วันนี้อยู่ ๆ ก็นึกอยากเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมากับการทำอะไรก็ไม่ประสบสำเร็จทุกอย่าง ก็ต้องเริ่มใหม่ตลอด
วันนี้นั่งว่าง ๆ งานไม่ค่อยยุ่งเท่าไรเลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
เริ่มตั้งแต่เรียนจบ ผมจบคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ทำงานพัสดุแน่นอนต้องทำเกี่ยวกับเอกสารเยอะมากโดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบงานเอกสาร ตอนที่เข้าใหม่ทำงานไม่ค่อยเป็นคนเดิมที่เคยทำย้ายไปทำตำแหน่งอื่น เขาไม่ค่อยอยากสอนงานเท่าไรถามคำตอบคำ ต้องศึกษาจากแฟ้มงานเก่า ๆ เอา งานแต่ละวันเยอะมาก จัดซื้อ จัดจ้าง อุปกรณ์ โครงการต่าง สั่งงานจะเอาเดี่ยวนั้นเลย เราพึ่งเขามายังไม่ค่อยเป็นงาน ทำไปศึกษางานไปทำให้ทำงานช้าไม่ทันใจผู้ใหญ่เครียดมากรู้สึกไม่อยากไปทำงาน ตอนนี้อยากลาออกมากๆๆๆๆ ทางบ้านบอกถ้าจะออกต้องให้ได้งานใหม่ก่อนตอนนั้นก็ไม่รู้ทำยังไงก็ทนทำจนถึง ปีกว่า ๆ รู้สึกเครียดมากปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิดเลยคิดอยากเปิดร้านคอม ตอนนั้นมีเพื่อนที่เรียนที่เดียวกันเปิดอยู่ก่อนแล้ว เลยสอบถามข้อมูลคร่าว เปิดร้านคอมเป็นยัง ต้องทำยังไงรายได้ดีไหม พอได้ข้อมูลจนแน่ใจว่าน่าจะไปได้ เลยทำเลเป็นตึกแถวอยู่ใกล้โรงเรียน มีร้านถ่ายเอกสาร 1 ร้าน มีร้านอินเตอร์เน็ต 1 ร้านซึ่งมีนักเรียนนักศึกษาให้บริการเยอะมาก คน เลยตัดสินใจเปิดร้านตรงนั้น รับซ่อมคอมฯ บริการอินเตอร์เน็ต ปริ้นงาน รายได้หักค่าใช้พอได้กำไรอยู่ ตอนนั้นก็ทำงานไปด้วย แฟนก็มาช่วยบ้าง(ยังไม่ได้แต่งงานกัน) ตอนนั้นรายได้จากร้านดีกว่าเงินเดือนที่ได้จากงานประจำ บวกกับไม่ค่อยอยากทำงานประจำแล้วเลย ลาออกจากงานประจำตอนแรกที่ลาออกรู้สึกโล่ง สบายใจ มีความสุขมาก มีร้านเป็นของตัวเองสบาย ไม่เครียด รู้สึกโอเคมาก ๆๆๆๆ
แต่หลังจากเปิดร้านได้ปีกว่า มีร้านมาเปิดเพิ่มขึ้น รายได้ลดลงจากเดิมมาก หมุนเงินไม่ทัน ค้างค่าเช่า ไม่ค่อยมีเงินใช้ ความเครียดกลับอีกคร้ง
ไม่นานก็เลิกกิจการ แต่อุปกรณ์ต่าง ๆ โต๊ะ เก้าอี้ คอมพิวเตอร์ยังเก็บไว้อยู่ ตอนนั้นมีเงินเก็บสักประมาณ 8-9 หมื่น ไม่รู้จะทำอะไร เริ่มหางานใหม่ซึ่งตอนนั้นพ่อแม่อยากให้เราแต่งงานกัน เดี่ยวคนจะมองไม่ดี เดี่ยวพ่อกับแม่จะช่วยเรื่องเงินให้ แต่งแล้วเดี่ยวช่วย ๆ ทำงานเดี่ยวก็ดีขึ้น ตอนนั้นไม่รู้คิดอย่างไร เลยแต่งงานกัน แล้วก็เริ่มต้นใหม่
ครั้งนี้บ้านแฟนอยู่ในตัวอำเภอเห็นร้านคอมฯ ร้านเน็ตมีนักเรียน ใช้บริการเยอะ อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ยังมีจึง
