สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
อนุโมทนา ในกุศลจิต และ ความตั้งใจปฏิบัติดีนะคะ
การรักษาเพศพรหมจรรย์ให้ได้ยาวนานนั้น เริ่มจาก เห็นโทษเห็นภัย “กามทั้งหลาย” ว่าเป็นของร้อน เป็นของหนักค่ะ
ส่วนการจะครองผ้ากาสาวพัสตร์ ได้นานไหม จะมีเหตุมีปัจจัยหลากหลายแตกต่างกันแต่ละบุคคล
ว่าบุญเก่ามีมากมากแค่ไหน บาปเก่าจะมีตามมาขัดจังหวะหรือไม่
หลักง่ายๆ คือ ทำวันต่อวันให้ดีที่สุดค่ะ
ลองวิธีนี้ดูนะคะ ฝึกไว้ให้คุ้นเคย ตั้งแต่ก่อนบวช หรืออีกนัยหนึ่งคือ บวชใจให้ได้หมดจดที่สุด
เมื่อวาระมาถึง การบวชกายก็จะเป็นไปได้อย่างราบรื่นค่ะ
๑. พิจารณาว่า หากวันนี้ เป็นวันสุดท้ายของชีวิต
มรณสติ จะช่วย หั่นความหลงอันยาวนานลงได้ง่ายที่สุดค่ะ
เช่น โกรธใคร หรือ รักใครอยู่ ... แค่ตระหนักว่า นี่มันเรื่องก่อนตาย กิเลสแรงๆทั้งหลายจะคลายตัวลงได้แทบจะทันที
๒. ฝึกฝืน ไม่ตามใจกิเลสบ้าง
เช่น ไม่นอนบนที่นอนที่นุ่มสบายเกินไป / รู้สึกตัวแล้วไม่นอนต่อเพราะความเกียจคร้าน / นอนเร็วขึ้น ตื่นเช้ามากขึ้น
ตื่นขึ้นมาสวดมนต์ตอนเช้า และเจริญภาวนา
เมื่อฝึกจนชิน การตื่นมาทำวัตรเช้าหลังบวช จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปค่ะ
๓. สำรวมอินทรีย์
ฝึกระวัง และ รู้เท่าทัน กิเลส ที่เกิดขึ้น และ กระทบใจแรงๆค่ะ
ถ้าไม่จำเป็น ก็หลีกเลี่ยง เช่นบรรดาข้าศึกต่อกุศลทั้งหลาย
ถ้ากิเลสเกิดขึ้นแล้ว ก็ให้สังเกตใจตัวเองให้ชัด ว่ามันมักจะเกิดขึ้นเพราะเหตุใด และ ดับไปเพราะเหตุใด
เห็นการ เกิด/ดับ ของอารมณ์ในใจบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งรู้สึกว่า
ตัวตนที่เรายึดถือมานาน แท้จริงแล้ว มันไม่ได้ มีขึ้น หรือ คงอยู่เพื่อตามใจเรา หรือเป็นของเราเลย
เคารพกฏแห่งไตรลักษณ์ / หมั่นเจริญสติเนือง ๆ
จิตใจจะทราบได้ด้วยตัวเองค่ะ ว่าถึงเวลาบวชแล้วหรือยัง
การรักษาเพศพรหมจรรย์ให้ได้ยาวนานนั้น เริ่มจาก เห็นโทษเห็นภัย “กามทั้งหลาย” ว่าเป็นของร้อน เป็นของหนักค่ะ
ส่วนการจะครองผ้ากาสาวพัสตร์ ได้นานไหม จะมีเหตุมีปัจจัยหลากหลายแตกต่างกันแต่ละบุคคล
ว่าบุญเก่ามีมากมากแค่ไหน บาปเก่าจะมีตามมาขัดจังหวะหรือไม่
หลักง่ายๆ คือ ทำวันต่อวันให้ดีที่สุดค่ะ
ลองวิธีนี้ดูนะคะ ฝึกไว้ให้คุ้นเคย ตั้งแต่ก่อนบวช หรืออีกนัยหนึ่งคือ บวชใจให้ได้หมดจดที่สุด
เมื่อวาระมาถึง การบวชกายก็จะเป็นไปได้อย่างราบรื่นค่ะ
๑. พิจารณาว่า หากวันนี้ เป็นวันสุดท้ายของชีวิต
มรณสติ จะช่วย หั่นความหลงอันยาวนานลงได้ง่ายที่สุดค่ะ
เช่น โกรธใคร หรือ รักใครอยู่ ... แค่ตระหนักว่า นี่มันเรื่องก่อนตาย กิเลสแรงๆทั้งหลายจะคลายตัวลงได้แทบจะทันที
๒. ฝึกฝืน ไม่ตามใจกิเลสบ้าง
เช่น ไม่นอนบนที่นอนที่นุ่มสบายเกินไป / รู้สึกตัวแล้วไม่นอนต่อเพราะความเกียจคร้าน / นอนเร็วขึ้น ตื่นเช้ามากขึ้น
ตื่นขึ้นมาสวดมนต์ตอนเช้า และเจริญภาวนา
เมื่อฝึกจนชิน การตื่นมาทำวัตรเช้าหลังบวช จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปค่ะ
๓. สำรวมอินทรีย์
ฝึกระวัง และ รู้เท่าทัน กิเลส ที่เกิดขึ้น และ กระทบใจแรงๆค่ะ
ถ้าไม่จำเป็น ก็หลีกเลี่ยง เช่นบรรดาข้าศึกต่อกุศลทั้งหลาย
ถ้ากิเลสเกิดขึ้นแล้ว ก็ให้สังเกตใจตัวเองให้ชัด ว่ามันมักจะเกิดขึ้นเพราะเหตุใด และ ดับไปเพราะเหตุใด
เห็นการ เกิด/ดับ ของอารมณ์ในใจบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งรู้สึกว่า
ตัวตนที่เรายึดถือมานาน แท้จริงแล้ว มันไม่ได้ มีขึ้น หรือ คงอยู่เพื่อตามใจเรา หรือเป็นของเราเลย
เคารพกฏแห่งไตรลักษณ์ / หมั่นเจริญสติเนือง ๆ
จิตใจจะทราบได้ด้วยตัวเองค่ะ ว่าถึงเวลาบวชแล้วหรือยัง

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ศาสนาพุทธ
ปลงใจก่อนบรรพชา บวชอย่างจริงจังไม่สึกออกมาเป็นฆราวาส ?
่ตนเอง ที่สำคัญปากของจขกทชอบคุยเรื่องบวช เที่ยวไปคุยกับคนอื่นว่าจะบวชแล้ว จะบวชแล้ว ปรากฎว่าเลยเวลามาแล้วก็ยังไม่ได้บวช กลายเป็นคนที่ดีแต่พูด พูดไม่จริงในสายตาคนอื่น เนื่องมาจากนิสัยปากไวชอบพูดชอบคุย เลยอยากถามผู้รู้ธรรมทั้งหลายว่า ถ้าตั้งใจจะบวชตลอดชีวิต เพราะเห็นทุกข์เห็นภัยในวัฏสงสารจริงๆ จะต้องปลงใจแบบไหนหรือว่าดูใจพิจารณาใจอย่างไรก่อนออกบวช