่า "จะเป็นเราที่จะประเดิมให้หมอรึเปล่า??"

ตรงนี้เองที่ถือเป็นบททดสอบ ผมบอกกับตัวเองว่า เราศึกษาธรรมะมา เคยฝึกจิตมา "ก็เพื่อมาใช้ในเวลาอย่างนี้" เราต้องนิ่งให้ได้
มองไปที่คนอื่นบางคนเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เค้ายังกล้า เค้ายังทำได้ เราต้องให้ความร่วมมือกับหมอและเครื่องมือมากที่สุด
สิ่งที่เราต้องทำก็มีแค่ "นอนนิ่งๆและจ้องดวงไฟ"  .... แค่นี้เอง ! มันง่ายสุดๆแล้วว   

ด้วยเหตุนี้ ... เมื่อสายตาของท่านเดินทางมาถึงบรรทัดนี้ ถ้ายังไม่เคยทำอ่านข้ามไปเลยก็ได้ เพราะการรู้รายละเอียดมากไป
มันอาจจะยิ่งทำให้กังวลใจ ไม่ต้องรับรู้อะไรให้หมอจัดการไปเลยก็ได้ ผมยืนยัน "มันไม่เจ็บและไม่นาน"
แต่ถ้าใครคิดว่าชิลๆอยู่แล้ว พร้อมเสมอ อ่านต่อ ... ผมจะเล่าให้ฟังว่าสิ่งที่หมอทำก็คือ

1. หมอจะใช้เครื่องมือกดมาที่เบ้าตาเรา ให้ตาเรานูนขึ้น "เพื่อทำการแยกชั้นกระจกตา"
    แล้วใส่เครื่องถ่างตากันเรากระพริบ

2. จะมีเครื่องมืออีกตัวครอบมาที่ตาแล้วสไลด์ผ่านดวงตา เพื่อเปิดกระจกตาออก ขั้นตอนนี้โลกจะมืดลงดูน่ากลัวแต่ไม่ต้องกังวล
    นิ่งๆไว้ยังยืนยันคำเดิม "ไม่เจ็บและไม่นาน" ขั้นตอนนี้ 3 วินาทีได้

3. หมอจะทำการเปิดกระจกตาออก เหมือนเปิดหนังสือ

4. ดวงไฟเลเซอร์ที่เราเคยเห็นเป็นจุดเขียวและแดง จะแตกตัวคล้ายไฟเย็นเป็นประกาย

5. เริ่มยิงเลเซอร์ ประมาณ 30 วินาที "ตรงนี้จะได้กลิ่นเหม็นไหม้" ชอบมากที่มีผู้ช่วยหมอคอยนับถอยหลังให้
    ว่าเหลืออีก 15 วินาที 5 วินาที มันทำให้เรารู้ว่าเราต้องจ้องอีกนานแค่ไหน

6. ล้างตาด้วยน้ำเปล่า ปิดกระจกตากลับ เสร็จแล้ว 1 ข้าง ทำซ้ำแบบเดิมอีก 1 ข้าง เป็นอันเสร็จ



3 . ** หลังทำ **

พอเดินออกจากห้องเลเซอร์ รู้สึกโล่งใจครับที่มันจบแล้ว ตาเราจะหนัก มองมัวๆ มีหมอกปกคลุมเป็นฝ้า
ความชื้นจากน้ำล้างตา + ฝาครอบตาพลาสติคใสเจาะรู ยิ่งทำให้ดูเบลอๆ

มีรถมารับ เข็นไปส่งที่ลานจอดรถ
ระหว่างทาง ลงลิฟต์ ไปอาคาร เหลือบตามองไปรอบๆ ดูป้ายดูตัวอักษร แม้จะมัว
แต่ระยะนี้ถ้าแต่ก่อนไม่มีแว่นเราอ่านไม่เคยออก ... แต่นี่เห็นและพออ่านออก จุดนี้แหละทำให้รู้เลยว่า

" มันเริ่มได้ผลแล้ว "


