


สวัสดีค่ะทุกๆคน กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวต่างจังหวัด
ถ้าต้องการแนะนำหรือติชมประการใด สามารถบอก จขกท. ได้เลยนะคะ
*************************************************************************************************
ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยวต่างจังหวัดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้อยากไปไกลมากเอาที่ขับรถไปไหว+วันหยุดของมนุษย์เงินเดือนก็ไม้ได้มีเยอะมากมาย ตัวเลือกที่ผ่านเข้ารอบชิงจึงอยู่ในแถบตะวันตก เพราะอยากไปสัมผัสอากาศเย็นๆ หาออกซิเจนเข้าปอด และแจ็คพอตจึงตกเป็นของ >>>
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี !!!! ((ถ้าทำเสียงแบบมิสแกรดนด์เข้าประกวดจะได้ฟีลมากกกก))
ลองกดดู Google map ก่อนเลย ผลที่ได้คือ ... "340 กว่ากิโล + ประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง"... ก็คิดว่าน่าจะไหวแหละ (มั้ง)
ถ้าลองเสิร์จดูในหลายๆกระทู้ จะมีทั้งการนอนเต๊นท์และนอนบ้านพักของอุทยานฯ แต่ด้วยความที่ จขกท.ไม่เคยท่องเที่ยวแล้วนอนแบบเต๊นท์เลย การนอนบ้านพักอุทยานฯจึงกลายมาเป็นตัวเลือกหลักในครั้งนี้
ว่าแต่...บ้านพักอุทยานมันเป็นแบบใหนหว่า...ไม่เคยไปพักซะด้วยสิ????
แหม่....ในยุคสมัยดิจิตอลแบบนี้ ก็มีตัวเลือกที่สะดวกมากขึ้น สามารถเข้าจองผ่านเว็บไซต์ได้เลยค่ะ >>>
http://nps.dnp.go.th/reservation.php แค่ใส่ข้อมูลเพื่อสมัครสมาชิก เลือกอุทยานฯ เลือกแบบที่พัก ซึ่งจะมีรูป ราคา และรายละเอียดที่พักครบถ้วน เสร็จแล้วปริ้น Pay-in Slip ไปจ่ายที่ธ.ภายในระยะเวลาที่กำหนด ง่ายมากๆเลยค่ะ...ขอบอก
ทีพักพร้อม...คนพร้อม...รถพร้อม...และที่สำคัญเงิน(เกือบจะ)พร้อม วันเดินทางก็มาถึง!!!!
*************************************************************************************************

การเดินทางครั้งนี้...เราเดินทางด้วย Honda-HRV ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ (พอถึงกรุงเทพแทบอยากจะกราบรถเลยทีเดียว) เริ่มออกเดินทางประมาณ 8.00 ขับมาตาม Google Map เลยค่ะ (แนะนำ! ให้โหลด offiline map ไว้ด้วยนะคะ เผื่อฉุกเฉินไม่สัญญาณขึ้นมาจะได้ไม่ต้องตื่นเต้นไปตามๆกัน) เราจะผ่านทางนครปฐม-ราชบุรี-กาญจนบุรี ขับมาเรื่อยๆเลยค่ะ ความเร็วที่ใช้ก่อนถึงอ.ทองผาภูมิจะอยู่ประมาณ 90-120 แล้วแต่ช่วงจราจร
ตลอดทางก็จะมีปั๊ม...และเกือบทุกปั๊มจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว...คิดในใจ...ไปที่เดียวกะตูแน่ๆเลย
แต่! พอเข้ามาถึงอ.ทองผาภูมิเท่านั้นล่ะ รถเริ่มบาง....เริ่มรู้สึกเหงา ประกอบกับคนข้างๆ กำลังจะหลับแล้วเช่นกัน 55+ ถนนหนทางยังโอเคนะ เป็นลาดยางยาวพร้อมกับมีต้นไม้สูงที่โค้งโน้มลงมาเหมือนจะเป็นอุโมงค์เลย แต่! อย่าเพิ่งดีใจไป...ด่านบอสรอคุณอยู่สถานีถัดไปค่ะ
สัจธรรมจะเริ่มเข้ามาทำงานตอนคุณเห็นความคดเคี้ยวของ google map + หลุมบ่อเริ่มมาให้เห็น มีทั้งหลุมเล็กหลุมใหญ่ + ทางโค้งที่โค้งแบบ continue ที่หักพวงมาลัยทีเหมือนแขนมันจะพันกัน พร้อมป้ายเตือนตลอดทางว่า "ระวัง!ไหล่ทางชำรุด", "กรุณาใช้เกียร์ต่ำ" ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ ขับเรื่อยๆไม่ต้องรีบนะ จะมีรถสวนมาเป็นระยะๆ เอาปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุดค่ะ
หลังจากมาทั้งโค้งทั้งหลุม แต่ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ มีทางอยู่เส้นเดียวนั่นแหละค่ะ ขับไปก็จะเห็นวิวธรรมชาติในมุมลึกที่ให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นโดรนที่บินๆอยู่แล้วมองลงไป แต่ไม่ได้แวะเพื่อลงถ่ายรูปกลางทางนะคะ เพราะจะเป็นการกีดขวางเส้นทางนักท่องเที่ยวท่านอื่นด้วย เราเที่ยวแบบมีน้ำใจกันดีกว่าเนอะ ^^
ประมาณ 14.00 เราก็มาถึง "จุดชมวิว กม.12 " วิวที่ได้มาเจอ...บอกได้คำเดียวว่า "คุ้มแล้วกับหลุมที่ขับผ่านมา"

