สวัสดีครับ ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ระบายความรู้สึกที่ผมไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้หน่อยนะครับ
ผมอายุ 31 ปีครับ สถานะเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง (ก็คงเกย์นั่นแหละ)
ผมถูกแฟนผมบอกเลิกอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วขณะที่เราทั้งคู่ตื่นในตอนเช้า โดยไม่มีสัญญาณเตือนอะไรล่วงหน้า เพราะเราสองคนไม่เคยทะเลาะอะไรกันเลยครับ อย่างมากที่สุดก็แค่งอลกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้ว โดยถ้าใครงอลก่อน อีกฝ่ายจะเป็นเข้ามาง้อก่อนอย่างนี้ทุกรอบครับ โดยเหตุผลที่เค้าขอเลิกกับผมเพราะเค้ารู้สึกดีกับอีกคนนึงมากกว่าผมแล้ว.... ซึ่งคน ๆ นั้นเป็นเพื่อนที่ผมแนะนำให้แฟนผมได้รู้จัก
จริง ๆ แล้วผมเองก็ผ่านเรื่องความรักมาหลาย ๆ ครั้ง มีภูมิต้านทานความเศร้าเรื่องความรักในระดับที่น่าจะดีมากในระดับหนึ่งทีเดียว คงมีครั้งนี้อีกครั้งหละครับที่ทำให้ผมซวนเซไปมาก หลังจากที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานนับตั้งแต่เมื่อ 11 ปีก่อนหน้า ซึ่งแฟนผมคนแรกที่เป็นผู้ชายเสียชีวิตก่อนหน้าวันเกิดผมเพียง 1 วัน โดยมีผมเป็นสาเหตุทางอ้อม (เค้าประสบอุบัติเหตุหลังจากกลับการที่เค้าไปซื้อของขวัญวันเกิดให้ผม) โดยการเสียชีวิตของเค้าเกิดขึ้นเพียง 3 เดือน หลังจากการเสียชีวิตของแฟนผู้หญิงคนแรกและคนเดียวในชีวิตผม จากการฆ่าตัวตายด้วยภาวะโรคซึมเศร้าครับ (ตอนนั้นเราเลิกกันเกือบ 4 ปีได้แล้วครับ)
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเคยผ่านเรื่องแย่ ๆ มาขนาดไหน แต่การโดนบอกเลิกในครั้งนี้มันทำให้ผมรู้สึกแย่กับตัวเองมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรียกได้ว่าช่วงสัปดาห์แรกผมทำงานแทบจะไม่ได้เลยครับ สมาธิฟุ้งซ่าน นั่งทำงานอยู่ดีๆ บางทีก็น้ำตาไหลออกมาเอง ในสมองนี่เต็มไปด้วยคำถามว่า "ทำไม" "เพราะอะไร" เต็มไปหมดเลยครับ ทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่าจะคิดมากไปทำไม ต่อให้ได้คำตอบมาก็ไม่ทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิม หรือดีขึ้นมาได้
ตอนที่เค้าขอลดความสัมพันธ์กลับมาอยู่ในสถานะ "เพื่อน" เหมือนเดิม ผมได้แต่ถามเค้าว่าคิดดีแล้วใช่ไหม จะอึดอัดน้อยลงใช่มั้ย ถ้าเค้ามีความสุขผมจะยอมถอนตัวออกมาก็ได้ มันก็น่าแปลกที่ถึงแม้ผมจะพูดอย่างนั้นออกไป แต่ในใจผมกลับไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย ผมยังรักเค้าอยู่ และไม่อยากสูญเสียเค้าไปด้วยซ้ำ (ผมรู้มาตลอดครับ ว่าเค้าคบ 3 คน เพราะผมนี่หละที่เป็นคนอนุญาต ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง เพราะตอนแรกเพื่อนคนนี้ก็เข้าชอบผมด้วย ผมเลยบอกว่าถ้าอยากคบ 3 คนลองไปถามแฟนผมเอง เพราะผมตามใจแฟน .... ซึ่งมานั่งคิดดูแล้ว จริง ๆ แล้วมันอาจจะเป็นตัวผมเองที่ทำสร้างโอกาสให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้นมา)
