เราอายุ26ปีค่ะ พึ่งแต่งงานกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน
เราคบกับแฟนตั้งแต่มัธยมปลายคือ ม.4
เราไม่เคยมีเพศสัมพันธ์อย่างมากสุดก็แค่จุปเเก้มเราเพราะเขาเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิงเสมอ แต่งงานมาได้6เดือน สามีเราก็พูดกับเราว่าอยากมีลูก (เรามีเรื่องอยากสารภาพค่ะ คือเราเป็นผู้ติดเชื้อHIVเพราะเรามีเพศสัมพันธ์กับวันไนท์สแตนด์ตอนเราอายุ23คือตอนนั้นเราไปเที่ยวแล้วเมาจึงมีเพศสัมพันธ์แบบตอนเมาและเราก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นเลย)
สามีก็อยากมีลูก
เราก็เลยคิดและตัดสินใจบอกความจริงกับสามีว่าเราติดเชื้อHIVตอนไปเที่ยวครั้งนั้นเพราะเราเมาและเราไม่ได้ตั้งใจ
สามีเราอึ้งสักพักแล้วก็ดึงเราไปกอดพร้อมกับร้องไห้
สามีเราจึงพูดขึ้นว่า
(เรารักเธอที่เธอเป็นเธอต่อให้เธอติดเชื้อร้ายแรงแค่ไหนหรือเป็นโรคที่ติดต่อที่ร้ายแรงแค่ไหนเราก็รักเธอ)
เราก็ได้แต่ร้องไห้แล้วบอกกับเขาว่า ขอโทษถ้าเลือกได้เราก็ไม่อยากไห้มันเกิดขึ้น
หลังจากนั้นเราก็รับเลี้ยงลูกบุญธรรม1คน เรามีความสุขมากและเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
เราได้ข้อคิดจากเรื่องนี้คือ “ถ้าเราเลือกที่จะเชื่อใจหรือรักใครสักคนไม่ว่าเขาจะทำผิดแค่ไหนเราก็พร้อมที่จะให้อภัยเขาเสมอและเราควรจะซื่อสัตย์ต่อเขาไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง” หวังว่าคงเป็นข้อคิดเตือนใจหลายๆนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ
คำว่า ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
เราคบกับแฟนตั้งแต่มัธยมปลายคือ ม.4
เราไม่เคยมีเพศสัมพันธ์อย่างมากสุดก็แค่จุปเเก้มเราเพราะเขาเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิงเสมอ แต่งงานมาได้6เดือน สามีเราก็พูดกับเราว่าอยากมีลูก (เรามีเรื่องอยากสารภาพค่ะ คือเราเป็นผู้ติดเชื้อHIVเพราะเรามีเพศสัมพันธ์กับวันไนท์สแตนด์ตอนเราอายุ23คือตอนนั้นเราไปเที่ยวแล้วเมาจึงมีเพศสัมพันธ์แบบตอนเมาและเราก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นเลย)
สามีก็อยากมีลูก
เราก็เลยคิดและตัดสินใจบอกความจริงกับสามีว่าเราติดเชื้อHIVตอนไปเที่ยวครั้งนั้นเพราะเราเมาและเราไม่ได้ตั้งใจ
สามีเราอึ้งสักพักแล้วก็ดึงเราไปกอดพร้อมกับร้องไห้
สามีเราจึงพูดขึ้นว่า
(เรารักเธอที่เธอเป็นเธอต่อให้เธอติดเชื้อร้ายแรงแค่ไหนหรือเป็นโรคที่ติดต่อที่ร้ายแรงแค่ไหนเราก็รักเธอ)
เราก็ได้แต่ร้องไห้แล้วบอกกับเขาว่า ขอโทษถ้าเลือกได้เราก็ไม่อยากไห้มันเกิดขึ้น
หลังจากนั้นเราก็รับเลี้ยงลูกบุญธรรม1คน เรามีความสุขมากและเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
เราได้ข้อคิดจากเรื่องนี้คือ “ถ้าเราเลือกที่จะเชื่อใจหรือรักใครสักคนไม่ว่าเขาจะทำผิดแค่ไหนเราก็พร้อมที่จะให้อภัยเขาเสมอและเราควรจะซื่อสัตย์ต่อเขาไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง” หวังว่าคงเป็นข้อคิดเตือนใจหลายๆนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