จุดชมวิวนี้ ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เป็นลานหินอย่างดีพร้อมที่สำหรับถ่ายวิวในมุมกว้าง มีพี่ๆเจ้าหน้าที่ มีบริการห้องน้ำ (แนะนำให้ติดทิชชู่เปียก/แห้ง ไปเองนะคะ) ที่จุดชมวิวนี้มีรถขายไอติม รถขายผลไม้ เช่น สับปะรด มะม่วง แตงโม ซึ่งพี่คนขายแกก้กลัวเราไม่กล้าซื้อ แกก็จะรีบบอกว่า.....”ราคาผลไม้เท่าข้างล่างนะค้าบบบ”

หลังจากนั่งพักผ่อนชมวิวกินแตงโตจนพอใจแล้ว กลับสู่ความโค้งอันแสนสนุกอีกประมาณ 10 กม. มันจิ๊บๆมากค่ะ ถ้าเทียบกับโค้งที่เราผ่านมาก่อนหน้านี้ แล้วเราก็มาถึงที่หมายของเรา....อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
เราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่ป้อมด้านหน้าอุทยานก่อนนะคะ หลังจากจ่ายเสร็จเรียบร้อย พี่เจ้าหน้าที่จะให้บัตรผ่านเรามา ซึ่งบัตรผ่านนี้สามารถไปยื่นที่น้ำตกจ๊อกกระดิ่นได้ด้วยนะคะ หลังจากนั้น...เราก็มารับกุญแจห้องพักที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ยืนใบเสร็จที่เราจ่ายเงินค่าที่พักให้กับพี่เจ้าหน้าที่ เราสามารถขับรถไปจอดในบริเวณใกล้ๆที่พักได้เลยนะคะ แนะนำให้ขับรถเกียร์ต่ำนะคะ...ทางที่เราไปจะมีความชันเล็กน้อย
ไปตามบ้านที่เราจองไว้ได้เลยยย... จขกท.จอง "บ้านทาร์ซาน 6"

ทางขับรถไปก่อนจะถึงบ้านต้นไม้ของเรา

มาถึง...เราจะเห็นว่าบ้านพักเราเหมือนถูกกอดด้วยต้นไม้รอบด้าน เป็นช่วงเวลาบ่ายที่อากาศเย็นสบาย ไม่เย็นหรือไม่ร้อนจนเกินไป

แต่เราต้องจัดการเก็บของไว้ในบ้านพักก่อนเลยค่ะ....เพราะพยาธิในท้องเริ่มตั้งม๊อบประท้วงแล้ว เราตัดสินใจเดินไปฝากท้องกันที่ "ร้านค้าสวัสดิการอุทยานฯ" ค่ะ
เดินกินลมชมวิวแก้หิวกันเนอะ