มีอยู่ช่วงนึงที่ผมไปร้องไห้ บอกกับแฟนว่าว่าผมยอมรับได้ในการเป็นคนเป็นลำดับที่สอง แม้ว่าผมจะมาก่อน ยอมเพื่อจะให้เค้าไม่เลิกกับผม (แต่สมองส่วนตรรกะจะคิดก่อนว่า.... ไอ้ที่ทำอยู่นี่มันโง่มาก มันไม่ได้ทำให้เค้ากลับมารักผม แถมสิ่งที่อยู่ทำให้ตัวผมดูไร้ศักดิ์ศรีเข้าไปอีก)
ตอนที่คุยกัน 3 คนเพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่มากก็คือ ดูแฟนผมเค้าจะแคร์ความรู้สึกเพื่อน จนไมได้แคร์ความรู้สึกผมอีกต่อไป จนบางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ผมแคร์ความรู้สึกเค้า คิดถึงความสุขเค้ามาก่อน... แล้วเค้าหละ แคร์ความรู้สึกผมบ้างมั้ย
ส่วนเพื่อนผมที่เข้ามาทีหลัง แล้วกลายเป็นสถานะแฟนตัวจริง... ยอมรับตรง ๆ เลยครับว่าตอนแรกผมเองโกรธและอยากด่าเค้ามาก ว่าทำไมเค้าถึงทำแบบนี้ได้ลงคอ สงสัยผมคงจะเอาบรรทัดฐานตัวเองไปใช้กับเค้า เลยคิดว่าเค้าจะยอมถอยออกไปเอง ในฐานะคนมาทีหลัง และในฐานะเพื่อนคนนึงที่จะไม่น่าจะทำร้ายเพื่อนด้วยกัน ..... แต่ผมคิดผิดถนัด จนตอนนี้เราสองคนมองหน้ากันไม่ติด (ยอมรับว่าถึงตอนนี้จะใจเย็นลง อโหสิกรรมให้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถกลับไปคุยเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้ เพราะรู้สึกได้เลยว่า เพื่อนผมคนนี้ไม่ได้รู้สึกผิดเลยกับการกระทำของตัวเค้าเอง)
หลังจากเลิกกันแล้ว.... สถานะที่เรากลายเป็นเพื่อนกัน ผมชวนเค้าไปออกกำลังกาย ไปเดินเล่นหาอะไรกิน ไปดูหนัง ตอนที่อยู่กับเค้าเหมือนผมมีความสุขครับ แต่พอตอนแยกจากเมื่อไร ผมจะกลับมาดาวน์เหมือนเดิม รู้สึกแย่ทุกครั้ง สิ่งที่เคยทำได้เมื่อตอนเป็นแฟนกัน เช่น การเดินจับมือกัน การเดินโอบกัน การหอมแก้ม การจูบ.... ผมกลับทำไม่ได้แล้ว
มีเพื่อนผมหลายคนบอกว่า ทำไม

ต้องทำร้ายตัวเองด้วยการไปเจอเค้า ..... นั่นหนะสิ ผมก็ถามตัวเองตลอด ทำไมกรูต้องทำร้ายตัวเองให้เจ็บไปมากกว่านี้ด้วย ทำไมไม่ตัดขาดไปเลย หรือเราให้ตัดใจจากเค้าได้หมดเสร็จแล้วค่อยกลับไปคุยแบบเพื่อน
วันเสาร์ที่เพิ่งผ่านมา ผมชวนเค้าไปกินหาอะไรกินกันหลังจากออกกำลังกายเสร็จ.... เค้าบอกว่าจะชวนผมไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนเค้า ซึ่งมีแฟนใหม่ไปด้วย
ไม่อยากจะบอกว่าเป็นการกินข้าวที่โครตทรมาน และอึดอัดที่สุดในชีวิตผมเลยครับ แต่ก็ต้องปั้นหน้าให้ยิ้มแย้มให้ได้ ทั้งที่ในใจแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว
แต่เอาจริง ๆ การไปในครั้งนั้นมันอาจจะทำให้ผมตัดใจจากแฟนผมเร็วขึ้นก็ได้ ทำให้ผมกลับมานั่งคิดจริงจังว่าอย่างน้อยผม ผมควรรักตัวผมเองให้มากกว่านี้ เลิกทำร้ายความตัวเองด้วยการไปยึดติดกับความสุขที่เกิดขึ้นในอดีต เลิกเป็นห่วงเค้าได้แล้ว...ให้แฟนเค้าทำหน้าที่ดูแลเค้าไป แล้วก็หัดเป็นห่วงตัวเองให้มากขึ้นด้วย แล้วก็ควรจะยินดีกับเค้าที่เค้ามีความสุขมากกว่ามานั่งคิดให้คนสองคนเลิกกัน (แม้ว่าบางเสี้ยวความคิดลึก ๆ ผมก็อยากให้เค้าเลิกกัน) แล้วก็ควรจะเลิกหวังได้แล้วว่าถ้าเค้าเลิกกัน แล้วจะกลับมาคบกับผมใหม่