ตกลงกับแฟนว่าหาทำเลเปิดร้านคอมฯที่นี้อีกสักครั้ง แต่ผมจะขายของตามตลาดนัดแล้วให้แฟนเฝ้าร้าน ตอนแรกเริ่มขายลูกชิ้นปิ้งขายหน้าโรงเรียนเจอคนรู้จักบางคนทักเรียนจบแล้วทำไมไม่หางานทำ ทำไมต้องขายของ ทำไมไม่ทำงานกินเงินเดือน เยอะแยะไปหมด ขายดีแต่กำไรน้อยเลยเลิกขาย
พอเลิกขายลูกชิ้นปิ้งก็รับไอติมตักมาขาย ขายดีหมดทุกวันเลยผมคิดถ้าไปขายที่ตลาดนัดคนจะเยอะกว่านี้คงขายได้เยอะขึ้นตอนนั้นยังไม่ม่รถกระบะพอมีคนแถวบ้านจะขายรถเก่า ๆ ก็เลยไปขอซื้อเขาขายสด 70000 ตอนนั้นไม่มีเงินก้อนเลยขอผ่อนคนขายบอกถ้าผ่อนเขาขาย 95000 น่ะ ก็ตกลงโดยจ่ายดาวน์ 30000 ผ่อนเดือนละ 3000 ที่นี้แหละได้ไปขายที่ตลาดนัดสมใจ แฟนก็เฝ้าร้านไป
พอได้รถมาก็ไปขายที่ตลาด วันนี้ไปตลาดนี้ พรุ่งนี้ไปตลาดอีกที่หนึ่ง ไปขายทุกวันขายดีส่วนใหญ่จะหมดก็คิดว่าถ้าเราทำไอติมเองขายเองก็จะดีกว่านี้ ศึกษาสูตรวิธีการทำจากเน็ต ยูทูป เมื่อศึกษาจนแน่ใจแล้วเลยไปซื้อเครื่องทำไอติมพร้อมถังเก็บ ลองผิดลองถูก ให้คนแถวบ้านลองชิม ปรับปรุงรสชาติจนคิดว่ารสชาตินี้โอเคพร้อมขา
แต่ขายได้ประมาณ 1 ปี ก็เริ่มขายไม่ค่อยดีคนมาเดินตลาดน้อยลง กำลังซื้อน้อยลง ส่วนใหญ่คนจะซื้อพวกอาหารสดสำหรับทำกับข้าว (ช่วงนั้นประมาณ ปี 2557 ราคายางพาราตกลงมาก เช่นขี้ยาง โละ 16-18 บาท จากเดิม
โลละ 30-35 แถวบ้านผมส่วนใหญ่จะทำสวนยางพารารายได้หลักมาจากยางพารา) ทำให้รายได้ลดลง (มีต่อ)
ชีวิตเริ่มใหม่ตลอด ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักที
วันนี้นั่งว่าง ๆ งานไม่ค่อยยุ่งเท่าไรเลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
เริ่มตั้งแต่เรียนจบ ผมจบคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ทำงานพัสดุแน่นอนต้องทำเกี่ยวกับเอกสารเยอะมากโดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบงานเอกสาร ตอนที่เข้าใหม่ทำงานไม่ค่อยเป็นคนเดิมที่เคยทำย้ายไปทำตำแหน่งอื่น เขาไม่ค่อยอยากสอนงานเท่าไรถามคำตอบคำ ต้องศึกษาจากแฟ้มงานเก่า ๆ เอา งานแต่ละวันเยอะมาก จัดซื้อ จัดจ้าง อุปกรณ์ โครงการต่าง สั่งงานจะเอาเดี่ยวนั้นเลย เราพึ่งเขามายังไม่ค่อยเป็นงาน ทำไปศึกษางานไปทำให้ทำงานช้าไม่ทันใจผู้ใหญ่เครียดมากรู้สึกไม่อยากไปทำงาน ตอนนี้อยากลาออกมากๆๆๆๆ ทางบ้านบอกถ้าจะออกต้องให้ได้งานใหม่ก่อนตอนนั้นก็ไม่รู้ทำยังไงก็ทนทำจนถึง ปีกว่า ๆ รู้สึกเครียดมากปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิดเลยคิดอยากเปิดร้านคอม ตอนนั้นมีเพื่อนที่เรียนที่เดียวกันเปิดอยู่ก่อนแล้ว เลยสอบถามข้อมูลคร่าว เปิดร้านคอมเป็นยัง ต้องทำยังไงรายได้ดีไหม พอได้ข้อมูลจนแน่ใจว่าน่าจะไปได้ เลยทำเลเป็นตึกแถวอยู่ใกล้โรงเรียน มีร้านถ่ายเอกสาร 1 ร้าน