แท่นแท๊น...เรามาถึงร้านค้าแล้ว ร้านจะมีเวลาเปิดขาย 8.00 - 17.00 น. มีทั้งขนม น้ำลัดลมขาย แต่! ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะคะ
สภาพภายนอกของภัตตาคารเราจะเป็นไม้ยกพื้นสูง ให้อารมณ์วินเทจสุดๆ
ด้วยความคิดไม่ออก เราเลือกสั่งเมนูเบสิกสุด คือ ไข่เจียวหมูสับ ผัดกะเพราหมูสับ ต้มยำไก่ ...ถ้าจะให้รีวิวรสชาติ บอกได้คำเดียวว่า...แทบอยากจะอุ้มแม่ครัวกลับบ้าน!!! โดยเฉพาะ"ต้มยำไก่" นี่ จขกท.ต้องขอ Recommended .....พี่แม่ครัวใส่เครื่องได้ถึงรสจริงๆค่ะ

เอาล่ะค่ะ....ในเมื่อพยาธิในท้องเราสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ก็ถึงเวลาเดินสำรวจสถานที่ต่างๆภายในอุทยานบ้าง
จุดที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นคือ เนินกูดดอย และ
จุดที่ดูพระอาทิตย์ตก คือ เนินช้างเผือก

แต่ตอนนี้เวลาแค่ 17.30 เลยลองไปสำรวจเนินกูดดอยก่อนเลย
ถ้าบอกว่าวิวในมุมกว้างที่ จุดชมวิว กม.12 สวยแล้ว จขกท.ก็อยากจะบอกว่า...ที่เนินกูดดอยยิ่งสวย เพราะมองออกไปจะให้ความรู้สึกว่า เรามีภาพทิวทัศน์มาล้อมตัวเราไว้ อากาศก็ดีมากๆเลยล่ะค่ะ

อีกซักครู่ก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตก...เราก็พากันเดินไปตามทาง ทั้งสองเนินอยู่ไม่ไกลกันเลยค่ะ คุณจะได้เจอคนมากางเต๊นท์อยู่ระหว่างทั้งสองเนิน ทำกับข้าวด้วยแก๊สกระป๋อง มีทั้งแบบครอบครัวและแบบคู่รักที่มาสวีทกัน แต่จุดสังเกตที่สำคัญคือ....คนที่มาพักที่นี่ไม่มีการส่งเสียงรบกวนแขกท่านอื่นนะคะ เหมือนทุกคนมาพักเพื่อกินบรรยากาศดีๆ ใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวเรื่อยๆ ซึ่งเหมาะแก่การชาร์จแบตตัวเองมากๆค่ะ
เราเดินมาถ่ายพี่พระอาทิตย์ของเราตกดินที่เนินช้างเผือก อากาศเริ่มเย็นขึ้นแล้วล่ะค่ะ บรื๋ออออ (ในใจเอาแต่คิดว่า...จะอาบน้ำดีมั๊ยนะ

)

เราเดินกลับมาถึงบ้านทาร์ซานของเราในเวลาประมาณ 18.00 น. เวลานี้ความมืดได้เข้ามาแทรกเรียบร้อยแล้ว แต่โชคดีของ จขกท. ได้เอาตะเกียงชาร์จแบตได้ไป เลยเอาไปเปิดรอเวลาที่ทางอุทยานจะจ่ายไฟให้กับทางห้องพัก ซึ่งทางอุทยานจะมีเวลาจ่ายไฟคือ 18.00 - 21.00 หลังจากนั้นทุกอย่างจะมืดอีกครั้ง การมาทริปนี้...เราจะสามารถคุยกับคนข้างๆได้มากขึ้น เนื่องจากสัญญาณอินเตอร์เนตไม่ได้แรงเหมือนอย่างเมืองกรุง ติดบ้างไม่ติดบ้างแล้วแต่โชคจะเอื้ออำนวย
หลังจากขับรถตะลอนๆกันมาเกือบจะทั้งวัน ท้องที่อิ่มสุด บวกกับบรรยากาศที่เย็นสบาย การที่เราจะหลับตั้งแต่ 3 ทุ่ม ก็ไม่ใช่เรื่องยากนักหรอกค่ะ.....ราตรีสวัสดิ์
*************************************************************************************************