ผมเองก็คงไม่รู้หรอกว่า เค้าสองคนจะคบกันได้นานมั้ย แต่เวลาได้เห็นสีหน้าที่มีความสุขของแฟนที่ตอนนี้มีคนที่สามารถดูแลเค้าได้ดีกว่าผม นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เราสองคนได้ทำอะไรต่าง ๆ ด้วยกัน ตลอดช่วงที่เป็นแฟนกัน เค้าก็คอยดูแลเทคแคร์ผมอย่างดี มันก็ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ แม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มปนน้ำตาความเศร้าของตัวผมเอง ที่เกิดจากการตัดความรู้สึกของตัวผมเองให้ไม่มีเค้าไม่ขาดสักที (แล้วก็คงไม่มีวันตัดขาดได้ด้วย)
อย่างน้อยที่สุด สิ่งทีผมได้บอกกับตัวเองคือ อย่างน้อยเค้าก็ยังอยู่บนโลกใบนี้นะ เรายังสามารถคุยกันได้อยู่ แม้ว่าสถานะจะไม่เหมือนเดิมก็ตาม
สิ่งที่ตัวผมต้องพยายามทำคือ การเลิกฝันลม ๆ แล้ง ๆ และก้าวเดินต่อไปบนความจริงให้ได้ (แม้ว่าจะทำได้ยาก...แต่ก็ไม่ทำไม่ได้) และคิดปลอบตัวเองสะว่าเค้าเปิดโอกาสให้ผมได้ไปเจอคนที่เหมาะสมกว่า (เจอเหตุการณ์คราวนี้....ผมยอมรับตรง ๆ ว่าถ้ามีรักครั้งใหม่ก็คงอดกลัวไม่ได้ว่าจะซ้ำรอย แบบคราวนี้ )
ท้ายนี้ ใครพอจะมีวิธีอะไร ทำให้เลิกนึกถึงแฟนเก่าได้ วิธีที่ทำให้คุยกับแฟนเก่าในสถานะเพื่อนได้
หรือวิธีที่ทำให้จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ก็แนะนำมาได้นะครับ
ขอบคุณครับ
บางครั้งความรักก็ทำให้เจ็บปวด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถตัดใจได้สักที
ผมอายุ 31 ปีครับ สถานะเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง (ก็คงเกย์นั่นแหละ)
ผมถูกแฟนผมบอกเลิกอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วขณะที่เราทั้งคู่ตื่นในตอนเช้า โดยไม่มีสัญญาณเตือนอะไรล่วงหน้า เพราะเราสองคนไม่เคยทะเลาะอะไรกันเลยครับ อย่างมากที่สุดก็แค่งอลกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้ว โดยถ้าใครงอลก่อน อีกฝ่ายจะเป็นเข้ามาง้อก่อนอย่างนี้ทุกรอบครับ โดยเหตุผลที่เค้าขอเลิกกับผมเพราะเค้ารู้สึกดีกับอีกคนนึงมากกว่าผมแล้ว.... ซึ่งคน ๆ นั้นเป็นเพื่อนที่ผมแนะนำให้แฟนผมได้รู้จัก
จริง ๆ แล้วผมเองก็ผ่านเรื่องความรักมาหลาย ๆ ครั้ง มีภูมิต้านทานความเศร้าเรื่องความรักในระดับที่น่าจะดีมากในระดับหนึ่งทีเดียว คงมีครั้งนี้อีกครั้งหละครับที่ทำให้ผมซวนเซไปมาก หลังจากที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานนับตั้งแต่เมื่อ 11 ปีก่อนหน้า ซึ่งแฟนผมคนแรกที่เป็นผู้ชายเสียชีวิตก่อนหน้าวันเกิดผมเพียง 1 วัน โดยมีผมเป็นสาเหตุทางอ้อม (เค้าประสบอุบัติเหตุหลังจากกลับการที่เค้าไปซื้อของขวัญวันเกิดให้ผม) โดยการเสียชีวิตของเค้าเกิดขึ้นเพียง 3 เดือน หลังจากการเสียชีวิตของแฟนผู้หญิงคนแรกและคนเดียวในชีวิตผม จากการฆ่าตัวตายด้วยภาวะโรคซึมเศร้าครับ (ตอนนั้นเราเลิกกันเกือบ 4 ปีได้แล้วครับ)