มีร้านอินเตอร์เน็ต 1 ร้านซึ่งมีนักเรียนนักศึกษาให้บริการเยอะมาก คน เลยตัดสินใจเปิดร้านตรงนั้น รับซ่อมคอมฯ บริการอินเตอร์เน็ต ปริ้นงาน รายได้หักค่าใช้พอได้กำไรอยู่ ตอนนั้นก็ทำงานไปด้วย แฟนก็มาช่วยบ้าง(ยังไม่ได้แต่งงานกัน) ตอนนั้นรายได้จากร้านดีกว่าเงินเดือนที่ได้จากงานประจำ บวกกับไม่ค่อยอยากทำงานประจำแล้วเลย ลาออกจากงานประจำตอนแรกที่ลาออกรู้สึกโล่ง สบายใจ มีความสุขมาก มีร้านเป็นของตัวเองสบาย ไม่เครียด รู้สึกโอเคมาก ๆๆๆๆ
แต่หลังจากเปิดร้านได้ปีกว่า มีร้านมาเปิดเพิ่มขึ้น รายได้ลดลงจากเดิมมาก หมุนเงินไม่ทัน ค้างค่าเช่า ไม่ค่อยมีเงินใช้ ความเครียดกลับอีกคร้ง
ไม่นานก็เลิกกิจการ แต่อุปกรณ์ต่าง ๆ โต๊ะ เก้าอี้ คอมพิวเตอร์ยังเก็บไว้อยู่ ตอนนั้นมีเงินเก็บสักประมาณ 8-9 หมื่น ไม่รู้จะทำอะไร เริ่มหางานใหม่ซึ่งตอนนั้นพ่อแม่อยากให้เราแต่งงานกัน เดี่ยวคนจะมองไม่ดี เดี่ยวพ่อกับแม่จะช่วยเรื่องเงินให้ แต่งแล้วเดี่ยวช่วย ๆ ทำงานเดี่ยวก็ดีขึ้น ตอนนั้นไม่รู้คิดอย่างไร เลยแต่งงานกัน แล้วก็เริ่มต้นใหม่
ครั้งนี้บ้านแฟนอยู่ในตัวอำเภอเห็นร้านคอมฯ ร้านเน็ตมีนักเรียน ใช้บริการเยอะ อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ยังมีจึง
ตกลงกับแฟนว่าหาทำเลเปิดร้านคอมฯที่นี้อีกสักครั้ง แต่ผมจะขายของตามตลาดนัดแล้วให้แฟนเฝ้าร้าน ตอนแรกเริ่มขายลูกชิ้นปิ้งขายหน้าโรงเรียนเจอคนรู้จักบางคนทักเรียนจบแล้วทำไมไม่หางานทำ ทำไมต้องขายของ ทำไมไม่ทำงานกินเงินเดือน เยอะแยะไปหมด ขายดีแต่กำไรน้อยเลยเลิกขาย
พอเลิกขายลูกชิ้นปิ้งก็รับไอติมตักมาขาย ขายดีหมดทุกวันเลยผมคิดถ้าไปขายที่ตลาดนัดคนจะเยอะกว่านี้คงขายได้เยอะขึ้นตอนนั้นยังไม่ม่รถกระบะพอมีคนแถวบ้านจะขายรถเก่า ๆ ก็เลยไปขอซื้อเขาขายสด 70000 ตอนนั้นไม่มีเงินก้อนเลยขอผ่อนคนขายบอกถ้าผ่อนเขาขาย 95000 น่ะ ก็ตกลงโดยจ่ายดาวน์ 30000 ผ่อนเดือนละ 3000 ที่นี้แหละได้ไปขายที่ตลาดนัดสมใจ แฟนก็เฝ้าร้านไป
พอได้รถมาก็ไปขายที่ตลาด วันนี้ไปตลาดนี้ พรุ่งนี้ไปตลาดอีกที่หนึ่ง ไปขายทุกวันขายดีส่วนใหญ่จะหมดก็คิดว่าถ้าเราทำไอติมเองขายเองก็จะดีกว่านี้ ศึกษาสูตรวิธีการทำจากเน็ต ยูทูป เมื่อศึกษาจนแน่ใจแล้วเลยไปซื้อเครื่องทำไอติมพร้อมถังเก็บ ลองผิดลองถูก ให้คนแถวบ้านลองชิม ปรับปรุงรสชาติจนคิดว่ารสชาตินี้โอเคพร้อมขา
แต่ขายได้ประมาณ 1 ปี ก็เริ่มขายไม่ค่อยดีคนมาเดินตลาดน้อยลง กำลังซื้อน้อยลง ส่วนใหญ่คนจะซื้อพวกอาหารสดสำหรับทำกับข้าว (ช่วงนั้นประมาณ ปี 2557 ราคายางพาราตกลงมาก เช่นขี้ยาง โละ 16-18 บาท จากเดิม
โลละ 30-35 แถวบ้านผมส่วนใหญ่จะทำสวนยางพารารายได้หลักมาจากยางพารา) ทำให้รายได้ลดลง (มีต่อ)