ไฮไลท์ที่สำคัญของทริปนี้มาถึงแล้ว...พระอาทิตย์ขึ้นในดงหมอก จขกท.ตื่นประมาณตี 5 กว่าๆ เพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินกูดดอย มาถึงพบว่ามีนักท่องเที่ยวท่านอื่นมารอดูเช่นกัน อากาศในตอนเช้าของที่นี่ไม่ถือว่าหนาวจนสั่นนะคะ ใส่เสื้อกันหนาวตัวเดียวก็โอเคแล้วค่ะ
และแล้ว....พระเอกของเราก็เดินทางมาถึงค่ะ



จากนั้น..เราก็กลับที่พัก เก็บของใช้ส่วนตัวของเรา อย่าลืม! เอาขยะจากบ้านพักลงมาทิ้งด้านล่างด้วยนะคะ ทางอุทยานมีถังขยะแยกประเภทให้ แล้วกุญแจบ้านพักไปคืนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
หากใครต้องการพาสปอร์ตอุทยานหรือโปสการ์ด ของที่ระลึก สามารถติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้เช่นกันนะคะ
จากนั้น...มุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งชีวิตจริง...กรุงเทพมหานคร (เสียงมันก็จะอ่อยๆหน่อยนะ)
*************************************************************************************************