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเคยผ่านเรื่องแย่ ๆ มาขนาดไหน แต่การโดนบอกเลิกในครั้งนี้มันทำให้ผมรู้สึกแย่กับตัวเองมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรียกได้ว่าช่วงสัปดาห์แรกผมทำงานแทบจะไม่ได้เลยครับ สมาธิฟุ้งซ่าน นั่งทำงานอยู่ดีๆ บางทีก็น้ำตาไหลออกมาเอง ในสมองนี่เต็มไปด้วยคำถามว่า "ทำไม" "เพราะอะไร" เต็มไปหมดเลยครับ ทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่าจะคิดมากไปทำไม ต่อให้ได้คำตอบมาก็ไม่ทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิม หรือดีขึ้นมาได้
ตอนที่เค้าขอลดความสัมพันธ์กลับมาอยู่ในสถานะ "เพื่อน" เหมือนเดิม ผมได้แต่ถามเค้าว่าคิดดีแล้วใช่ไหม จะอึดอัดน้อยลงใช่มั้ย ถ้าเค้ามีความสุขผมจะยอมถอนตัวออกมาก็ได้ มันก็น่าแปลกที่ถึงแม้ผมจะพูดอย่างนั้นออกไป แต่ในใจผมกลับไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย ผมยังรักเค้าอยู่ และไม่อยากสูญเสียเค้าไปด้วยซ้ำ (ผมรู้มาตลอดครับ ว่าเค้าคบ 3 คน เพราะผมนี่หละที่เป็นคนอนุญาต ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง เพราะตอนแรกเพื่อนคนนี้ก็เข้าชอบผมด้วย ผมเลยบอกว่าถ้าอยากคบ 3 คนลองไปถามแฟนผมเอง เพราะผมตามใจแฟน .... ซึ่งมานั่งคิดดูแล้ว จริง ๆ แล้วมันอาจจะเป็นตัวผมเองที่ทำสร้างโอกาสให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้นมา)
มีอยู่ช่วงนึงที่ผมไปร้องไห้ บอกกับแฟนว่าว่าผมยอมรับได้ในการเป็นคนเป็นลำดับที่สอง แม้ว่าผมจะมาก่อน ยอมเพื่อจะให้เค้าไม่เลิกกับผม (แต่สมองส่วนตรรกะจะคิดก่อนว่า.... ไอ้ที่ทำอยู่นี่มันโง่มาก มันไม่ได้ทำให้เค้ากลับมารักผม แถมสิ่งที่อยู่ทำให้ตัวผมดูไร้ศักดิ์ศรีเข้าไปอีก)
ตอนที่คุยกัน 3 คนเพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่มากก็คือ ดูแฟนผมเค้าจะแคร์ความรู้สึกเพื่อน จนไมได้แคร์ความรู้สึกผมอีกต่อไป จนบางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ผมแคร์ความรู้สึกเค้า คิดถึงความสุขเค้ามาก่อน... แล้วเค้าหละ แคร์ความรู้สึกผมบ้างมั้ย
ส่วนเพื่อนผมที่เข้ามาทีหลัง แล้วกลายเป็นสถานะแฟนตัวจริง... ยอมรับตรง ๆ เลยครับว่าตอนแรกผมเองโกรธและอยากด่าเค้ามาก ว่าทำไมเค้าถึงทำแบบนี้ได้ลงคอ สงสัยผมคงจะเอาบรรทัดฐานตัวเองไปใช้กับเค้า เลยคิดว่าเค้าจะยอมถอยออกไปเอง ในฐานะคนมาทีหลัง และในฐานะเพื่อนคนนึงที่จะไม่น่าจะทำร้ายเพื่อนด้วยกัน ..... แต่ผมคิดผิดถนัด จนตอนนี้เราสองคนมองหน้ากันไม่ติด (ยอมรับว่าถึงตอนนี้จะใจเย็นลง อโหสิกรรมให้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถกลับไปคุยเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้ เพราะรู้สึกได้เลยว่า เพื่อนผมคนนี้ไม่ได้รู้สึกผิดเลยกับการกระทำของตัวเค้าเอง)