เมื่อกี๊ติดไว้ว่าจะเล่าถึงข้อดีของการได้คิวท้ายๆ ข้อดีของมันก็คือ หลังทำเสร็จกลับถึงบ้าน "มันมืดพอดี" กินข้าวเย็นเสร็จ
มันเป็นเวลาที่พอจะนอนหลับ "การหลับหลังทำเลสิคสำคัญมาก" หมอถึงกับให้ยานอนหลับอ่อนๆมากิน เพราะถ้าเราไม่หลับ
1-2 ชั่วโมงไปแล้วเราจะเริ่มรู้สึก "เจ็บยิบๆในลูกตา บางครั้งเจ็บมากถึงขั้นน้ำตาไหล" แต่มันเป็นความเจ็บที่พอทนได้ไม่แย่นะ
(น้ำก๊วยเตี๋ยวกระเด็น หรือ เส้นขนมจีนสะบัดฟาดเข้าตา ยังเคืองมากกว่านี้หลายเท่า)
แต่ถ้าหลับได้เลย 6-7 ชั่วโมง "มันหล่อเลยครับ" ไม่ต้องไปรับรู้ความรู้สึกตรงนั้น

ตื่นเช้ามา .... พบกับโลกใบใหม่ ชัดเห็นผลทันตาตั้งแต่วันแรก

ผมหลับลงหลังจากเริ่มรู้สึกเจ็บยิบๆในตาไม่นาน การเข้านอนแต่หัววันทำให้ตื่นเช้า ตี 5 กว่าๆผมตื่นมาพร้อมตาคู่ใหม่
เดินทางไปสนามฟุตบอลที่สโมสรตำรวจเพราะมีนัดทำธุระที่นั่น มองเห็นสนามหญ้าสีเขียวสดในยามเช้าแบบคมชัด
เสร็จธุระแล้วไป รพ.ให้คุณหมอตรวจตาอีกรอบ จากนั้นไปสวนจตุจักรต่อเช้าวันนั้นเลย
(จริงๆไม่คววรทำ แต่เพราะมีงานที่นัดไว้แล้วก็ไปจัดการให้เสร็จ)  
เที่ยงกว่าๆ เสร็จทุกอย่างกลับถึงบ้าน หยอดยา น้ำตาเทียม ล้างตาด้วยน้ำเกลือ เป็นระยะๆ ตามคำแนะนำของคุณหมอ
ดูทีวีเล่นมือถือได้ตามปกติ  ...... ใช้ชีวิตได้ตามปกติ

อย่างนึงที่ฟังดูแล้วแปลกๆคือ สิ่งแรกที่ผมซื้อหลังจากทำเลสิคคือ "แว่นตาใหม่" นี่เรื่องจริง
แต่เป็นแว่นใส "ไม่มีค่าสายตา" ผมซื้อมาใส่เพื่อกันลม กันแอร์ ใส่แฟชั่น เพราะแว่นเก่าใช้ไม่ได้อีกแล้ว
(ยิ่งคอนแทคไม่ต้องพูดถึง เราจากกันด้วยดี ...เทหมด)

... สุดท้ายอยากบอกว่าการไปทำเลสิค มันเหมือนการ "อัพเว่อร์ชั่นใหม่ให้ตัวเอง"
เว่อร์ชั่นนี้ดีกว่าเดิมเพราะไม่ต้องพึ่งพาแว่นตาอีกแล้ว มันเจ๋งกว่าการอัพเว่อร์ชั่นของตัวเองในแบบอื่น
เช่นการลดน้ำหนัก สร้างซิกแพค เพราะมันเห็นผลในคืนเดียว "ไม่เจ็บและไม่นาน"

เพื่อนๆที่มีปัญหาทางสายตาทุกคน ปีใหม่ที่จะถึงนี้ "หากอยากให้ของขวัญกับตัวเองซักชิ้น"
โยนทิ้งทุกข้ออ้างแล้วพาตัวเองไปทำเลสิคสิครับ .... "มันดีจริงๆนะ"

ปล. ขอขอบคุณคุณหมอเกรียงไกร ศูนย์เลสิค รพ.ยันฮีครับ คุณหมอยอดเยี่ยมมากครับ
ชื่อสินค้า:   เลสิค
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่