ส่วนตัวของ จขกท.แล้ว ทริปนี้ไม่ได้แอดเวนเจอร์เท่าไร แต่ถือว่าเหมือนเราได้ไปในสถานที่ที่เหมือนหยุดเวลา...หยุดความเร่งรีบของเรา..ด้วยธรรมชาติรอบๆตัว
==>>>ในเรื่องค่าใช้จ่ายมีประมาณนี้นะคะ
1. ค่าน้ำมัน 1,000 บาท (ถนนปกติขับด้วยความเร็วประมาณ 90-120 ส่วนทางโค้งทางหลุม ใช้เกียร์ S ไม่เกินเกียร์ 2)
2. ค่าที่พัก 1,500 บาท
3. ค่ากิน 1,500 บาท
รวม 2 คนเท่ากับ
4,000 บาท
==>> สิ่งที่อยากจะเตือน
1. อยากจะเตือนเรื่องการขับรถในทางโค้ง จขกท. เข้าใจนะคะว่าใครก็อยากจะไปชมวิวเร็วๆ แต่อย่าขับแซงกันบนทางขึ้นเราดีกว่าค่ะ เพราะมีจุดอับบางจุดที่เรามองไม่เห็น บางจุดกระจกช่วยมองยังแตก ใช้ความระมัดระวังให้มากๆในการขับขี่นะคะ
2. แนะนำให้ติดตะเกียงชาร์จแบตได้ไปด้วยนะคะ เผื่อเวลาฉุกเฉิน
3. รถเล็กสามารถไปได้ค่ะ แต่อาจจะลำบากหน่อย สงสารท้องรถเวลาเจอหลุมด้วย เพระบนเขามีดินถล่ม ทางก็จะมีเป็นหลุมลึกบ้าง แนะนำเป็นรถยกสูงหน่อยน่าจะโอเคกว่า
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ...ถ้าใครสนใจหลังไมค์มาถามได้ค่ะ ยินดีแชร์ข้อมูล
"...ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะ..."
2 วัน 1 คืน : หนีเมืองกรุงไปซุกหมอกที่ทองผาภูมิ ((ฉบับขับรถไปเอง))
ถ้าต้องการแนะนำหรือติชมประการใด สามารถบอก จขกท. ได้เลยนะคะ
*************************************************************************************************
ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยวต่างจังหวัดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้อยากไปไกลมากเอาที่ขับรถไปไหว+วันหยุดของมนุษย์เงินเดือนก็ไม้ได้มีเยอะมากมาย ตัวเลือกที่ผ่านเข้ารอบชิงจึงอยู่ในแถบตะวันตก เพราะอยากไปสัมผัสอากาศเย็นๆ หาออกซิเจนเข้าปอด และแจ็คพอตจึงตกเป็นของ >>> อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี !!!! ((ถ้าทำเสียงแบบมิสแกรดนด์เข้าประกวดจะได้ฟีลมากกกก))
ลองกดดู Google map ก่อนเลย ผลที่ได้คือ ... "340 กว่ากิโล + ประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง"... ก็คิดว่าน่าจะไหวแหละ (มั้ง)
ถ้าลองเสิร์จดูในหลายๆกระทู้ จะมีทั้งการนอนเต๊นท์และนอนบ้านพักของอุทยานฯ แต่ด้วยความที่ จขกท.ไม่เคยท่องเที่ยวแล้วนอนแบบเต๊นท์เลย การนอนบ้านพักอุทยานฯจึงกลายมาเป็นตัวเลือกหลักในครั้งนี้
ว่าแต่...บ้านพักอุทยานมันเป็นแบบใหนหว่า...ไม่เคยไปพักซะด้วยสิ????
แหม่....ในยุคสมัยดิจิตอลแบบนี้ ก็มีตัวเลือกที่สะดวกมากขึ้น สามารถเข้าจองผ่านเว็บไซต์ได้เลยค่ะ >>> http://nps.dnp.go.th/reservation.php แค่ใส่ข้อมูลเพื่อสมัครสมาชิก เลือกอุทยานฯ เลือกแบบที่พัก ซึ่งจะมีรูป ราคา และรายละเอียดที่พักครบถ้วน เสร็จแล้วปริ้น Pay-in Slip ไปจ่ายที่ธ.ภายในระยะเวลาที่กำหนด ง่ายมากๆเลยค่ะ...ขอบอก
ทีพักพร้อม...คนพร้อม...รถพร้อม...และที่สำคัญเงิน(เกือบจะ)พร้อม วันเดินทางก็มาถึง!!!!
*************************************************************************************************
ตลอดทางก็จะมีปั๊ม...และเกือบทุกปั๊มจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว...คิดในใจ...ไปที่เดียวกะตูแน่ๆเลย