หลังจากเลิกกันแล้ว.... สถานะที่เรากลายเป็นเพื่อนกัน ผมชวนเค้าไปออกกำลังกาย ไปเดินเล่นหาอะไรกิน ไปดูหนัง ตอนที่อยู่กับเค้าเหมือนผมมีความสุขครับ แต่พอตอนแยกจากเมื่อไร ผมจะกลับมาดาวน์เหมือนเดิม รู้สึกแย่ทุกครั้ง สิ่งที่เคยทำได้เมื่อตอนเป็นแฟนกัน เช่น การเดินจับมือกัน การเดินโอบกัน การหอมแก้ม การจูบ.... ผมกลับทำไม่ได้แล้ว
มีเพื่อนผมหลายคนบอกว่า ทำไม
วันเสาร์ที่เพิ่งผ่านมา ผมชวนเค้าไปกินหาอะไรกินกันหลังจากออกกำลังกายเสร็จ.... เค้าบอกว่าจะชวนผมไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนเค้า ซึ่งมีแฟนใหม่ไปด้วย
ไม่อยากจะบอกว่าเป็นการกินข้าวที่โครตทรมาน และอึดอัดที่สุดในชีวิตผมเลยครับ แต่ก็ต้องปั้นหน้าให้ยิ้มแย้มให้ได้ ทั้งที่ในใจแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว
แต่เอาจริง ๆ การไปในครั้งนั้นมันอาจจะทำให้ผมตัดใจจากแฟนผมเร็วขึ้นก็ได้ ทำให้ผมกลับมานั่งคิดจริงจังว่าอย่างน้อยผม ผมควรรักตัวผมเองให้มากกว่านี้ เลิกทำร้ายความตัวเองด้วยการไปยึดติดกับความสุขที่เกิดขึ้นในอดีต เลิกเป็นห่วงเค้าได้แล้ว...ให้แฟนเค้าทำหน้าที่ดูแลเค้าไป แล้วก็หัดเป็นห่วงตัวเองให้มากขึ้นด้วย แล้วก็ควรจะยินดีกับเค้าที่เค้ามีความสุขมากกว่ามานั่งคิดให้คนสองคนเลิกกัน (แม้ว่าบางเสี้ยวความคิดลึก ๆ ผมก็อยากให้เค้าเลิกกัน) แล้วก็ควรจะเลิกหวังได้แล้วว่าถ้าเค้าเลิกกัน แล้วจะกลับมาคบกับผมใหม่
ผมเองก็คงไม่รู้หรอกว่า เค้าสองคนจะคบกันได้นานมั้ย แต่เวลาได้เห็นสีหน้าที่มีความสุขของแฟนที่ตอนนี้มีคนที่สามารถดูแลเค้าได้ดีกว่าผม นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เราสองคนได้ทำอะไรต่าง ๆ ด้วยกัน ตลอดช่วงที่เป็นแฟนกัน เค้าก็คอยดูแลเทคแคร์ผมอย่างดี มันก็ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ แม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มปนน้ำตาความเศร้าของตัวผมเอง ที่เกิดจากการตัดความรู้สึกของตัวผมเองให้ไม่มีเค้าไม่ขาดสักที (แล้วก็คงไม่มีวันตัดขาดได้ด้วย)
อย่างน้อยที่สุด สิ่งทีผมได้บอกกับตัวเองคือ อย่างน้อยเค้าก็ยังอยู่บนโลกใบนี้นะ เรายังสามารถคุยกันได้อยู่ แม้ว่าสถานะจะไม่เหมือนเดิมก็ตาม
สิ่งที่ตัวผมต้องพยายามทำคือ การเลิกฝันลม ๆ แล้ง ๆ และก้าวเดินต่อไปบนความจริงให้ได้ (แม้ว่าจะทำได้ยาก...แต่ก็ไม่ทำไม่ได้) และคิดปลอบตัวเองสะว่าเค้าเปิดโอกาสให้ผมได้ไปเจอคนที่เหมาะสมกว่า (เจอเหตุการณ์คราวนี้....ผมยอมรับตรง ๆ ว่าถ้ามีรักครั้งใหม่ก็คงอดกลัวไม่ได้ว่าจะซ้ำรอย แบบคราวนี้ )
ท้ายนี้ ใครพอจะมีวิธีอะไร ทำให้เลิกนึกถึงแฟนเก่าได้ วิธีที่ทำให้คุยกับแฟนเก่าในสถานะเพื่อนได้
หรือวิธีที่ทำให้จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ก็แนะนำมาได้นะครับ
ขอบคุณครับ