OutLaw King : คริสไพน์กับบทบาทกษัตริย์นอกขัตติยะ


สวัสดีค่ะ ครั้งแรกกับการรีวิวหนังจาก Netflix ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะดูเรื่องนี้ แต่เพราะว่ามันว่าง + ไม่ได้เอาหูฟังมา แล้วเราต้องนั่งรถทางไกล อยากจะหาอะไรทำ เลยเปิด Netflix อ่าน Subtitle เอา เห็นโปสเตอร์เท่ดีเลยเข้าไปกดดูสักหน่อย โดยปกติที่เราเคยดูหนังใน Netflix จะมีความรู้สึกว่าทำในช่วงแรกมาซะยืดยาว พอถึงเวลาใกล้จะจบก็รวบรัดจบเอาเสียดื้อๆ ความคาดหวังในเรื่อง OutLaw King จึงมีไม่มากนักค่ะ

OutLaw King เล่าถึงยุคที่อังกฤษถือโอกาสชุลมุนเข้ายึดครองสกอตแลนด์ในช่วงศตวรรษที่ 14 ตัวละครเอกโรเบิร์ต เดอะ บรูซ (คริส ไพน์) บุตรขุนนางผู้มีสิทธิ์ในบัลลังก์ (สมัยนั้นตระกูลไหนเข้มแข็ง, เป็นพระญาติคุณก็มีสิทธิ์ครองบัลลังก์จ้า) เขาอดทนความเอาเปรียบ ขูดรีดภาษี และข่มเหงสตรีไม่ไหวจึงลุกขึ้นมาต่อต้านอังกฤษ และตั้งตนเองเป็นกษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ โรเบิร์ตต้องอดทนกับด่านทดสอบอันยากลำบาก ความไม่สามัคคีกันของขุนนางตระกูลต่างๆ ในสกอตแลนด์ที่พยายามชิงบัลลังก์กันเอง และความพยายามที่จะต่อสู้กับกองทัพอังกฤษที่สมัยนั้นเชื่อกันว่าเป็นกองทัพที่ดีที่สุดในโลก




การแสดงของคริสไพน์ ในบทโรเบิร์ต เดอะ บรูซ ชายผู้สุขุม และเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจ การแสดงออกผ่านสายตาของคริสไพน์ค่อนข้างดีมาก ต้องบอกก่อนว่าเขาไม่ได้เล่นเป็นหนุ่มน้อยนะคะ เล่นเป็นผู้ชายวัยกลางคน หนวดเริ่มหงอกแล้ว ก็ค่อนข้างเซอร์ไพร์สที่ได้เห็นเขาในมุมนี้เหมือนกัน (ติดภาพกัปตันเจมส์ทีเคริกผู้หล่อเหลาไง) ความที่เขาเป็นตัวเอกของเรื่องแสดงตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้าย เราจะเห็นได้เลยว่าตัวเขาเองไม่อยากก้มหัวให้กับพระราชาอัลเบิร์ตที่ 1 แห่งอังกฤษ และพยายามกดเก็บมันไว้จนพ่อตนเองเสียชีวิต เขาจึงตระบัดสัตย์ต่อคัมภีร์ไบเบิ้ลที่สาบานไว้ว่าจะภักดีต่อพระราชาอัลเบิร์ตที่ 1 ทำให้โรเบิร์ตกลายเป็นคนนอกกฎหมาย และนอกศาสนา (สมัยนั้นโบสถ์และการเมืองคือเรื่องเดียวกัน) ไปโดยที่ตนเองไม่ได้ต้องการเช่นนั้นเลย



นางเอกเอลิซาเบธ เด เบิร์ก บุตรสาวบุญธรรมของพระราชาอัลเบิร์ตที่ 1 รับบทโดยฟลอเรนซ์ พิว นักแสดงสาวชาวอังกฤษ เราว่าดีมากที่ใส่เรื่องความรักเข้ามาให้พระเอกวุ่นวายใจเพิ่ม รบก็ต้องรบ เมียกับลูกยังโดนพวกอังกฤษจับไปอีก ในตอนแรกดูเหมือนว่าพระเอกจะไม่ได้ชอบนางเอกเลยค่ะ แต่เพราะความน่ารัก กล้าหาญ และความใส่ใจที่เอลิซาเบตมีให้ลูกสาวของพระเอก (กับเมียเก่าที่ตายระหว่างคลอดลูก) ทำให้ความประทับใจกลายเป็นความรักได้ในที่สุด



ส่วนตัวละครที่เราชื่นชอบที่สุดในเรื่อง ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือ เจมส์ ดักลาส (แอรอน เทล์เลอร์ จอห์นสัน) ชายผู้สูญเสียศักดินา (ที่ดิน) ของตระกูลให้กับกษัตริย์ชาวอังกฤษ เขาสวามิภักดิ์ต่อโรเบิร์ต รบเคียงบ่าเคียงไหล่ เราชอบคาเรคเตอร์ตัวละครตัวนี้มาก ใบ้นิดหนึ่งว่าเขาบ้าดีเดือด ไปลองชมดูนะคะ สะใจมาก!

เราชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ตรงที่ได้เห็นวัฒนธรรมเห็นสกอตแลนด์, ภูมิประเทศอันงดงาม, การใช้ชีวิตแบบชาวเกาะ, การใช้ชีวิตแบบสังคมเกษตรกร เขาจะร้องเพลงด้วยกันเสมอเวลาลงแรงทำงาน คล้ายกับประเทศไทยของเราเลยที่ต้องร้องเพลงเกี่ยวข้าว คาดว่าคงใส่จุดนี้เข้ามาเพื่อให้คนดูรู้สึกว่าสกอตแลนด์นี้รักสงบ แต่เพราะอังกฤษเขามาพวกเขาจึงอยู่กันแบบยากแค้น ต้องเสียภาษี จึงต้องลุกขึ้นมาสู่ แม้ว่าจะไม่ได้เก่งกาจเท่าอังกฤษแต่คนในพื้นที่ย่อมรู้จักภูมิประเทศได้ดีกว่าจึงเป็นข้อได้เปรียบในการสู้รบ



การดำเนินเรื่องของ Outlaw King ไม่ยืดยาด ค่อนข้างรวดเร็วเลยทีเดียว และไม่ได้ตัดจบแบบกูอยากให้จบแล้วก็จบเหมือนหนังบางเรื่องใน Netflix หนังจบหลังจากที่โรเบิร์ตรบกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ค บุตรชายโรคจิตของพระราชาอัลเบิร์ตที่ 1 ที่อยากจะ Out Standing จากเงาของพ่อ ฉากสู้รบทำออกมาได้สนุก สะใจ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเน้นซีนหลบหนี ซีนอารมณ์มากกว่า ถือว่าทำออกมาได้สนุกพอสมควรเลยค่ะ

ในช่วงนี้ใครอยากจะดู Netflix แล้วยังหาเรื่องดูไม่ได้ ตัดสินใจไม่ได้สักที เราว่าเรื่องนี้ค่อนข้างโอเคเลยนะ ดูเพลินๆ 120 นาที ไม่ผิดหวังค่ะ เพราะไม่ได้หวังตั้งแต่แรก เอ้ายังไง ฮ่าๆๆ 7.5/10 คะแนนจ้า

ฝากกดติดตามด้วยนะคะ / แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
Page : จะดูหนังอ่ะ
Twitter : JarDoMovie
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่