แต่! พอเข้ามาถึงอ.ทองผาภูมิเท่านั้นล่ะ รถเริ่มบาง....เริ่มรู้สึกเหงา ประกอบกับคนข้างๆ กำลังจะหลับแล้วเช่นกัน 55+ ถนนหนทางยังโอเคนะ เป็นลาดยางยาวพร้อมกับมีต้นไม้สูงที่โค้งโน้มลงมาเหมือนจะเป็นอุโมงค์เลย แต่! อย่าเพิ่งดีใจไป...ด่านบอสรอคุณอยู่สถานีถัดไปค่ะ
สัจธรรมจะเริ่มเข้ามาทำงานตอนคุณเห็นความคดเคี้ยวของ google map + หลุมบ่อเริ่มมาให้เห็น มีทั้งหลุมเล็กหลุมใหญ่ + ทางโค้งที่โค้งแบบ continue ที่หักพวงมาลัยทีเหมือนแขนมันจะพันกัน พร้อมป้ายเตือนตลอดทางว่า "ระวัง!ไหล่ทางชำรุด", "กรุณาใช้เกียร์ต่ำ" ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ ขับเรื่อยๆไม่ต้องรีบนะ จะมีรถสวนมาเป็นระยะๆ เอาปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุดค่ะ
หลังจากมาทั้งโค้งทั้งหลุม แต่ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ มีทางอยู่เส้นเดียวนั่นแหละค่ะ ขับไปก็จะเห็นวิวธรรมชาติในมุมลึกที่ให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นโดรนที่บินๆอยู่แล้วมองลงไป แต่ไม่ได้แวะเพื่อลงถ่ายรูปกลางทางนะคะ เพราะจะเป็นการกีดขวางเส้นทางนักท่องเที่ยวท่านอื่นด้วย เราเที่ยวแบบมีน้ำใจกันดีกว่าเนอะ ^^
ประมาณ 14.00 เราก็มาถึง "จุดชมวิว กม.12 " วิวที่ได้มาเจอ...บอกได้คำเดียวว่า "คุ้มแล้วกับหลุมที่ขับผ่านมา"
หลังจากนั่งพักผ่อนชมวิวกินแตงโตจนพอใจแล้ว กลับสู่ความโค้งอันแสนสนุกอีกประมาณ 10 กม. มันจิ๊บๆมากค่ะ ถ้าเทียบกับโค้งที่เราผ่านมาก่อนหน้านี้ แล้วเราก็มาถึงที่หมายของเรา....อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
เราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่ป้อมด้านหน้าอุทยานก่อนนะคะ หลังจากจ่ายเสร็จเรียบร้อย พี่เจ้าหน้าที่จะให้บัตรผ่านเรามา ซึ่งบัตรผ่านนี้สามารถไปยื่นที่น้ำตกจ๊อกกระดิ่นได้ด้วยนะคะ หลังจากนั้น...เราก็มารับกุญแจห้องพักที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ยืนใบเสร็จที่เราจ่ายเงินค่าที่พักให้กับพี่เจ้าหน้าที่ เราสามารถขับรถไปจอดในบริเวณใกล้ๆที่พักได้เลยนะคะ แนะนำให้ขับรถเกียร์ต่ำนะคะ...ทางที่เราไปจะมีความชันเล็กน้อย
ไปตามบ้านที่เราจองไว้ได้เลยยย... จขกท.จอง "บ้านทาร์ซาน 6"
มาถึง...เราจะเห็นว่าบ้านพักเราเหมือนถูกกอดด้วยต้นไม้รอบด้าน เป็นช่วงเวลาบ่ายที่อากาศเย็นสบาย ไม่เย็นหรือไม่ร้อนจนเกินไป
แต่เราต้องจัดการเก็บของไว้ในบ้านพักก่อนเลยค่ะ....เพราะพยาธิในท้องเริ่มตั้งม๊อบประท้วงแล้ว เราตัดสินใจเดินไปฝากท้องกันที่ "ร้านค้าสวัสดิการอุทยานฯ" ค่ะ
เดินกินลมชมวิวแก้หิวกันเนอะ
สภาพภายนอกของภัตตาคารเราจะเป็นไม้ยกพื้นสูง ให้อารมณ์วินเทจสุดๆ
ด้วยความคิดไม่ออก เราเลือกสั่งเมนูเบสิกสุด คือ ไข่เจียวหมูสับ ผัดกะเพราหมูสับ ต้มยำไก่ ...ถ้าจะให้รีวิวรสชาติ บอกได้คำเดียวว่า...แทบอยากจะอุ้มแม่ครัวกลับบ้าน!!! โดยเฉพาะ"ต้มยำไก่" นี่ จขกท.ต้องขอ Recommended .....พี่แม่ครัวใส่เครื่องได้ถึงรสจริงๆค่ะ
แต่ตอนนี้เวลาแค่ 17.30 เลยลองไปสำรวจเนินกูดดอยก่อนเลย
ถ้าบอกว่าวิวในมุมกว้างที่ จุดชมวิว กม.12 สวยแล้ว จขกท.ก็อยากจะบอกว่า...ที่เนินกูดดอยยิ่งสวย เพราะมองออกไปจะให้ความรู้สึกว่า เรามีภาพทิวทัศน์มาล้อมตัวเราไว้ อากาศก็ดีมากๆเลยล่ะค่ะ
อีกซักครู่ก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตก...เราก็พากันเดินไปตามทาง ทั้งสองเนินอยู่ไม่ไกลกันเลยค่ะ คุณจะได้เจอคนมากางเต๊นท์อยู่ระหว่างทั้งสองเนิน ทำกับข้าวด้วยแก๊สกระป๋อง มีทั้งแบบครอบครัวและแบบคู่รักที่มาสวีทกัน แต่จุดสังเกตที่สำคัญคือ....คนที่มาพักที่นี่ไม่มีการส่งเสียงรบกวนแขกท่านอื่นนะคะ เหมือนทุกคนมาพักเพื่อกินบรรยากาศดีๆ ใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวเรื่อยๆ ซึ่งเหมาะแก่การชาร์จแบตตัวเองมากๆค่ะ
เราเดินมาถ่ายพี่พระอาทิตย์ของเราตกดินที่เนินช้างเผือก อากาศเริ่มเย็นขึ้นแล้วล่ะค่ะ บรื๋ออออ (ในใจเอาแต่คิดว่า...จะอาบน้ำดีมั๊ยนะ
เราเดินกลับมาถึงบ้านทาร์ซานของเราในเวลาประมาณ 18.00 น. เวลานี้ความมืดได้เข้ามาแทรกเรียบร้อยแล้ว แต่โชคดีของ จขกท. ได้เอาตะเกียงชาร์จแบตได้ไป เลยเอาไปเปิดรอเวลาที่ทางอุทยานจะจ่ายไฟให้กับทางห้องพัก ซึ่งทางอุทยานจะมีเวลาจ่ายไฟคือ 18.00 - 21.00 หลังจากนั้นทุกอย่างจะมืดอีกครั้ง การมาทริปนี้...เราจะสามารถคุยกับคนข้างๆได้มากขึ้น เนื่องจากสัญญาณอินเตอร์เนตไม่ได้แรงเหมือนอย่างเมืองกรุง ติดบ้างไม่ติดบ้างแล้วแต่โชคจะเอื้ออำนวย
หลังจากขับรถตะลอนๆกันมาเกือบจะทั้งวัน ท้องที่อิ่มสุด บวกกับบรรยากาศที่เย็นสบาย การที่เราจะหลับตั้งแต่ 3 ทุ่ม ก็ไม่ใช่เรื่องยากนักหรอกค่ะ.....ราตรีสวัสดิ์
*************************************************************************************************
และแล้ว....พระเอกของเราก็เดินทางมาถึงค่ะ
จากนั้น..เราก็กลับที่พัก เก็บของใช้ส่วนตัวของเรา อย่าลืม! เอาขยะจากบ้านพักลงมาทิ้งด้านล่างด้วยนะคะ ทางอุทยานมีถังขยะแยกประเภทให้ แล้วกุญแจบ้านพักไปคืนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
หากใครต้องการพาสปอร์ตอุทยานหรือโปสการ์ด ของที่ระลึก สามารถติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้เช่นกันนะคะ
จากนั้น...มุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งชีวิตจริง...กรุงเทพมหานคร (เสียงมันก็จะอ่อยๆหน่อยนะ)
*************************************************************************************************
==>>>ในเรื่องค่าใช้จ่ายมีประมาณนี้นะคะ
1. ค่าน้ำมัน 1,000 บาท (ถนนปกติขับด้วยความเร็วประมาณ 90-120 ส่วนทางโค้งทางหลุม ใช้เกียร์ S ไม่เกินเกียร์ 2)
2. ค่าที่พัก 1,500 บาท
3. ค่ากิน 1,500 บาท
รวม 2 คนเท่ากับ 4,000 บาท
==>> สิ่งที่อยากจะเตือน
1. อยากจะเตือนเรื่องการขับรถในทางโค้ง จขกท. เข้าใจนะคะว่าใครก็อยากจะไปชมวิวเร็วๆ แต่อย่าขับแซงกันบนทางขึ้นเราดีกว่าค่ะ เพราะมีจุดอับบางจุดที่เรามองไม่เห็น บางจุดกระจกช่วยมองยังแตก ใช้ความระมัดระวังให้มากๆในการขับขี่นะคะ
2. แนะนำให้ติดตะเกียงชาร์จแบตได้ไปด้วยนะคะ เผื่อเวลาฉุกเฉิน
3. รถเล็กสามารถไปได้ค่ะ แต่อาจจะลำบากหน่อย สงสารท้องรถเวลาเจอหลุมด้วย เพระบนเขามีดินถล่ม ทางก็จะมีเป็นหลุมลึกบ้าง แนะนำเป็นรถยกสูงหน่อยน่าจะโอเคกว่า
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ...ถ้าใครสนใจหลังไมค์มาถามได้ค่ะ ยินดีแชร์ข้อมูล
"...ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะ..."